เตียวร่วนถือโคมไฟผีเสื้อมาด้วย กิริยานางน่าชมและถูกใจอู๋หยางจีไปเสียหมด เขาเอ่ยชวนนางกินขนมแป้งทอดด้วยกัน นางก็ยินดี แถมกินด้วยความน่ารัก จนเขาอยากหอมแก้มนวลๆ สักฟอด
“ข้าเดินเล่นกับคุณชายได้เพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น”
“อาร่วน ถึงแม้เป็นช่วงเวลาแค่ชั่วจิบน้ำชา ข้าก็พอใจแล้ว การได้พบเจ้าคืนนี้สำคัญเหนืออื่นใด” เขาเอ่ยจบจึงพานางชมร้านค้าต่างๆ พร้อมเลือกเครื่องประดับให้นาง เป็นกำไรหยกขาวที่เหมาะกับนาง มันขับให้ผิวขาวอมชมพูสว่างสดใส
“เกรงใจคุณชายเหลือเกิน”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง อันที่จริงเขาไม่ได้มีเงินเหลือมาก แต่การตอบแทนน้ำใจสาวงาม บุรุษเช่นเขาย่อมต้องแสดงออกอย่างชัดแจ้ง
“ของเหล่านี้ล้วนเหมาะแก่อาร่วน เสียดายข้าถูกโจรขโมยเงินทองไป ไม่เช่นนั้นคงซื้อหาเครื่องประดับให้อาร่วนได้มากกว่านี้”
เตียวร่วนมองชายหนุ่ม นางมองด้วยสายตาหวานล้ำ
“ท่านช่างมีน้ำใจ”
อู๋หยางจีได้ยินคำหวาน ยิ่งให้ถูกใจกว่าเดิม เขามีความคิดมากมายในหัว และหากไม่มากเกินไป เขาอยากหาที่สงบๆ เพื่อได้สานสัมพันธ์กับนาง
“คุณชายรู้หรือไม่ เมืองใหญ่นี้มีสวนสนงดงาม หนุ่มสาวชอบไปเดินเล่นกันในเทศกาลขนมกระดูกขาว”
“เช่นนั้น เจ้าอยากนำทางข้าหรือไม่อาร่วน” เมื่อนางเปิดทาง อู๋หยางจีก็ไม่ใช่บุรุษเบาปัญญา
“หากคุณชายไม่รังเกียจกลัวข้าจะพาหลงทาง เชิญตามมาเถิด”
หลังจากนั้น ทั้งคู่จึงนั่งรถม้ารับจ้างเพื่อไปชมสวนสน ที่อยู่ทางทิศใต้ของเมือง สถานที่แห่งนี้มีบรรยากาศดี หนุ่มสาวออกมาใช้เวลาร่วมกันอยู่มิน้อยทีเดียว
“ช่างเป็นสถานที่แสนวิเศษ อาร่วนเลือกได้ดี” เมื่อเขาเอ่ยจบจึงก้าวไปชิดเตียวร่วน ยามนั้นมีการจุดพลุจึงทำให้ค่ำคืนนี้งดงาม สว่างไสว
อู๋หยางจีมีความสุขเหลือเกิน เขาจึงเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะ ส่วนคนข้างกายคอยถามไถ่สิ่งต่างๆ จากเขาไม่หยุด
“คุณชายมีความตั้งใจอยากรับใช้ผู้คน นับว่าประเสริฐยิ่ง”
“มันเป็นสิ่งที่ข้าจำได้ตั้งแต่เล็ก ปู่ทวดปลูกฝังให้ข้าเป็นบัณฑิตที่รักความยุติธรรม”
เตียวร่วนยิ้มตาม นางทำท่าเข้าอกเข้าใจชายหนุ่ม แสดงให้เขาเห็นว่าใส่ใจเพียงใด
