“ผึ้ง แกซื้อชุดว่ายน้ำหรือยัง”
รุ่งรุจีถามวชิราภรณ์ สาเหตุที่ถามคำถามนี้เป็นเพราะบริษัทจะจัดสัมมนาในอีกสองวันข้างหน้า พอสัมมนาเสร็จ ก็ถึงเวลาให้พนักงานปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่ทำมาตลอดปีด้วยการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดที่คณะเดินทางไปเที่ยว รุ่งรุจีวาดหวังว่าเธอจะลงไปเล่นน้ำทะเลให้ชุ่มปอด หลังจากห่างหายการท่องเที่ยวมานานหลายปี
“ซื้อทำไม ฉันใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำ”
“จะบ้าหรือไงผึ้ง มีแต่เขาใส่ชุดว่ายน้ำลงทะเลกันทั้งนั้น มีแต่แกคนเดียวนี่แหละที่ไม่ใส่”
“บ้าเบ้อที่ไหน แกไปทะเล แกเห็นคนไทยสักกี่คนที่ใส่ชุดว่ายน้ำ มีแต่คนต่างชาติเท่านั้นแหละที่ใส่ ฉันว่านะใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำก็ได้”
วชิราภรณ์ไม่คิดที่จะเถียงเพื่อน แต่เธอพูดตามความเป็นจริงที่เห็นได้ทุกชายหาดที่มีอยู่ในประเภทไทย คนไทยส่วนใหญ่จะสวมใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำ น้อยคนนักที่จะสวมใส่ชุดว่ายน้ำ ที่เห็นสวมใส่ก็จะมีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้น
“มันก็จริงของแกเนอะ ฉันใส่ชุดธรรมดาก็ได้” รุ่งรุจีเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน
“ใช่ ใส่ชุดธรรมดาก็ได้ ไม่เปลืองเงินด้วย”
“ว่าแต่แกกับคุณเอไปถึงไหนแล้วล่ะ”
เพื่อนสาวถามขึ้น แต่เหตุใดถามคำถามนี้แล้วหัวใจมันเจ็บแปลบขึ้นมาก็ไม่รู้ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หัวใจสาวกลัดหนองเพราะต้องทนเห็นภาพหวานระหว่างกัมปนาทกับวชิราภรณ์ และมีใจสงสารฝ่ายชายที่ถูกเพื่อนสนิทของเธอหลอกให้รัก แต่ก็ไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยได้
“ถ้าถามถึงความรู้สึกของฉันไม่ไปถึงไหน ยังย่ำอยู่กับที่ แต่ถ้าเป็นความรู้สึกของคุณเอ ตอนนี้เค้ารักฉันเต็มหัวใจเลย คอยดูเถอะฉันจะหักอกให้ขาดกระจุย จะนั่งมองยืนมองเวลาที่คุณเอเจ็บปวด”
สีหน้าของผู้พูดเต็มไปด้วยความสะใจ เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดของกัมปนาทที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ และนั่นจะเป็นเวลาที่เอสะใจมากที่สุด
“ฉันสงสารคุณเอจังเลย เค้าไม่ผิดเลยนะผึ้ง แกเอาหัวใจของคนอื่นมาเป็นที่ระบายความแค้นอย่างนี้มันไม่ดีเลยนะ อีกอย่างคุณเอไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้เลยนะ”
รุ่งรุจีตั้งใจว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แต่ก็อดไม่ได้ เธอไม่ต้องการเห็นใครเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นวชิราภรณ์หรือกัมปนาท ชายหนุ่มที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในหัวใจมากขึ้นทุกวันโดยไม่รู้ตัว
“ฉันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่ก็ต้องตกอยู่ในสถานะของคนไม่มีพ่อ ถูกแย่งความรัก ความอบอุ่นไปซึ่งๆ หน้าเป็นเพราะใครล่ะ เป็นเพราะใครถ้าไม่ใช่ยายแม่มดที่ชอบแย่งผัวชาวบ้าน ฉันไม่สนใจหรอกว่าคุณเอจะดีกับฉันมากแค่ไหน ฉันสนใจแต่ว่า ถ้าคนๆ นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับยายแม่มด พวกเขาก็จะต้องเจ็บปวดทุกคน แม้กระทั่งเขม”
