อาคารเหอเป่า
ร่างสูงระหงซึ่งเป็นเจ้าของความสูงถึง 170 เซนติเมตร เดินอาดๆ ไปตามเส้นทางผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายที่กำลังยืนเมียงมองคอยลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นนักเรียนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน และอีกอย่างเปิดเรียนมานานกว่าสองเดือนแล้วจนกำลังจะเริ่มสอบกลางภาค แต่ก็ยังอุตส่าห์มีนักเรียนใหม่มาปรากฏให้เห็น
“เฮ้ย! พวกเรานักเรียนใหม่เว้ย!”เสียงของผู้ชายวัยรุ่นดังออกมาจากกลุ่มที่กำลังยืนพิงขอบหน้าต่างมีอยู่ประมาณสิบคน
“เจ้าหล่อนโคตรสวยเลยวะ แถมยังเดินกินลูกอมเอาไว้ในปากด้วย กวนประสาทไม่ใช่เล่นแบบนี้ต้องให้การต้อนรับน้องใหม่เสียหน่อยแล้วเว้ย หรือเธอว่าอย่างไงเหนียงเหนียง”เขาพูดพลางหันกลับไปมองกลุ่มผู้หญิงที่มีอยู่ด้วยกันห้าคน
เด็กสาวเจ้าของชื่อเหนียงเหนียง หรือหม่าฟางเหนียงหันกลับมาตามเสียงเรียกของผู้ชายในกลุ่มซึ่งก็คือแฟนของเธอที่คบหากันอยู่ในสถาบัน เป็นทั้งเพื่อน แฟนและทำหน้าที่เป็นสามีในเวลากลางคืน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในอพาร์เมนท์แทนที่จะอยู่บ้านของแต่ละคน เพราะต่างคนมาจากเมืองอื่นแต่เข้ามาเรียนต่อภายในกรุงปักกิ่งเหมือนกัน
ดวงตารีเล็กและมีเพียงชั้นเดียวเบิกกว้างพอเห็นว่านฉีฉีกำลังเดินเข้ามาใกล้ ความสวยของเจ้าหล่อนกระแทกตาเจ้าถิ่นเข้าให้อย่างจังจนแฟนหนุ่มของเธอถึงกับเอ่ยปาก เลือดบ้าและแรงหึงหวงจึงเกิดขึ้นทันทีเพระไม่ชอบให้แฟนตัวเองมองผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เด็กใหม่หน้าตาสวยจะถูกกลั่นแกล้งสารพัดวิธีและจบลงด้วยการลาออกจากโรงเรียน และหนักที่สุดก็คือการฆ่าตัวตาย เพราะพ่อแม่ไม่ให้ลาออกจากโรงเรียนชื่อดัง
“นายชมนางเด็กใหม่ว่าสวยอย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นก็มาดูสิว่าแม่นั่นจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ได้สักกี่วัน!”เหนียงเหนียงพูดพลางเดินตรงปรี่เข้าไปหาเพื่อเอาเรื่องเด็กใหม่อย่างเต็มที่
“ไม่เอานะเหนียงเหนียง! เธออย่าไปมีเรื่องเลยนะ ลืมไปแล้วเหรอว่ากำลังอยู่ช่วงทำทัณฑ์บนอยู่ อาเฉินก็แค่พลั้งปากพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจก็เท่านั้นเอง”เพื่อนสนิทของเจ้าหล่อนพยายามห้ามปรามพร้อมตรงเข้าดึงแขนเอาไว้
พรืดดดด!!! หญิงสาวกระชากแขนออกจากมือเพื่อนสาวอย่างรวดเร็ว
“เธอไม่ต้องมายุ่ง! คำพูดของอาเฉินบอกว่าไม่ตั้งใจแต่ภายในใจคิด! ฉันรู้นิสัยสันดานของเขาเป็นอย่างดี”ฟางเหนียงพูดพลางเดินตรงเข้าไปหาว่านฉีฉีเพื่อตั้งใจเข้าไปหาเรื่องเต็มที่
