พรึบ! ภาพเหตุการณ์บางอย่างปรากฏขึ้นมาให้อุปราชปีศาจได้ทอดพระเนตร ด้วยญาณหยั่งรู้ที่พระองค์ได้มาจากวิชาอมตะที่อยู่คู่พระวรกายมาโดยตลอด ซึ่งภาพดังกล่าวคือร่างอันไร้วิญญาณขององค์หญิงน้อยเต็มไปด้วยโลหิตที่กระอักออกมาเพราะสำลักพิษร้ายแรงอยู่ภายในห้องพระบรรทมของเย่วฮองเฮา
ท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้ของเย่วฮองเฮาดังระงมไปทั่วทั้งพระตำหนักก่อนที่จะสำลักพิษออกมาพร้อมพระโลหิตกองใหญ่ และล้มฟุบลงไปบนแท่นพระบรรทมสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมาตามพระขนิษฐาไปติดๆ พร้อมกับทารกในพระครรภ์
หมับ! พระหัตถ์ที่กำลังขยี้เส้นผมองค์หญิงน้อยไปมาด้วยความเอ็นดูอยู่ในเวลานั้น พลันกำเข้าหากันจนแน่นทันที เมื่อญาณหยั่งรู้ทำให้อุปราชปีศาจทอดพระเนตรภาพเหตุการณ์ล่วงหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นนับต่อจากนี้ ก่อนจะหันกลับไปสังเกตดวงอาทิตย์ที่กำลังเย็นย่ำได้ลงไปทุกขณะ
“จริงสิเพ่ยเอ๋อร์! เห็นบอกว่าพี่หญิงของเจ้าป่วยเป็นไข้ลมหนาวอยู่ไม่ใช่เหรอ ระวังจะป่วยตามนางไปด้วย เดี๋ยวข้าจะไปนำยารักษาโรคทุกชนิดฝากเจ้าไป และนำไปให้พี่หญิงของเจ้ากินเสีย นางจะได้หายป่วยจากไข้ลมหนาว หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เป็นอันตรายทั้งแม่และทารกในครรภ์ และเจ้าก็จะต้องกินด้วยเช่นกันเพื่อป้องกันไม่ให้ล้มป่วย”
ครั้นองค์หญิงน้อยได้ยินเช่นนั้นพระพักตร์พยักขึ้นลงติดต่อกันทันที
“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านปู่ พี่หญิงป่วยเป็นไข้ลมหนาวอาการไม่สู้ดีเอาเสียเลย ข้าเองก็รู้สึกวันนี้ครั่นเนื้อครั่นตัวด้วยเจ้าค่ะ ดูท่าจะติดไข้กับพี่หญิงมาหรือเปล่าก็ไม่รู้”องค์หญิงน้อยรับสั่งอธิบายอาการของนางกลับไป
พระหัตถ์ของอุปราชปีศาจรีบตรงเข้าอังหน้าผากขององค์หญิงน้อยทันที และพบว่านางกำลังมีไข้ต่ำๆ ปรากฏขึ้นอยู่ในเวลานี้จึงทำให้ไม่แปลกพระทัยเลยว่า เพราะเหตุใดจึงเห็นภาพล่วงหน้าขององค์หญิงน้อยสิ้นพระชนม์ไปพร้อมกับเย่วฮองเฮา เพราะสองพี่น้องล้มป่วยจึงทำให้คนร้ายสบโอกาสลงมือวางยาพิษสังหาร และจะเป็นการวางยาพิษที่มาจากถ้วยยาอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นรอข้าเพียงครู่จะกลับไปที่ห้องปรุงยาเพื่อนำมารักษาเจ้าพี่น้องสองคน”อุปราชปีศาจรับสั่งพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เสด็จออกไปจากห้องหนังสือของพระองค์อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาขององค์หญิงน้อยที่มองตามหลัง
