19.00 น. ณ ห้องจัดเลี้ยง
งานเลี้ยงพนักงานเริ่มขึ้นในเวลา 18.30 น. พนักงานมาร่วมงานกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบชีวิต กำลังรื่นรมย์กับเสียงเพลงที่บรรเลงดังกระหึ่ม ต่างวาดลวดลายลีลาเท้าไฟกันอย่างสนุกสนาน ต่างคนต่างงัดลีลาชวนหัวเราะและท่าเต้นแปลกๆ มาให้เหล่าเพื่อนๆ ดูกันอย่างต่อเนื่อง วชิราภรณ์เองก็ออกลีลาเท้าไฟ ร่ายระบำตามจังหวะเพลง สะบัดความทุกข์ ความเศร้าหมองที่มีอยู่ในจิตใจให้หลุดออกไปจากใจชั่วคราว โดยมีรุ่งรุจีเต้นรำอยู่ใกล้ๆ
แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เอาแต่นั่งดื่มแอลกอฮอล์ไม่หยุด แก้วแล้วแก้วเล่าดวงตามองไปยังร่างของวชิราภรณ์ชนิดที่เรียกว่าตาไม่กระพริบ สายตาของณัชญ์มองไปยังร่างของคนที่เขาแอบรักเต็มไปด้วยความรัก ความเป็นห่วง ความกังวลและการตัดสินใจ
“คุณณัชญ์ดื่มเยอะแล้วนะคะพอเถอะคะ ออกไปเต้นกับวรรณดีกว่าคะ” อรุณวรรณเลขาสาวของณัชญ์กล่าวชวน
“ไม่…เธออยากไปเต้นก็ไปเต้นคนเดียวสิ”
ณัชญ์พูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย ทำให้คนที่ได้ยินหน้าสลดลง
“คุณณัชญ์อย่าดื่มเลยนะคะ ดื่มไปตั้งหลายแก้วแล้ว วรรณเป็นห่วงค่ะ”
ความห่วงใยของเลขาสาวถ่ายทอดออกไปให้ณัชญ์รับรู้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าคำพูดที่แสดงความเป็นห่วงนี้จะไม่ไหลเข้าไปในหูของณัชญ์เลย เขากระดกแก้ววิสกี้ในแก้วพรวดเดียวหมดไม่เหลือสักหยด แล้วหันมามองหน้าเจ้าของคำพูดเป็นห่วงด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ สีหน้ารำคาญ
“เลิกยุ่งกับฉันซักทีได้ไหม...รำคาญ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะต้องมานั่งเตือนนั่นเตือนนี่ แล้วฉันก็จะดื่มเหล้ามีอะไรไหม ถ้าเธออยากเต้นก็ไปเต้นคนเดียวไม่ต้องมายุ่งกับฉัน แค่เห็นหน้าเธอตอนเวลาทำงานก็จะอ้วกอยู่แล้ว อย่ามาขัดขวางความสุขของฉันตอนนี้เลย จะไปไหนก็ไปป่ะ”
ณัชญ์กล่าววาจาทำร้ายจิตใจอรุณวรรณอีกครั้ง เลขาสาวน้ำตาปริ่มขอบตา ความเสียใจพุ่งเป้าตรงดิ่งเข้าไปในทรวง
ใช่สิ...เธอเป็นเพียงผู้หญิงนอกหัวใจ ไม่มีความเสน่หาอยู่ในตัว เป็นเพียงเลขาหน้าห้องที่สร้างความรำคาญให้อยู่บ่อยครั้ง เป็นเพียงผู้หญิงที่แอบหลงรักเจ้านายของตนเองตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ไม่มีค่าในสายตาของณัชญ์เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า แต่ถึงกระนั้นหัวใจดวงนี้ก็ยังจงรักภักดีกับเขาเสมอมาและตลอดไป
“วรรณเป็นห่วงคุณณัชญ์จริงๆ นะคะ” อรุณวรรณเอ่ยเสียงสั่น
“ถ้าเป็นห่วงฉันจริงๆ ก็รีบไปให้ไกลๆ เลยไป แล้วรีบเดินไปจากตรงนี้ซะทีฉันมองไม่เห็นผึ้ง”
