ค.ศ.2020
กรุงปักกิ่ง
รถสปอร์ตสีดำคันงามสุดโออ่าแล่นมาด้วยความเร็วพอประมาณ ด้านหลังมีรถรุ่นเดียวกันและสีเหมือนกันแล่นตามมาติดๆ ก่อนจะจอดสนิทอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูสถาบันศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง
ประตูทั้งสองข้างบริเวณด้านหน้าและด้านหลังถูกเปิดออกจากคนภายในอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งสองคัน ติดตามด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสากลสีดำก้าวออกมาจากรถทั้งสองคันรวมแล้วทั้งหมดหกคน ยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบพร้อมประตูรถคันหลังถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว
ตึก! ตึก! สองเท้าของหญิงสาวแรกรุ่นในวัย 18 ปี สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นนำสมัยจากแบรด์ดังเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นด้วยรูปลักษณะภายนอกที่มีใบหน้าสวย คม เฉี่ยว โครงหน้าเก๋ลงตัวน่ามองสุดๆ แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าเธอจะไม่แสดงท่าทียียวนกวนประสาทรับรองได้เลยว่าสวยสมราคาสตรีมีมารยาทงดงาม สมกุลสตรีแม่ศรีเรือนโคตรๆ
หญิงสาวก้าวลงมาจากรถคันงามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด พลางเงยหน้าขึ้นมองประตูสถานศึกษาชื่อดังและป้ายชื่อที่เขียนบรรยายคุณสมบัติของสถานที่แห่งนั้นเอาไว้อย่างเริดหรู
“เชอะ! โรงเรียนดีเด่นเสียด้วย ท่าทางรวมเจ้าถิ่นกับพวกไฮโซเอาไว้เยอะ”หญิงสาวคาดเดาตามความรู้สึกพลางจับลูกอมยัดใส่ปากตัวเอง
“คุณหนูขอรับ นายท่านกำชับมาว่า นี่เป็นสถาบันสุดท้ายแล้วที่ยินดีรับคุณหนูเข้าเรียน นอกนั้นปฏิเสธหมดเลยไม่กล้ารับคุณหนูเข้ามาเรียนเพราะกลัววีรกรรมที่ผ่านมา พยายามตั้งใจเรียนจบให้ได้นะขอรับ รู้ไหมว่านายท่านต้องเสียเงินไปหลายล้านหยวนเพื่อทำให้คุณหนูเข้าเรียนที่ดีๆ แบบนี้ได้ ยินดีบริจาคเงินมากมายมหาศาลเพื่ออนาคตของคุณหนูนะขอรับ”
เกาหยงเล่อชายวัยกลางคนอายุประมาณ 45 ปี มีหน้าที่คอยดูแลว่านฉีฉี ซึ่งถูกส่งมาเรียนในเมืองปักกิ่งแทนที่จะเรียนในเมืองเซี่ยงไฮ้ที่เป็นเมืองเกิดของตัวเอง สืบเนื่องมาจากเพราะพ่อขอเธออยู่ในวงการสีเทา มีอาชีพที่รัฐบาลจีนต้องคอยจับจ้องและตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา พ่อของเธอเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองเซี่ยงไฮ้ สืบทอดกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นปู่ในยุค 60 ซึ่งเป็นยุคเจ้าพ่อครองเมือง