ครั้นก้าวพ้นออกมาจากห้องหนังสือจนไม่สามารถมองเห็นได้อีก อุปราชปีศาจเร้นพระวรกายจากทางเดินที่ทอดยาวตรงไปที่ห้องปรุงยาอย่างรวดเร็ว
ฟิ้วววว!!! เพียงชั่วพริบตาพระวรกายสูงใหญ่ปรากฏอยู่ในห้องปรุงยาส่วนพระองค์ ก่อนจะเสด็จตรงไปที่ชั้นวางไม้ไผ่ซึ่งเต็มไปด้วยขวดยามากมาย ตั้งวางเรียงรายจนละลานตาไปหมดก่อนจะเลือกหยิบยารักษาอาการป่วยได้ทุกโรคออกมา
“ยาขวดนี้รักษาได้เพียงอาการป่วยทุกโรคเท่านั้น แต่ล้างพิษให้กับเพ่ยเอ๋อร์ไม่ได้”อุปราชปีศาจรับสั่งพึมพำ
นิ้วพระหัตถ์ค่อยๆ ถูกยกขึ้นเพื่อขบกัดให้เกิดรอยแผล ตั้งพระทัยจะหยดพระโลหิตของพระองค์ลงไปในขวดยาที่กำลังถืออยู่ในพระหัตถ์ขณะนี้
ทันใดนั้นเอง
“หากเจ้าสละโลหิตให้กับเด็กน้อยผู้นั้น จะเกิดผลอย่างไรที่จะตามมาเจ้าเองก็ล่วงรู้ดีไม่ใช่เหรอ”จิตใต้สำนึกของอุปราชปีศาจดังขึ้นมาในความคิดโดยพลัน
“ข้าล่วงรู้ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากแม้นต่อไปเบื้องหน้าข้าจะต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของนางแล้วละก็ นั่นก็หมายถึงลิขิตสวรรค์ได้กำหนดให้ข้าจบสิ้นชีวิตที่เป็นอมตะเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ แต่จะไปเสียดายทำไมในเมื่อข้าก็อยู่มานานจนเห็นผู้คนล้มตายมาแล้วมากมาย สามร้อยกว่าปีที่ผ่านมาใช่ว่าข้าจะมีความสุขเสียที่ไหนกันเล่ากับชีวิตอมตะเช่นนี้ ตรงกันข้ามข้าเหงาและเดียวดายยิ่งนัก อย่างน้อยก็มีเพ่ยเอ๋อร์ที่สามารถเข้าใกล้ข้าได้”
อุปราชปีศาจรับสั่งสุรเสียงกร้าวต่อต้านความคิดฝ่ายมารของพระองค์ พร้อมขบกัดนิ้วพระหัตถ์อย่างแรง
แปะ! แปะ! แปะ! โลหิตแดงฉานหยดลงไปในขวดยาติดต่อกันพอประมาณ ก่อนจะยกขวดดังกล่าวเขย่าไปมาให้ตัวยาและโลหิตของอุปราชปีศาจรวมอยู่ในตัวยาดังกล่าว ในเวลานี้พระองค์เป็นห่วงองค์หญิงน้อยที่จะต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันควรตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ซึ่งเป็นเพียงชีวิตเดียวที่สามารถเข้าใกล้และสัมผัสกับพระองค์ได้
แม้ว่าการสละพระโลหิตในครั้งนี้เพื่อให้องค์หญิงน้อยได้เสวยยาที่มีโลหิตอมตะ จึงทำให้องค์หญิงน้อยเพียงผู้เดียวที่สามารถปลงพระชนม์ชีพอุปราชปีศาจได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใดๆ ก็ตามพระองค์จะถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย ทั้งเกราะป้องกันและญาณหยั่งรู้จะไม่ปรากฏออกมายามเมื่อองค์หญิงน้อยเข้าใกล้พระองค์