ชื่อเล่นของวชิราภรณ์ที่หลุดออกมาจากปากของณัชญ์ สร้างความเสียใจและเจ็บปวดให้กับอรุณวรรณมากขึ้นหลายเท่า ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเจ้านายหนุ่มมีใจสิเน่หาเจ้าของชื่อเล่นนั้น ความไม่พอใจ ความหึงหวงที่แอบแฝงอยู่ในใจของอรุณวรรณผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อเล่นศัตรูหัวใจ
“ต่อให้คุณณัชญ์รักผึ้งมากแค่ไหน แอบมองผึ้งนานเพียงใด ผึ้งไม่มีวันหันมามองคุณณัชญ์หรอกค่ะ เพราะผึ้งมีแฟนแล้วและเป็นเพื่อนสนิทกับคุณณัชญ์ด้วย คุณณัชญ์ไม่มีทางสมหวังหรอกค่ะ”
เลขาสาวพูดใส่หน้าคนที่มีชะตากรรมเดียวกับเธอคือ แอบรักคนที่ไม่คิดจะมีใจให้ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หยดน้ำเม็ดใสเกลือกกลิ้งไหลรินเป็นทาง ณัชญ์หันมามองหน้าอรุณวรรณตาลุกวาว ความโกรธซุกซ่อนอยู่ในสายตาของเขา
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน หน้าที่ก็ไม่ใช่ อย่าแส่” เขากัดกรามพูด หน้าเริ่มแดงที่ไม่อาจรู้ได้ว่ามาจากพิษสุราหรือว่าแรงโทสะ
“วรรณก็ไม่อยากแส่เรื่องนี้ แต่มันอดสมเพชคุณณัชญ์ไม่ได้ต่างหาก วรรณจะบอกอะไรให้นะคะ คนที่เป็นเพื่อนสนิทกันเค้าถือเรื่องนี้มาก เรื่องที่เพื่อนแอบรักเพื่อน ระวังนะคะถ้าผึ้งรู้ ความเป็นเพื่อนระหว่างคุณณัชญ์กับผึ้งก็จะไม่หลงเหลือ ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ หน้าก็แทบจะมองกันไม่ติด แล้วอาจจะเลิกเป็นเพื่อนกันไปเลยก็ได้ คิดให้ดีนะคะว่าจะเลิกรักหรือจะดึงดันที่จะรักต่อ วรรณพูดแค่นี้แหละคะ”
ผู้พูดก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่เอ่ยออกไปได้เหมือนกัน อรุณวรรณพยายามหลายครั้งที่จะตัดใจเลิกรักณัชญ์ ทุกครั้งมันได้ผลเช่นที่ผ่านมา เธอไม่สามารถดึงความรักที่มีต่อณัชญ์ให้คลายออกไปจากดวงใจได้เลย เลขาสาวเดินออกไปจากจุดนั้นด้วยหัวใจที่บอบช้ำ ความปวดร้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ได้รับจากเจ้านายหนุ่มยังตราตรึงอยู่ทั่วทุกอณูของหัวใจ
ณัชญ์ฟังประโยคนี้แล้วถึงกับสะอึก อื้ออึงไปชั่วขณะ เขาเคยได้ยินคำนี้อยู่บ่อยครั้ง เพื่อนสนิทที่แอบหลงรักเพื่อนมักมีบทสรุปที่เจ็บปวดเสมอ ยังนึกสงสัยในใจอยู่ว่า อรุณวรรณรู้ความว่าเขารักวชิราภรณ์ได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น ไม่ว่าจะเป็นกิริยาท่าทางหรือแววตา
เขามานั่งย้อนคิดถึงคำพูดของเลขาสาว หากวชิราภรณ์รู้เรื่องนี้จะเป็นเช่นไร เธอจะมีปฏิกิริยาแบบไหน ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนจะคงอยู่เช่นเดิมหรือไม่...