แม้ว่าในปัจจุบันทางการจะปราบปรามบรรดาเจ้าพ่อและมาเฟียที่มีอยู่อย่างเกลื่อนเมืองลงได้ และเข้าทำการจัดระเบียบสังคมเมืองเพื่อให้ปราศจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลแล้วก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่าเจ้าพ่อที่มีรากเหงามาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุค 60 ย่อมไม่มีวันตาย เจ้าพ่อตระกูลอื่นตายแต่สำหรับตระกูลว่านแล้วยังไม่ตาย ว่านตงหัวซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของว่านฉีฉีจึงต้องส่งลูกสาวเพียงคนเดียวให้ออกมาจากอกอยู่ให้ห่างไกลเขาและ ต้องห่างจากเมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อความปลอดภัยของลูกสาว
แต่แม่ลูกสาวคนเดียวของเขาก็ช่างสร้างวีรกรรมเชื้อไม่ทิ้งแถวพ่อของเธอเลยจริงๆ ใครทำให้โกรธ แม่ก็ลงมือทันที ชนิดที่ว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน กัดมา กัดกลับ ต่อยมา ต่อยกลับ ไม่ยอมลงและอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ ถอดแบบนิสัยพ่อออกมาไม่มีผิดเพี้ยนเพราะเธอเกิดมามีเพียงว่านตงหัวเท่านั้นที่คอยเลี้ยงดูประคบประหงม
ส่วนแม่ของเธอถูกครอบครัวพาหนีไปตั้งแต่ว่านฉีฉีเกิดเพราะครอบครัวของแม่ไม่ยอมรับที่ว่านตงหัวเป็นพวกอันธพาลครองเมือง จึงบังคับแม่ของว่านฉีฉีให้ไปแต่งงานกับผู้ชายที่มีฐานะชาติตระกูลสูง มีความรู้และร่ำรวยกว่าว่านตงหัว
แต่แม่ของเธอก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหลังจากแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่ครอบครัวบงการจัดหามาให้ แม่ของเธอก็จากไปเพราะตรอมใจที่ถูกสามีใหม่ทำร้ายจิตใจอยู่ตลอดเวลาเพราะว่ามีผู้หญิงมากหน้าหลายตา รับเลี้ยงนำมาเป็นภรรยาน้อยก็มีอีกหลายคนโดยทางครอบครัวของแม่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
การจากไปของอดีตภรรยานั้นทำให้ว่านตงหัวเสียใจมาก ที่ไม่สามารถปกป้องผู้หญิงที่เขารักได้เลย ดังนั้นว่านตงหัวจึงทุ่มเทความรักและคอยดูแลปกป้องลูกสาวคนเดียวของเขาอย่างใกล้ชิด และพยายามถีบตระกูลว่านให้มายืนหนึ่งอยู่ในระดับแถวหน้าของตระกูลเจ้าพ่อในเมืองเซี่ยงไฮ้ และมีอิทธิพลทัดเทียมกับตระกูลหวง ดังนั้นเจ้าพ่อของเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ถูกทางการเพ่งเล็งและพยายามเข้ากวาดล้างอยู่ตลอดเวลาก็คือว่านตงหัวและหวงจ้านเซี่ย
เพราะสาเหตุนี้ว่านตงหัวจึงส่งว่านฉีฉีให้มาอาศัยอยู่ในเมืองปักกิ่งทันทีที่เรียนจบชั้นประถมศึกษา โดยที่ลูกสาวไม่ได้เต็มใจเพราะเป็นห่วงพ่อและรักพ่อมาก จึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้กลับไปอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้เหมือนเดิม เด็กสาวจึงมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนผู้ชายและทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในชั้นเรียน ต่างชั้น รวมไปถึงต่างโรงเรียนแทบจะทุกวัน