หรือจะเป็นเพราะลิขิตของสวรรค์ทำให้อุปราชปีศาจต้องการปกป้องชีวิตขององค์หญิงน้อยเอาไว้ โดยไม่คิดถึงผลเสียที่ตามมา ภายในพระทัยทรงรักและเอ็นดูนางดั่งเช่นลูกหลานหาได้มีจิตพิศวาสแม้แต่น้อย ความลับของผู้ที่เกิดในวันที่ดาวไท่อี๋ปรากฏ มีเพียงสวรรค์เบื้องบนเท่านั้นที่ล่วงรู้ว่า เย่วเพ่ยเพ่ยถูกกำหนดให้เป็นของผู้ใด
ครั้นได้ตัวยาที่ผสมโลหิตอมตะของอุปราชปีศาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระหัตถ์ตรงเข้าคว้าขวดยารักษาทุกโรคมาเพิ่มอีกหนึ่งขวด พระองค์หันหลังกลับเสด็จออกจากห้องปรุงยาไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเร้นกายเลือนหายไปโดยพลัน
พรึบ! เพียงชั่วอึดใจพระวรกายสูงใหญ่ปรากฏอยู่ด้านนอกประตูห้องหนังสือ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อทอดพระเนตรร่างองค์หญิงน้อยกำลังยืนอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้น ด้วยเพราะเห็นการปรากฏพระวรกายของอุปราชปีศาจเข้าให้พอดีด้วยความบังเอิญ
“เพ่ยเอ๋อร์!!!”รับสั่งเพรียกหาองค์หญิงน้อยพร้อมเสด็จก้าวเข้าไปหานาง
ในขณะที่องค์หญิงน้อยก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินสุระเสียงของอุปราชปีศาจกำลังเรียกชื่อของนาง ดวงตาที่กำลังตกตะลึงเริ่มกะพริบขึ้นลงติดต่อกันก่อนสะบัดหน้าไปมา
“ทะ...ท่านปู่!”องค์หญิงน้อยเรียกตามความเคยชินพร้อมรีบถามกลับไปทันที
“เมื่อครู่ข้าเห็นท่านปู่จู่ๆ ก็ปรากฏกายออกมา ท่านปู่มีวิชาหายตัวได้อย่างนั้นเหรอเจ้าคะ”องค์หญิงน้อยถามกลับไปพลางจ้องพระพักตร์อุปราชปีศาจไม่วางตา
พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงเป็นการยอมรับไม่ปฏิเสธนางแต่อย่างใดพลางมีรับสั่ง
“ข้าฝึกวรยุทธ์ขั้นสูงจึงสามารถใช้วิชายุทธ์เช่นนั้นได้ เอาไว้หากเจ้าอยากจะเรียนวิชายุทธ์เมื่อไร ข้าก็จะถ่ายทอดให้เอง”รับสั่งออกไปตามความตั้งใจของพระองค์
องค์หญิงน้อยฉีกยิ้มกว้างแก้มแทบแตกออกมาเลยทีเดียวครั้นได้ยินเช่นนั้น
“จริงๆ นะเจ้าค่ะท่านปู่ที่จะสอนวิชาล่องหนให้กับข้า ดีใจจังเลยต่อไปก็ไม่ต้องเดินให้เหนื่อยอีกต่อไปแล้ว เวลาข้ามาหาท่านปู่ที่ตำหนักนี้จะได้ล่องหนหายตัวมาได้ เก็บแรงเอาไว้ทำอย่างอื่น”องค์หญิงน้อยรับสั่งพลางหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่
อุปราชปีศาจส่ายพระพักตร์ไปมาด้วยความระอาเมื่อได้ยินองค์หญิงน้อยกล่าวออกมาเช่นนั้น
“เจ้าหัดเดินมากๆ เสียบ้างเถอะเพ่ยเอ๋อร์ ดูร่างของเจ้าตอนนี้สิอ้วนกลมไปหมดแล้ว ข้าเห็นเจ้าตั้งแต่หกขวบจนปีนี้เจ้าอายุสิบขวบแล้ว นับวันตัวเจ้ายิ่งอ้วนกลมเจ้าเนื้อสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ”อุปราชปีศาจรับสั่งด้วยความเป็นห่วงองค์หญิงน้อย