‘จีไม่แน่ใจ จีเคยอ่านหนังสือเจอน่ะ ในหนังสือบอกว่าคนประเภทผึ้งเป็นคนที่ขาดความอบอุ่น เป็นคนที่ถูกขโมยความรักไปซึ่งๆ หน้า หากได้ความรักของใครสักคนมาเติมเต็ม ความรู้สึกว้าเหว่ เหงา เศร้าในใจก็จะลดระดับลง กลายเป็นความอบอุ่นที่คนคนนั้นไม่เคยเจอ พอได้รับความรัก ความอบอุ่นมากพอ ความแค้นเคือง ความชิงชังก็จะเบาบางลง จีก็เลยพูดออกไปอย่างนั้น คิดว่ามันก็คงเหมือนๆ กัน’
...อยู่ๆ คำพูดของรุ่งรุจีก็แวบเข้ามาในสมองของเขา “เติมเต็มความรัก ความอบอุ่น” ทั้งสองความรู้สึกนี้เขามีให้วชิราภรณ์อย่างเต็มเปี่ยม มีมากจนล้นเต็มหัวอก ความคิดบางอย่างฉุกคิดในสมองและนั่นคือความตั้งใจที่จะทำในค่ำคืนนี้
ณัชญ์รินวิสกี้ใส่แก้วอีกครั้ง กระดกดื่มทีเดียวหมดแก้วอีกครา หันไปมองใบหน้าของวชิราภรณ์ ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะทำในสิ่งที่ตนเองหมายมั่นจะทำ ระหว่างนี้เขาก็ใช้แอลกอฮอล์ย้อมใจไปพลางๆ เสริมสร้างความเหิมกล้าให้มากที่สุด
สี่ทุ่มกว่าในคืนเดียวกัน
วชิราภรณ์กับรุ่งรุจีเดินกลับมายังห้องพักหลังจากที่งานเลี้ยงพนักงานเสร็จสิ้นลง ระหว่างทางที่เดินกลับห้องพัก รุ่งรุจีได้เจอเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ เธอจึงปลีกตัวเพื่อไปสนทนาถามสารทุกข์สุกดิบตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกัน วชิราภรณ์จึงขอตัวกลับห้องพักก่อน
“โอ๊ย...ปวดเอวเป็นบ้าเลย สงสัยเต้นมากไปหน่อย”
วชิราภรณ์ครวญเจ็บ เมื่อเดินเข้ามาในห้องพักเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เธอนึกว่าเป็นรุ่งรุจีจึงเดินไปเปิดประตู
“อ้าว...ณัชญ์เองเหรอนึกว่าจี”
ณัชญ์ไม่พูดอะไรเดินเซเข้าไปในห้องเพื่อนสนิท วชิราภรณ์ปิดประตูแล้วเดินตามเพื่อนชายในสภาพมึนเมาไปยังกลางห้อง ยังไม่ทันที่เจ้าของห้องจะพูดอะไร ร่างของณัชญ์ก็หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าแล้วโผเข้ากอดร่างสาวอย่างรวดเร็ว สร้างความตกใจให้กับเธออย่างยิ่งยวด
“ว้าย...ณัชญ์ นายทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
หญิงสาวที่ถูกกอดแหวใส่เสียงดัง มือนุ่มผลักไสร่างของเพื่อนชายที่กอดรัดไม่ปล่อย ใบหน้าหล่อโน้มเข้ามาใกล้จนเธอใจสั่นระรัว
“ผึ้ง ณัชญ์รักผึ้ง รักมาก รักมานานแล้ว ณัชญ์รักผึ้งนะไม่ได้รักแบบเพื่อน รักมากกว่าเพื่อน เป็นของณัชญ์นะ ณัชญ์จะเติมความสุข ความรักให้ผึ้งเอง”
คำบอกรักที่หลุดออกมาจากปากของเพื่อนชายคนสนิท เรียกความตกใจให้กับเธอมากมายนัก ยิ่งประโยคที่ว่า “เป็นของณัชญ์นะ” เรียกความตะลึงงันให้กับสาวเจ้ามากขึ้นอีกหลายทำนบ
“จะบ้าเหรอไงณัชญ์ ฉันเป็นเพื่อนนายนะ นายคิดบ้าๆ กับฉันแบบนี้ได้ยังไง”
วชิราภรณ์พูดไปด้วยเบี่ยงหน้าหลบจมูกและริมฝีปากของณัชญ์ที่พยายามจะหอมแก้มและสัมผัสเรียวปากของเธอเป็นพัลวัน ในขณะที่มือยังคงผลักไสร่างหนาให้ออกห่าง หัวใจเต้นแรงกลัวเหลือเกินว่าณัชญ์จะทำตามที่พูดออกมา
“ณัชญ์รักผึ้ง ณัชญ์จะทำให้ผึ้งมีความสุข”
เขายังพูดต่อ ยกร่างเล็กให้ลอยขึ้นเหนือพื้น ก่อนจะพาร่างอวบอิ่มไปยังเตียงที่อยู่ไม่ห่างเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง จากนั้นก็ล้มตัวไปบนเตียง โดยมีร่างสาวอยู่ใต้ร่างหนา