ความแค้นปะทุเดือดขึ้นในใจอีกครั้งเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดและการกระทำของวรางค์คนางค์ ความแค้น ความริษยาที่นับวันจะพอกพูนขึ้นในใจของวชิราภรณ์มากขึ้นทุกวันๆ จนไม่สนใจว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ กำลังทำให้คนดีๆ คนหนึ่งต้องได้รับความเจ็บปวดทางใจอย่างมากมาย จนเกือบเสียผู้เสียคน
รุ่งรุจีผ่อนลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้มกับความอาฆาตแค้นในอกของเพื่อนสนิท เมื่อไหร่หนอที่เพื่อนสาวจะหลุดพ้นจากบ่วงแค้นนี้เสียที
“เอาล่ะ ตามใจแกก็แล้วกัน จะทำอะไรก็เรื่องของแก ฉันกับณัชญ์ทำได้แค่เตือนเท่านั้น แกจะทำตามหรือเปล่ามันก็เรื่องของแก ฉันไปทำงานก่อนนะ”
ใช่ว่าคำพูดคำเตือนของเพื่อนสนิททั้งสองคนจะไม่ไหลเข้าไปในหูและสมองของวชิราภรณ์ แต่เธอเลือกที่จะปิดกั้นความปรารถนาดีของเพื่อน มีเพียงความแค้นเคืองที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดเท่านั้น
วันเดินทาง
กระเป๋าเดินทางสองใบถูกนำมาวางไว้ยังท้ายรถยนต์คันหรูของกัมปนาท ก่อนที่คนที่หิ้วกระเป๋าเมื่อครู่จะเดินกลับไปยังสาวหน้าตาน่ารักที่ยืนยิ้มหวานอยู่หน้าประตูบ้าน
“ขอบคุณมากนะคะคุณเอ รบกวนคุณเอแย่เลย มารับผึ้งไม่พอยังทำหน้าที่เด็กยกกระเป๋าอีก” วชิราภรณ์พูดขึ้นเมื่อร่างหนาเดินเข้ามาใกล้ตนเอง
“ผมยินดีและเต็มใจครับ ไม่ให้ช่วยแฟนแล้วจะให้ช่วยใครล่ะครับ” กัมปนาทตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“เราไปกันดีกว่าคะ ผึ้งไม่อยากไปสาย ไม่อยากให้เพื่อนๆ รอ”
“ไปครับ” สองหนุ่มพากันเดินไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล กัมปนาททำหน้าที่เปิดประตูรถดั่งเช่นทุกครั้ง ก่อนจะปิดมันลงเมื่อคนรักนั่งประจำที่ ส่วนตัวเขาก็เดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทะยานรถออกไปจากหน้าประตูรั้วบ้านของวชิราภรณ์
ระหว่างที่ชายหนุ่มขับรถไปตามท้องถนนที่เริ่มควักไขว่ กัมปนาทลอบมองวชิราภรณ์หลายครั้ง สีหน้าประหนึ่งว่าเขากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ และในที่สุดเขาก็พูดเรื่องที่ตั้งใจจะพูดออกไป
“คุณผึ้งครับ ผมอยากแต่งงาน”
ประโยคคำพูดของกัมปนาทที่ลอยเข้ามาในหูของวชิราภรณ์ ทำให้เธอรู้สึกตกใจในวินาทีแรกก่อนจะเปลี่ยนเป็นสะใจอยู่ในอกที่แผนการของตนเองลุล่วงได้ไวเกินคาด การที่เขาพูดออกมาเช่นนี้นั่นหมายความว่าเขากำลังขอเธอแต่งงาน
“อะไรนะคะ คุณเอพูดว่าอะไรนะคะ”
วชิราภรณ์แสร้งทำท่าทางตกใจราวกับว่าได้ยินคำพูดของเขาไม่เต็มหู กัมปนาทได้ยินคำถามนั้นจึงหักรถมาจอดริมถนน เพื่อพูดคุยกับหญิงสาวให้เป็นเรื่องเป็นราว
“ผมบอกว่า ผมอยากแต่งงานครับ คุณผึ้งจะว่าอะไรไหมถ้าหากผมจะให้คุณลุงกับคุณอามาสู่ขอคุณผึ้งกับคุณป้า ผมรักคุณผึ้งนะครับ รักมากด้วย” เขาหันมาพูดกับผู้หญิงที่เขารักและวาดหวังจะมาเป็นคู่ครอง วชิราภรณ์ยิ้มเขินแต่ในใจลิงโลดและสาแก่ใจเป็นที่สุด
“มันไม่เร็วเกินไปเหรอคะคุณเอ เรารู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ เองนะคะ”
เธอพูดขึ้น มือใหญ่ของกัมปนาทเอื้อมมาจับมือเล็กของคนที่เขากำลังจะขอแต่งงานด้วย เขากุมมือนุ่มอย่างทะนุถนอม มองสบซึ้งลงไปในดวงตาหวานปนเศร้าของเธอ