“ก็ต้องโทษท่านปู่นั่นแหละ! โทษข้าไม่ได้หรอก ตำหนักของท่านปู่มีพ่อครัวและแม่ครัวที่ทำของกินมีแต่เลิศรสทั้งนั้นเลย ขนาดห้องเครื่องหลวงยังมีฝีมือทำอาหารทัดเทียมไม่ได้ครึ่งเลยเจ้าค่ะ ข้าเองเป็นคนที่รักษาน้ำใจผู้อื่น หากกินเหลือกลัวคนทำจะเสียกำลังใจก็เลยกินหมดทุกอย่างไม่มีเหลือ อีกอย่างยามหน้าหนาวมาเยือน ความอ้วนของข้าจึงทำให้ไม่หนาวมากเหมือนกับคนอื่นๆ อีกด้วยนะเจ้าคะ”องค์หญิงน้อยเถียงกลับไปข้างๆ คู ด้วยติดใจอาหารทุกอย่างที่ทำออกมาจากห้องเครื่องของพระตำหนักลืมเลือน
อุปราชปีศาจได้แต่อ่อนอกอ่อนใจครั้นได้ยินคำตอบขององค์หญิงน้อยเช่นนั้น ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ อยู่ในลำคอพร้อมยื่นขวดยาที่ผสมโลหิตอมตะของพระองค์ให้กับองค์หญิงน้อยรับเอาไว้
“นี่คือยาของเจ้ากินตรงนี้เลยต่อหน้าข้า จะได้ล่วงรู้ว่าเจ้าดื่มยาจนหมดขวดไม่แอบคายทิ้งไปเสียก่อน ข้ารู้ว่าเจ้ากินยายากเพ่ยเอ๋อร์”รับสั่งอย่างรู้เท่าทัน
องค์หญิงน้อยทำหน้าพะอืดพะอมขึ้นมาทันใดครั้นล่วงรู้ว่าจะต้องกินยา พลางจับจ้องขวดหยกขนาดย่อมตรงหน้าที่อยู่ในพระหัตถ์ของอุปราชปีศาจ
“ข้าก็แค่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเท่านั้นเองท่านปู่ ยังไม่ทันได้จับไข้เสียหน่อยเหตุใดจึงต้องรีบให้กินยาด้วย”รับสั่งพร้อมยกพระหัตถ์ขึ้นปิดปากของตัวเอง
“เจ้าจะกินยาเองหรือจะให้ข้าป้อน แต่ขอบอกไว้ก่อนนะหากเจ้าไม่ยอมกินยาเสียแต่โดยดีจนต้องให้ข้าลงมือป้อนเจ้าด้วยตัวเอง เจ้าจะไม่ได้เห็นข้ากับตำหนักลืมเลือนอีกต่อไป และจะไม่ได้เข้ามาภายในนี้อีก”
อุปราชปีศาจงัดไม้ตายขึ้นมาขู่ ด้วยทรงล่วงรู้ดีว่าสำหรับองค์หญิงน้อยแล้วตำหนักลืมเลือนถือเป็นที่พำนักที่นางโปรดปรานและชอบคลุกคลีตลอดสี่ปีที่ผ่านมา
“โอโห่! ท่านปู่ใจร้าย..เล่นขู่ข้าแบบนี้ไม่อยากกินก็ต้องรีบกินแล้วละ”องค์หญิงน้อยพูดพลางรีบรับขวดยาจากพระหัตถ์
อึก! อึก! อึก! เสียงดื่มยาดังออกมาอย่างไม่ขาดสายพร้อมใบหน้าที่เริ่มแหยแกบ่งบอกว่ารสชาติของยาที่อยู่ในขวดหยกดังกล่าวช่างพิลึกพิลั่นจริงเชียว ก่อนจะยกขวดขึ้นสูงค่อยๆ เอาออกจากปาก
อึ้ยยยย!!! บรื้อออ!!! องค์หญิงน้อยส่งเสียงในลำคอพร้อมทำท่าขุนลุกขนพองออกมาเมื่อดื่มยาที่ผสมโลหิตอมตะของอุปราชปีศาจจนหมดขวด ท่ามกลางความพึงพอพระทัยของพระองค์
“รสชาติของยาทำไมถึงได้พิลึกพิลั่นชอบกลนักท่านปู่ มิหนำซ้ำยังรู้สึกว่ามีกลิ่นคาวเลือดเจือปนอยู่ในตัวยานี้ด้วย..โอ้ยย..ขมคอ...อ้วกกก”องค์หญิงน้อยพูดพลางทำท่าจะอาเจียนออกมาเสียให้ได้