ตึก! แต่เจ้าหล่อนกลับต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อเดินมาถึงและกำลังยืนเผชิญหน้าตัวต่อตัว เจ้าหล่อนสบดวงตากับว่านฉีฉีที่กำลังยืนจ้องเขม็งอยู่ในเวลานั้น และสายตาที่จับจ้องนั้นทำให้ก้าวขาแทบไม่ออก ขนหัวลุกขึ้นมาเสียเฉยๆ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายจิ้มลงไปที่กลางหน้าอกเหมือนกำลังบอกเตือนอะไรบางอย่าง
“ออกไปห่างๆ ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะมาหาเรื่อง ได้ยินมาว่ากำลังอยู่ช่วงถูกทำทัณฑ์บนไม่ใช่เหรอ มีเรื่องตอนนี้จะเรียนไม่จบเอาได้นะ ทางที่ดีเธอกับฉันไปเจอกันบนชั้นดาดฟ้าตอนเลิกเรียนจะดีกว่า ถึงเวลานั้นอยากจะทำอะไรฉันก็เชิญ...ดีไหม”
ว่านฉีฉีพูดพลางยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ นิ้วที่กำลังจิ้มกดอยู่ตรงกลางหน้าอกยกขึ้นมาจับลูกอมที่อยู่ในปาก หยักคิ้วส่งให้ทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเลี่ยงจากไปเพื่อเข้าชั้นเรียนของตัวเอง
เพื่อนๆ รวมทั้งแฟนหนุ่มของเธอต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปหาฟางเหนียงด้วยความแปลกใจ ที่เห็นอาการเหมือนกับกำลังตื่นกลัวอะไรบางอย่าง
“เหนียงเหนียง! นี่เธอเป็นอะไรไป จู่ๆ ก็ยืนให้เด็กใหม่พูดแต่ฝ่ายเดียว ตั้งใจจะไปหาเรื่องไม่ใช่เหรอทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทถามไถ่อย่างแปลกใจ
“นั่นสิเหนียงเหนียงเกิดอะไรขึ้นเหรอ เด็กใหม่คนนั้นทำอะไรเธอ”แฟนหนุ่มถามอย่างอยากรู้
“ฉะ..ฉัน..เห็นดวงตานางเด็กใหม่เป็นสีเลือด! น่ากลัวมากเลย...พอฉันเห็นดวงตาคู่นั้นขาก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร”เธอบอกเพื่อนๆ ตามความรู้สึก
“บ้านะเหนียงเหนียง ฉันว่าเธอตาฝาดไปเองเสียมากกว่า แล้วนี่แม่นั่นพูดอะไรกับเธอเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทถาม
“นางเด็กใหม่บอกว่าถ้าอยากจัดการมันให้ไปเจอกันที่ชั้นดาดฟ้าหลังเลิกเรียน หลังจากนั้นอยากจะทำอะไรนางนั่นก็สุดแล้วแต่”ฟางเหนียงเล่าให้เพื่อนฟัง
“เฮ้ย! นางนั่นมันแน่มาจากไหนถึงได้กล้าท้าทายขนาดนี้ แล้วจะเอาอย่างไงไปตามที่มันบอกไหม”เพื่อนสนิทถาม
“พวกเธอพอเถอะนะ เมื่อกี้ดูก็รู้แล้วว่าเด็กใหม่ไม่ธรรมดา แม้แต่เธอเองก็เถอะเหนียงเหนียง ยังบอกว่าเจ้าหล่อนน่ากลัวมากเลย ถ้ารู้สึกแบบนั้นก็ไม่ต้องไปข้องแวะยุ่งเกี่ยวกันเสียก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างถ้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในโรงเรียนขึ้นมาคราวนี้อีกครั้ง เธอถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนเลยนะเหนียงเหนียง”แฟนหนุ่มห้ามปราม