แต่ถึงแม้จะมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนผู้ชายทุกวัน ว่านฉีฉีก็เป็นขวัญใจของเพื่อนผู้หญิงเพราะเธอคอยปกป้องเพื่อนที่อ่อนแอและคอยช่วยเหลือไม่ให้ถูกนักเรียนเจ้าถิ่นรังแก
ชีวิตในวัยเรียนที่อยู่ภายในเมืองปักกิ่งไม่แน่จริงอยู่ยาก มีจำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นโรคซึมเศร้า ขาดความมั่นใจเพราะถูกบูลี่และกลั่นแกล้ง และมีอีกนับไม่ถ้วนเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองเพื่อจบปัญหาทุกอย่าง
“พ่อบ้านเกาสบายใจเถอะ ฉีฉีจะเป็นเด็กดี อย่างมากก็แค่เปลี่ยนที่เรียนใหม่ก็เท่านั้นเอง”หญิงสาวพูดออกมาหน้าตาเฉยพลางดึงลูกอมเข้าออกปากไปมาเป็นการล้อเลียนก่อนจะเดินเข้าประตูของสถาบัน
ในขณะที่พ่อบ้านเกาแทบจะเอาหัวโขกกับขอบประตูรถพอได้ยินคุณหนูของเขาบอกออกมาแบบนั้น
“คุณหนูอย่าทำแบบนั้นนะขอรับ ไม่มีที่ไหนให้ไปเรียนอีกแล้ว อดทนหน่อยอีกเทอมเดียวก็จบแล้วนะคุณหนูหลังจากเรียนจบแล้ว นายท่านก็จะส่งคุณหนูให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ”
พ่อบ้านเกาตะโกนบอกตามหลัง แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์บางอย่างกำลังปรากฏขึ้นพร้อมเสียงของว่านฉีฉีแทรกขึ้นมา
“ถ้าหากไม่มีที่ไหนรองรับก็ไม่ต้องเรียน ง่ายจะตายไป! ส่วนเรื่องที่จะส่งให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ เลิกคิดไปได้เลย...เพราะว่าฉีฉีไม่ไป!!!”หญิงสาวตะโกนตอบกลับเสียงดังก้อง
พรึบบบ!!! ขบวนม้าขนาดใหญ่มีธงรบเหน็บอยู่ด้านหลังคล้ายกองทัพ บนหลังม้าแต่ละตัวล้วนเป็นชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะโบราณทั้งสิ้น เสียงฝีเท้าม้าจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งห้อตะบึงผ่านหน้าของว่านฉีฉี ในขณะที่ม้าสีดำตัวขนาดมหึมากำลังวิ่งตรงมาทางหญิงสาว คนที่กำลังอยู่บนหลังม้าซึ่งวิ่งอยู่นำหน้าสวมชุดเกราะแตกต่างไปจากคนอื่น ใบหน้าดุดัน ถมึงทึงและน่ากลัวเต็มไปด้วยหนวดเคราปกคลุม
แต่สิ่งที่สำคัญจนทำให้ว่านฉีฉีถึงกับหยุดก้าวเดินต่อไป นั่นก็เพราะเธอเห็นดวงตาของผู้ชายคนนั้นเป็นสีเลือด และยังมีไอดำทะมึนพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาอยู่ตลอดเวลา
ตุบ!!! ลูกอมที่อยู่ในปากตกลงพื้นทันทีด้วยความตกใจ
พรึบ!!! ดวงตาสีดำกลมโตของว่านฉีฉีเปลี่ยนเป็นสีเลือดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ว่านฉีฉีรีบปิดเปลือกตาของตัวเองลงอย่างรวดเร็วพลางส่ายศีรษะไปมาอย่างแรงติดต่อกันเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
“เฮ้ย..อะไรกันเนี่ยทำไมเห็นภาพหลอนลวงตาตั้งแต่เช้าเลยเหรอ..หรือว่าเพราะไม่ได้กินข้าว”หญิงสาวบ่นพึมพำออกมา แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อถูกมือของผู้ชายวัยกลางคนจับเข้าที่ต้นแขนทางด้านหลัง