“ข้ามีความรู้น้อย อีกทั้งไม่ค่อยได้ออกไปไหน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เมืองนี้ ทุกอย่างก็ขัดสนไปหมด และยังต้องเลี้ยงน้องชายที่เกเร เงินทองที่มีร่อยหรอลงไปทุกวัน หากโชคดีที่ยังได้งานปักผ้ามาจุนเจือครอบครัว”
“หากมีสิ่งใดที่ข้าแบ่งเบาภาระเจ้าได้ ข้ายินดีช่วยเหลือ” อู๋หยางจีเอ่ยแล้วส่งยิ้มให้เตียวร่วน
หญิงงามได้ยินเขากล่าวจึงรีบยกมือผสานกันเพื่อแสดงความขอบคุณ
“ข้านั้นเป็นเพียงกรวดทราย ท่านเมตตาเช่นนี้เตียวร่วนซึ้งน้ำใจ และไม่รู้ว่าชาตินี้จะตอบแทนอย่างไร” นางบอกเขา ดวงตาดอกท้อมีน้ำใสๆ คลอหน่วย
“นั่น! เจ้าร้องไห้”
“ขะ ข้าอดตื้นตันมิได้ ตั้งแต่บิดาจากไป ก็มีท่านที่ห่วงใยข้าถึงเพียงนี้ ทั้งที่เราพึ่งพบหน้ากัน”
ชายหนุ่มได้ยินคำที่นางเอ่ยก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง หากดูแลนางกับครอบครัวได้จะดีเช่นไร ถึงเขาจะมาจากตำบลเล็กๆ ห่างจากเมืองฝูหาน กระนั้นตระกูลอู๋ เป็นตระกูลเก่าแก่ บิดาเขาเสียไปนานแล้ว แต่มารดามีความรู้เรื่องเครื่องหอม นางใช้สิ่งนี้ดูแลตระกูลอู๋มาหลายสิบปี ซึ่งเรียกได้ว่าเครื่องหอมของนาง เป็นที่เลื่องลือของคนทั้งแคว้น
“ข้ามีคิดว่าเราคงมีวาสนาต่อกัน ถึงได้อย่างดูแลเจ้า”
เตียวร่วนแสดงสีหน้าตกใจต่อเขาพูดเขา
“คุณชายหมายความว่า”
“ตามที่กล่าว หากไม่รังเกียจน้ำใจข้า เจ้าควรเปิดใจมากกว่านี้”
หญิงสาวรับรู้ถึงความนัยที่อยู่ในคำพูดเขา ทว่าจะตอบรับในตอนนี้คงไม่งามสักเท่าใด
“อย่างที่ข้าบอก เราพึ่งรู้จักกัน”
“ฮ่าๆ ๆ ข้ามันใจร้อน ทำเช่นนี้ขายหน้าเจ้าแล้วอาร่วน”
เตียงร่วนหัวเราะตามอู๋หยางจี แล้วทั้งคู่จึงเดินคลอเคลียกันไป กระทั่งถึงมุมที่ลับตา เตียงร่วนก็รู้สึกถึงแรงปรารถนาของชายหนุ่ม และนางคิดว่าต้องหาวิธีทำให้เขาพึงใจนางมากกว่านี้ เมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวยนางต้องรีบเผด็จศึก
“ข้าปวดตรงข้อเท้าเหลือเกินคุณชาย”
ชายหนุ่มเห็นสีหน้าหญิงสาวไม่สู้ดี จึงก้มลงไปดู แต่นางรีบห้ามเขาด้วยกลัวไม่เหมาะสม
“เช่นนั้นให้ข้าจะอุ้มเจ้าเถิด”
เมื่อเขาเอ่ยจบร่างของเตียงร่วนก็ถูกเขาอุ้มแนบอก พาเดินชมสวนสน และแสงสวยงามจากพลุที่จุดขึ้นอีกรอบ