“อย่าอาเจียนออกมาเป็นอันขาดนะเพ่ยเอ๋อร์ ยาขวดนี้ที่เจ้าเพิ่งกินลงไปจะทำให้เจ้าไม่มีวันต้องเจ็บป่วยหรือแม้กระทั่งถูกยาพิษร้ายแรงเข้าไปเจ้าก็จะไม่เป็นอะไรตราบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเลยทีเดียว”รับสั่งอธิบายในสิ่งที่องค์หญิงน้อยจะทรงได้รับจากการดื่มยาดังกล่าว
ในขณะที่องค์หญิงน้อยที่ทำท่าจะโก่งคออาเจียนออกมาอยู่ในเวลานั้น หยุดชะงักไปทันทีครั้นได้ยินอุปราชปีศาจมีรับสั่งออกมา นางรีบพยายามกลืนกลับเข้าไปดั่งเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมมีรับสั่ง
“โอโห่! ท่านปู่ยังมียาวิเศษถึงเพียงนี้ด้วยเหรอเจ้าคะ เหตุใดภายในตำหนักลืมเลือนแห่งนี้ล้วนมีแต่สิ่งลึกลับและแฝงเร้นปริศนาชวนให้ตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลายามที่ได้ล่วงรู้”
รับสั่งขององค์หญิงน้อยทำให้อุปราชในตำนานยกยิ้มที่มุมปากออกมาบางๆ พลางยื่นขวดยาที่อยู่ในพระหัตถ์ส่งให้
“ขวดหยกนี้คือยาของพี่หญิงเจ้า รีบกลับไปยังตำหนักโดยเร็วนำยาขวดนี้ให้นางดื่มทันทีที่ไปถึงนะเพ่ยเอ๋อร์ หาไม่แล้วตัวยาจะเสื่อมสรรพคุณลงและจะทำให้พี่หญิงของเจ้ายากต่อการรักษาและเยียวยาจนนางและทารกในครรภ์ไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้อีก”อุปราชปีศาจรับสั่งกำชับ
รับสั่งของอุปราชนำตานทำให้องค์หญิงน้อยที่กำลังยื่นพระหัตถ์ไปรับขวดยาดังกล่าวชะงักงันไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบรับขวดยาดังกล่าวเอาไว้อย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“อาการของพี่หญิงหนักมากกว่าที่คิดอย่างนั้นเหรอเจ้าคะท่านปู่”องค์หญิงน้อยถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรข้าให้มากความ ต่อเมื่อหนหลังข้าจะอธิบายให้ฟัง รีบกลับตำหนักลู่เหวินโดยเร็วเถิด ชักช้าจะช่วยพี่หญิงและหลานของเจ้าไม่ทันการ”รับสั่งพร้อมหันพระวรกายกลับพระดำเนินนำหน้าออกไปจากบริเวณหน้าห้องหนังสือ
ครั้นองค์หญิงน้อยทอดพระเนตรเช่นนั้น รีบก้าวเดินตามหลังไปติดๆ เพราะล่วงรู้ดีว่าท่านปู่ของนางกำลังเดินไปส่งองค์หญิงน้อยออกจากตำหนักลืมเลือนนั้นเอง
แอดดดด!!!! ประตูพระตำหนักลืมเลือนถูกเปิดออกจากทางด้านใน โดยมีทหารหลวงของอุปราชปีศาจเฝ้าอารักขาเป็นผู้เปิดประตูดังกล่าว ติดตามด้วยพระวรกายอ้วนกลมสมบูรณ์ขององค์หญิงเย่วเพ่ยเพ่ย ก้าวเดินออกมาจากประตูพระตำหนักก่อนจะเริ่มวิ่งตรงไปยังสระหยกมณีเพื่อลัดเลาะข้ามสะพานที่ขวางกั้นกลางระหว่างพระราชวังถังเฉี่ยน และพระตำหนักลืมเลือนอยู่ในเวลานั้น