เฮ้ยยยย!!! ว่านฉีฉีแหกปากตะโกนออกมาด้วยความตกใจจนสุดเสียงที่ถูกจับทางด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
“คุณหนูขอรับกระผมเอง”เสียงของพ่อบ้านเกาบอกเบาๆ กับเด็กสาว
เฮ้อ!!!! ว่านฉีฉีถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ได้ยินเสียงของคนสนิทที่คอยดูแลเธอมาโดยตลอด พลางเปิดตาขึ้นมองไปรอบบริเวณเพื่อความแน่ใจของตัวเองอีกครั้ง
“ก็ไม่มีนี่หว่า...สงสัยเราจะตาฝาดเห็นภาพหลอนไปเอง”หญิงสาวบ่นพร้อมหันกลับไปมองทางด้านหลังของเธอทันที
“โอ้ยพ่อบ้านเกา ทำไมมาเงียบๆแบบนี้ ฉีฉีตกใจหมดเลยรู้ไหม หัวใจจะวายตายให้ได้เลยรู้บ้างหรือเปล่า”หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด
“กระผมขอโทษขอรับที่มาเงียบๆ แต่เห็นคุณหนูจู่ๆ ก็ยืนนิ่งไม่ยอมก้าวเดินก็เลยกลัวว่าจะเป็นอะไรหรือมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ก็เลยรีบตามมาคอยดูแลมีอะไรหรือเปล่าขอรับ”พ่อบ้านเกาเลียบๆ เคียงๆ ถามไป
ว่านฉีฉีกลอกตาไปมาภายในใจคิดว่าควรจะพูดในสิ่งที่เห็นดีหรือไม่ แต่พอคิดอีกทีตอนนี้ก็ไม่มีอะไรขืนพูดออกไปจะถูกเหมารวมว่าเธอพูดจาเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย
“ไม่มีอะไรหรอกพ่อบ้านเกา พอดีว่าฉีฉีใจลอยมัวแต่ยืนคิดอะไรเพลินไปหน่อยก็เท่านั้น นี่ก็สายแล้วเข้าไปเรียนก่อนนะแล้วก็ตอนเย็นมารอรับหน้าประตูได้เลย สัญญาว่าจะเป็นเด็กดีไม่หาเรื่องใครและไม่ให้ใครมาหาเรื่องด้วย..ไปนะ”หญิงสาวรีบพูดตัดบทเพื่อที่จะไม่ต้องเสียเวลาอธิบายต่อไป โดยมีสายตาของพ่อบ้านเกามองตามหลังอยู่ตลอดเวลา
ว่านฉีฉีไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ร่างของเธอมีบางอย่างเปลี่ยนไป ทั่วร่างมีไอดำทะมึนแผ่ออกมาและมีพ่อบ้านเกาเท่านั้นที่เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้
“เป็นไปได้อย่างไง ไอมารของคุณหนูทำไมถึงออกมาได้ภายในสถานที่แห่งนี้มีคนที่เกิดตอนดาวแห่งความตายปรากฏอยู่ในบริเวณนี้ด้วยเหรอ ไม่น่าจะเป็นไปได้ก่อนจะพาคุณหนูย้ายมาเข้าที่นี่ก็ตรวจสอบทุกอย่างดีหมดแล้ว และทำไมวันนี้ถึงได้เห็นอะไรแบบนี้ได้นะ”พ่อบ้านเกาพึมพำอย่างสงสัย
“หรือเป็นเพราะเดือนหน้าคุณหนูอายุครบ 18 ปีเต็มและยังเกิดตรงกับเทศกาลหยวนเซียวก็เลยทำให้ไอมารออกมา แต่ถึงคุณหนูจะมีไอมารออกมา แต่บนโลกนี้ไม่มีใครมีไอมารเหมือนคุณหนูอีกแล้ว เพราะหนึ่งพันปีมีแค่คนเดียวเท่านั้น เดี๋ยวไอมารจะหายไปเองพอคุณหนูแต่งงาน มันไม่น่าผิดไปจากที่เราคิดไว้หรอกแต่ถึงอย่างไรก็ต้องรีบรายงานให้นายท่านรู้เอาไว้ล่วงหน้าก่อน”
พ่อบ้านเกาพูดพลางรีบล้วงโทรศัพท์มือถือต่อสายสนทนารายงานข่าวให้ว่านตงหัวได้รับรู้ พร้อมหันหลังเดินกลับไปที่รถเมื่อว่านตงหัวรับสายทันทีที่เขาต่อสายคุยด้วย