กระทั่งอู๋หยางจีพานางมานั่งบนหินก้อนใหญ่ เขาก็ตรวจดูตรงข้อเท้านาง เพียงสัมผัส สีหน้าของเตียงร่วนดูเหมือนจะเจ็บปวดจนบิดเบี้ยว กระนั้นยังงามตราตรึง
“คงเป็นเพราะเมื่อวันก่อน ข้าสะดุดขาตัวเอง ตอนที่วิ่งหนีชายใจทรามสองคนนั่น”
เตียงร่วนเอ่ยถึงวันที่นางกับเขาได้พบกัน และเขาเป็นฝ่ายสงสัยว่านางคือหญิงแก่นักต้มตุ๋น
“ทั้งหมดล้วนเป็นข้าทำให้อาร่วนเจ็บตัว”
“หามิได้คุณชาย”
อู๋หยางจีไม่เอ่ยคำใดอีก เขาถอดรองเท้านางและช่วยนวดเบาๆ จากนั้นจึงหยิบขวดยาเล็กๆ ในเสื้อออกมา แล้วทาที่ข้อเท้าเล็กของนาง
เตียงร่วนจั๊กจี้ และรู้สึกร้อนในจุดที่เขาทายาและออกแรงนวด นางมองเขาด้วยความขอบคุณ
“คุณชายอู๋ เป็นคนดี”
“แล้วคนดีอย่างข้า จะพิชิตใจสาวงามได้หรือไม่” เขาเอ่ยแล้วหยุดมือจากการนวดข้อเท้านาง จากนั้นริมฝีปากบางของอู๋หยางจียื่นเข้าไปใกล้ๆ หน้าผากกลมนวลเนียน อึดใจต่อมา เขาก็ฝังจุมพิตอ่อนหวานลงที่หน้าผากเตียวร่วน
“คะ คุณชาย...ท่าน ปรารถนาในตัวข้าเช่นนั้นหรือ”
หญิงสาวถามเสียงหวาน คำตอบจากชายหนุ่มคือการที่นิ้วยาวแข็งแรงของเขาที่สัมผัสลำคอระหง เขาออกแรงบีบเล็กน้อย บีบพอให้นางทั้งกลัว ทั้งเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกต่อความลี้ลับซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นระหว่างหญิงชาย
ชั่วอึดใจต่อมา ริมฝีปากอุ่นๆ ของชายหนุ่มก็ร้อนลวกลำคอระหงของเตียวร่วน เขาขบดูด ตามแรงปรารถนาที่ท่วมท้นในร่างกาย อู๋หยางจีไม่ได้คิดข่มเหงเตียวร่วน แต่แรงปรารถนาเขาก็มากล้น และเขาพร้อมรับผิดชอบทุกสิ่งหากมันจะเกินเลย ดวงตาดอกท้อมองเขาด้วยความหยาดเยิ้ม
“คุณชาย ทะ ท่านประสงค์สิ่งใด”
“ทุกอย่าง จากเรือนกายเจ้า หากไม่มากเกินไป ขอข้าได้ครอบครอง” เขาเอ่ยจบก็จูบนางหนักหน่วง
เตียวร่วนหายใจแรงถี่รัว นางไม่อาจห้ามตนเองได้ มือทั้งสองข้างกอดรัดเขาแน่น พอชายหนุ่มรุกหนักๆ นางก็ผะผ่าวร้อนไปทั้งร่างโดยเฉพาะจุดที่อยู่ในร่มผ้า
มินานสาปเสื้อของนางจึงถูกแหวกกว้าง และจมูกโด่งๆ ของเขาก็ฝังเข้ากลางร่องหน้าอกนาง
หญิงสาวบิดกายหลบหนีเขาด้วยความซาบซ่าน แต่ถูกคนตัวโตกว่ารวบมือทั้งสองข้างไว้ จากนั้นริมฝีปากเขาก็ทั้งหอม ทั้งส่งความสยิวแก่นาง