“มันอาจจะเร็วสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมช้าเหลือเกินครับ หนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผมได้รู้จักคุณผึ้ง เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นแฟน มันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดครับ ผมไม่เคยรักใครมาก่อน พอผมเจอคุณผึ้งผมบอกได้คำเดียวเลยว่า รักคุณผึ้งหมดหัวใจและจะรักตลอดไป แต่งงานกับผมนะครับ”
คำพูดที่กลั่นออกมาจากหัวใจของกัมปนาทถูกถ่ายทอดให้หญิงสาวที่ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกนั้นๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้อิ่มเอมใจกับคำพูดระรื่นหู ชวนฟังให้เคลิ้มฝันนี้เลย
“ขอบคุณคุณเอมากนะคะที่รักผึ้ง แต่ผึ้งขอเวลาอีกสักหน่อยได้ไหมคะ ชีวิตคู่ของแม่ทำให้ผึ้งกลัว ผึ้งกลัวว่าคุณเอจะเป็นเหมือนกับพ่อที่ทำร้ายผึ้งด้วยการพาเมียน้อยเข้าบ้าน ผึ้งกลัวค่ะ กลัวมากเหลือเกิน ผึ้งคงช้ำใจตายแน่ๆ ถ้าหากมันเป็นอย่างนั้น ผึ้งไม่กล้าด่วนตัดสินใจอะไรตอนนี้ ขอเวลาผึ้งอีกสักหน่อยนะคะคุณเอ”
วชิราภรณ์แบ่งรับแบ่งสู้ กัมปนาทเข้าใจความกลัวที่ติดค้างอยู่ในใจของคนรักดี และเขาก็จะทำให้ความกลัวนั้นหลุดออกไปจากหัวใจของวชิราภรณ์ให้ได้
“ผมรอได้ครับ ผมจะแสดงให้คุณผึ้งรู้ว่า ผมพร้อมที่จะหยุดทุกอย่างไว้ที่คุณผึ้งเพียงคนเดียวครับ” ชายหนุ่มแสนดีพูดเสียงนุ่มนวลแต่ทว่าหนักแน่นดั่งหินผา และคิดว่าเขาทำในสิ่งที่พูดออกไปได้
“ขอบคุณคุณเอมากนะคะที่เข้าใจผึ้ง ไปกันเถอะนะคะ เดี๋ยวจะสาย”
เธอกล่าวขอบคุณพร้อมกับตัดบท กัมปนาทยกมือนุ่มขึ้นมาจุมพิตกลางหลังฝ่ามือ เธอชักมือกลับด้วยกิริยาที่ขวยเขิน เขาเห็นแล้วแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะคว้าตัวสาวรูปร่างมากอดไว้อ้อมแขน ความเป็นสุภาพบุรุษทำให้เขาไม่ทำเช่นนั้น เอี้ยวตัวกลับไปนั่งในท่าตรง แล้วขับรถออกไปทันที
รุ่งรุจีก้มมองนาฬิกาข้อมือหลายครั้งสลับกลับมองไปยังทางเข้ามายังตัวอาคารสำนักงาน เพื่อนพนักงานที่จะไปสัมมนาและไปท่องเที่ยวมากันอย่างพร้อมหน้า ก็จะเหลือเพียงวชิราภรณ์คนเดียวเท่านั้นที่ยังเดินทางมาไม่ถึง และเวลานี้ก็เลยเวลานัดหมายมาแล้วสิบนาที
“ผึ้งยังไม่มาอีกเหรอจี” ณัชญ์ถามขึ้นเมื่อเดินมาหาเพื่อนสาวที่ชะเง้อคอยาวเหมือนยีราฟ
“ยังน่ะสิ นี่ก็เลยเวลานัดมาตั้งสิบนาทีแล้วนะ เดี๋ยวลุงคนขับรถก็ไม่คอยกันพอดี” พูดไปก็ยังชะเง้อมองต่อไป
“ลองไม่คอยสิ คราวหน้าอย่าหวังว่าจะเรียกมาใช้งานอีก”
คนที่เป็นผู้ช่วยรองประธานบริษัทกล่าวเสียงเข้ม ณัชญ์เป็นคนเลือกที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวรวมทั้งบริษัทรถบัสที่จะนำคณะเดินทางไปยังจุดหมายเอง หากไม่รอคนที่เขาแอบหลงรักรับรองงานหน้าคงจะไม่ได้ร่วมงานกันอีกแน่นอน
“นั่นไง รถคุณเอมาแล้ว” รุ่งรุจีเอ่ยด้วยความดีใจเมื่อเห็นรถยนต์ของกัมปนาทเลี้ยวเข้ามาในในเขตอาคารสำนักงาน ณัชญ์ทำหน้าเบ้ทันทีที่ได้ยินประโยคดีใจของเพื่อนสาว ตลอดระยะเวลาที่ศัตรูหัวใจเข้ามาใกล้ชิดกับวชิราภรณ์หัวใจของเขาเจ็บปวดตลอดเวลา จะเข้าไปห้าม แสดงความหึงหวงก็ไม่ได้เก็บความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ในอก รุ่มร้อนเพียงคนเดียวตามลำพัง ต้องแบกรับสถานะของคำว่า เพื่อนสนิทเอาไว้ ทั้งๆ ที่เขาต้องการเป็นมากกว่านั้น