คำพูดของเพื่อนสนิทฟังหูซ้ายทะลุหูขวายังทำท่าจะไปตามนัดหลังเลิกเรียน แต่พอได้ยินแฟนหนุ่มพูดเตือนออกมาเท่านั้นแหละ กลับทำให้เจ้าหล่อนเชื่อมั่น ว่านั่นคือความห่วงใยของเขาที่มีต่อเธอ
“ฉันเชื่อนายอาเฉิน ปล่อยนางเด็กใหม่ไปไม่ต้องไปยุ่งหรือข้องแวะต่างคนต่างอยู่ก็เพราะฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉันมากใช่ไหม”ฟางเหนียงถามกลับ
แฟนหนุ่มพยักหน้าติดต่อกัน ยกยิ้มเหยียดขึ้นที่มุมปากให้กับแฟนสาวพลางหันหลังเดินนำหน้าออกไปก่อน
“โง่ไม่มีเปลี่ยน”อาเฉินคิดในใจ
“รีบไปเข้าชั้นเรียนกันเถอะคาบแรกกำลังจะเริ่มแล้ว เดือนหน้างานเทศกาลหยวนเซียวก็จะเริ่มขึ้นแล้ว อาจารย์ให้แต่งกลอนและเขียนลงในโคมไฟแข่งขันไม่ใช่เหรอ”อาเฉินบอกพลางสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเดินปลีกตัวออกจากกลุ่ม
“อาเฉินรอฉันด้วยสิ! จะรีบเดินอะไรกันหนักกันหนา”
ฟางเหนียงส่งเสียงมาตามหลัง พร้อมกลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นซึ่งมีฐานะทางครอบครัวร่ำรวยกันทุกคนทยอยเดินตามอาเฉินที่เป็นหัวโจกของกลุ่มไปติดๆ
กลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นเดินผ่านมุมตึกซึ่งสร้างเป็นห้องน้ำชายและหญิงเอาไว้ของแต่ละชั้น ก่อนจะพากันแยกย้ายเดินเข้าห้องเรียนของแต่ละคน โดยไม่สนใจเด็กใหม่อีกเลย
ร่างระหงของว่านฉีฉีเดินออกมาจากซอกมุมตึกพลางยืนมองกลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นที่กำลังแยกย้ายเข้าชั้นเรียน พลางยกมือขึ้นเมื่อเธอเดินผ่านกลุ่มแฟนหนุ่มของหวงฟางเหนียงเมื่อครู่ แล้วมีเศษกระดาษยัดใส่เข้าไปในมือ นิ้วเรียวยาวคลี่กระดาษออกอ่านพร้อมแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่ออ่านข้อความนั้น
“วีแชทของฉัน แอดเป็นเพื่อนกันอยากจะทำความรู้จักกันหน่อย ฉันแซ่จาง ชื่ออี้เฉินนะคนสวยแล้วเธอละชื่ออะไร”
ข้อความในกระดาษทำให้ว่านฉีฉีส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกที่รังเกียจกับพฤติกรรมแฟนหนุ่มของหวงฟางเหนียง พลางมองไปที่กลุ่มนักเรียนที่กำลังเดินผ่านหน้าเธอไป
และวิธีดัดสันดานผู้ชายเจ้าชู้ก็คิดขึ้นมาได้ทันที หญิงสาวเดนตรงปรีเข้าไปยัดกระดาษที่อยู่ในมือให้กับผู้หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
“มีคนฝากมาให้เธอ”ว่านฉีฉีบอกหญิงสาวตรงหน้าพลางเดินผละจากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก
ในขณะที่กระดาษถูกอีกฝ่ายคลี่ออกอ่านพร้อมกับรอยยิ้มและใบหน้าที่เริ่มแดงซ่านด้วยความเขินอาย เมื่ออ่านข้อความที่อยู่ภายในกระดาษนั้น
“อาเฉิน! นี่เธอแอบชอบฉันด้วยเหรอเนี่ย”เด็กสาวพูดพลางยืนบิดตัวไปมาด้วยความอาย