ปลายลิ้นสากๆ ตวัดโลมเลียยอดถันสีชมพูอ่อน เขาดูด ขบเม้ม สลับการถูกใบหน้าหล่อเหลากับหน้าอกสวยที่เด้งไหวรับทุกการเล้าโลม
ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็เคลื่อนไปด้านล่าง มินานผ้าผูกเอวนางก็หลุดล่วง กว่าเตียวร่วนจะรู้ตัว มือของเขาก็วางแปะที่กลีบบุปผาชื้นแฉะของนางแล้ว
หญิงสาวสั่นสะท้าน ชายหนุ่มนับว่าเอาอกเอาใจ และยังรู้ว่าจุดใดที่สตรีจะส่งเสียงร้องสะท้านด้วยความหวามไหว
ลิ้นของเขาตวัดเย้าหยอกกับลิ้นของนาง ทั้งคู่เดี๋ยวจูบ เดี๋ยวดูดริมฝีปากและแลกเปลี่ยนความหวานล้ำจากอีกฝ่าย
เมื่อเตียวร่วนส่งเสียงหวานติดๆกันหลายหน และความอุ่นชื้นที่กลีบบุปผานางชุ่มฉ่ำนิ้วยาวของอู๋หยางจี เขาก็ค่อยๆ เลื่อนจมูกโด่งลงมา สูดกลิ่นกายสาว จากลำคอ เนินหน้าอก หน้าท้องแบนราบ ก่อนถึงจุดแสนสวาทของนาง
ดวงตาดอกท้อ ส่งความหวานล้ำให้ชายหนุ่ม แต่นางก็มองเขาได้ไม่นาน เพราะเมื่อปลายลิ้นสากๆ แทรกเนื้อนิ่ม เพื่อผ่านเข้าไปนานใน เตียวร่วนก็หลับตาลง นางร้องเสียงสูงๆ ต่ำๆ ด้วยความกำซาบที่เขาเย้าหยอก
“คุณชายอู๋... ขะ ข้ายอมท่านแล้ว”
นางเอ่ยและพยายามหนีบขาเข้าหากัน แต่ชายหนุ่มย่อมมีแรงมากกว่า เขาจัดการแยกขาเรียวสวยของนาง แยกจนกว้าง และเผยให้เห็นผืนผิวที่งดงาม ซึ่งยามนี้มีแสงจันทร์ทาบทับ
เตียวร่วนไม่เคยเผยกายให้ชายใดชื่นชมเพียงนี้ และในยังเป็นสถานที่กลางป่ากลางเขา มันทั้งตื่นเต้นน่ากลัว หากชวนให้หวาดเสียวพอกัน
เมื่อสองขาแยกห่างออกจากกัน ปลายลิ้นเรียวสากๆ ของเขาก็จ้วงแทงกลีบปุบผา ความซาบซ่านเกินจะต้านทานแล้วในตอนนั้น
เตียวร่วนสั่นสะท้าน นางหวีดเสียงหวานออกมาไม่หยุด
“คุณชายอู๋... ทะ ท่าน...ปรารถนาสิ่งใด” นางขัดเขินมาก แต่มิอาจห้ามใจตนได้ นางอยากพลีกาย อยากให้ชายหนุ่มเข้ามาในเรือนกายสาวสะพรั่งนี้
“ข้าเข้าไปข้างในเจ้าได้ไหม อาร่วน”
ไม่ทันได้ตอบคำถามใด นางก็เอื้อมทั้งสองมือมากดศีรษะของอู๋หยางจี จากนั้นความสุขก็มากล้นจนเตียวร่วนล้นครางเสียงหวาน และคำรามขู่เบาๆ ได้ยินแล้ว อู่หยางจีจึงเพิ่มความรัญจวนใจต่อนาง เขาแทรกปลายลิ้นเข้าไปลึกๆ พลอยให้นางแทบจะปลดปล่อยความฉ่ำหวานใส่หน้าเขา