“มาทำไมก็ไม่รู้” ณัชญ์พูดเบาๆ หลังจากที่กัมปนาทจอดรถไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เขากับรุ่งรุจียืนอยู่ ก่อนที่เจ้าของรถคันนั้นจะก้าวลงมา ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอีกครั้งด้วยการเปิดประตูให้วชิราภรณ์ แล้วจึงเดินไปยังท้ายรถเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางของหญิงสาว
“ทำไมมาช้าจังผึ้ง รอผึ้งอยู่คนเดียวนี่แหละ” รุ่งรุจีถามขึ้น ก่อนจะหันไปทักทายกัมปนาท “สวัสดีค่ะคุณเอ”
“สวัสดีครับคุณจี คุณณัชญ์” กัมปนาททักทายกลับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“พอดีรถมันชนกันน่ะ รถติดยาวเหยียดก็เลยมาช้า ขอโทษทีนะ”
วชิราภรณ์ตอบถึงสาเหตุกับการมาล่าช้ากว่ากำหนด ระหว่างทางที่มุ่งตรงมาที่นี่ มีรถยนต์สองคันขับชนกัน ทำให้การจรจรติดขัดไปโดยปริยาย
“ไปกันเถอะ จะได้รีบๆ ไปกัน” ณัชญ์เร่งเพราะไม่ต้องการเห็นหน้ากัมปนาท
“ผึ้งไปก่อนนะคะ” วชิราภรณ์หันมากล่าวลากัมปนาทที่ยืนถือกระเป๋าเดินทางของวชิราภรณ์อยู่
“ครับ อีกสามวันผมจะมารับที่นี่นะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ผึ้งไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน ผึ้งกลับแท็กซี่เองดีกว่าคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมคอยคุณผึ้งได้ทั้งวันครับ” กัมปนาทไม่ละความตั้งใจของตนเอง ยืนกรานคำเดิม
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมจะไปส่งผึ้งเองดีกว่า ไม่ต้องลำบากคุณด้วย ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ไปกันเถอะผึ้ง จี”
ณัชญ์พูดจบก็คว้ากระเป๋าเดินทางของวชิราภรณ์ที่อยู่ในมือของกัมปนาทมาไว้ในมือของตน ก่อนจะเดินไปเก็บไว้ในท้ายรถยนต์บีเอ็มดับบลิวของตัวเอง แล้วเดินกลับมาที่เดิมอีกครั้ง
“จีกับผึ้งไปรถณัชญ์นะ ณัชญ์จะขับรถไปเอง”
“ผึ้งไปก่อนนะคะคุณเอ สวัสดีค่ะ”
วชิราภรณ์กล่าวลาด้วยรอยยิ้มหวานๆ อีกครั้ง หมุนตัวไปยังรถยนต์ของเพื่อนสนิททันที โดยมีสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของใครบางคนที่นั่งมองอยู่บนรถบัสมองตาไม่กระพริบ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา ริษยาและเคียดแค้น
“จีไปก่อนนะคะคุณเอ สวัสดีค่ะ” รุ่งรุจีเอ่ยคำลากับกัมปนาทเช่นกัน ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ขโมยหัวใจสาวไปทั้งดวง
“ครับ สวัสดีครับ ฝากดูแลคุณผึ้งด้วยนะครับ”
รอยยิ้มที่รุ่งรุจีมอบให้ผู้พูดเจื่อนลงทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ รู้สึกเศร้าหมองที่ตนเองไม่อาจได้ครอบครองหัวใจของเขาได้ เธอคงจะต้องแอบรักเขา เก็บงำความรู้สึกที่มีไว้ในใจตลอดชีวิต
“ค่ะ จีจะดูแลผึ้งแทนคุณเอเองค่ะ” เธอรับคำเสียงเบา สีหน้าเศร้า
“ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับ” ผู้พูดเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังรถยนต์ของตัวเองที่อยู่ไม่ไกล
“จีเร็วๆ” เสียงเร่งของณัชญ์ดังขึ้นทำให้รุ่งรุจีรีบหมุนตัวเดินแกมวิ่งไปยังรถยนต์ของเพื่อนชาย เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ รถยนต์คันหรูจึงเคลื่อนตัวออกจากหน้าอาคารสำนักงาน จุดหมายปลายทางคือชะอำ จ.เพชรบุรี