ทันทีที่แผ่นหลังสัมผัสกับที่นอน วชิราภรณ์บอกตัวเองจะไม่ให้เรื่องที่ณัชญ์ตั้งใจจะทำเกิดขึ้นกับตนเอง เธอจึงทั้งดิ้น ทั้งทุบ บางครั้งก็หยิกไปตามร่างกายของเพื่อนชาย ปากร้องพูดไม่หยุด พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตนได้รับอิสรภาพ
“ปล่อยผึ้งนะณัชญ์ ปล่อยผึ้ง เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันไม่เคยคิดแบบนี้กับนายเลยนะ ปล่อยฉันนะณัชญ์”
“ไม่ปล่อย ณัชญ์ไม่มีวันปล่อยผึ้งให้ใครอีกต่อไปแล้ว ผึ้งต้องเป็นของณัชญ์คนเดียว”
พูดจบก็ซุกใบหน้าไปยังซอกคอหอมกรุ่น วชิราภรณ์เบี่ยงคอหลบหลีกไม่ให้เขาทำได้ดั่งใจคิด แต่ทว่าร่างกายที่ถูกพันธนาการด้วยอ้อมแขนและร่างกายสูงที่ทาบทับ ไม่เอื้ออำนวยให้เธอทำอะไรได้มากนัก นอกจากใช้ปากพูด เบี่ยงคอ เบี่ยงหน้าหนีจมูกปากของคนที่มึนเมา
“ณัชญ์อย่าทำกับผึ้งแบบนี้ อย่าทำ หยุดเดี๋ยวน่ะนะณัชญ์ ไม่นะ อย่า...ณัชญ์กำลังเมา”
“ณัชญ์ไม่เมา ณัชญ์มีสติทุกอย่าง ณัชญ์ไม่หยุดด้วย วันนี้ถึงยังไงผึ้งก็ต้องเป็นของณัชญ์ ณัชญ์ไม่ยอมให้ใครมาแย่งผึ้งไปจากณัชญ์อีกแล้ว”
ณัชญ์ละจากซอกคอสาว ผงกศีรษะเอ่ยบอกสาวใต้ร่าง ซุกหน้าลงไปยังซอกคอของเธออีกครั้ง คำพูดที่แสนจริงจังของเพื่อนชายทำให้จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กริ่งเกรงยิ่งนัก เธอไม่หยุดดิ้นรนหนี ไม่หยุดพูดเพื่อให้เขาหยุดการกระทำ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล ร่างกายที่เล็กกว่าเขามาก เรี่ยวแรงที่น้อยกว่าไม่อาจต้านทานผละกำลังของณัชญ์ได้เลย อีกทั้งมือที่ระดมทุบไปทั่วร่างของเขายังถูกมือใหญ่กำรอบไว้เพียงมือเดียว จับตรึงไว้เหนือศีรษะสาว
น้ำใสๆ ไหลออกมาจากหางตาหยดลงกระทบกับแก้มของณัชญ์ น้ำตาของวชิราภรณ์และเสียงสะอื้นนี้เองที่เรียกสติของเขาให้กลับคืนมา เขายกศีรษะขึ้นสูงเหนือดวงหน้าหวานที่กำลังร้องไห้
“ผึ้ง...ณัชญ์ ณัชญ์” เขาพูดไม่ออก อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่อย่างนั้น
“ออกไป!...ลุกออกไปจากตัวฉัน ออกไปจากออกฉันเดี๋ยวนี้ ต่อไปนี้นายไม่ใช่เพื่อนของฉันอีกแล้ว ถ้านายทำอะไรฉัน ฉันจะไม่ให้อภัยนายไปตลอดชีวิต ออกไป!”
คำพูดตัดความสัมพันธ์ของวชิราภรณ์ เรียกความตกใจให้กับณัชญ์อย่างท่วมท้น “ไม่ใช่เพื่อนของฉันอีกแล้ว” ประโยคนี้บาดความรู้สึก บาดหัวใจของเขาเหลือเกิน จะทำอย่างไรดีเล่า เขาจะทำอย่างไรดีกับเรื่องที่กำลังดำเนินอยู่ จะหยุดหรือว่าจะเดินหน้าต่อ
“ณัชญ์ไม่เป็นเพื่อนกับผึ้งก็ได้ แต่จะเป็นผัวของผึ้งแทน ณัชญ์รักผึ้ง ณัชญ์เองก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับผึ้งอยู่แล้ว”
ความมึนเมาที่ยังหลงเหลือ ความรักที่เอ่อท่วมท้น ความกลัวที่เธอจะปิดฐานะของความเป็นเพื่อน ทำให้ณัชญ์เลือกที่จะเดินหน้าทำในสิ่งที่ตั้งใจต่อไป คิดเข้าข้างตัวเองว่า หากเขาได้ครอบครองร่างกายของวชิราภรณ์ ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาคิด แต่นั่นคือสิ่งที่เขาคิดผิด
“ไม่นะณัชญ์ อย่าทำกับผึ้งแบบนี้”
เธอเว้าวอนเขาทั้งน้ำตา ความเป็นเพื่อนที่มีมาช้านาน ความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ความเข้าใจทั้งหมดทั้งมวลกำลังมลายหายไปจากหัวใจของวชิราภรณ์ หากเป็นชายคนอื่นที่เมาจนครอบครองสติไม่อยู่ เธอจะไม่ให้เข้ามาในห้องส่วนตัวนี้เลย ทว่าคนมาเคาะประตูเป็นเพื่อนสนิททำให้เธอต้อนรับเขาอย่างไม่มีข้อกังขา แม้ว่าจะอยู่ในอาการมึนเมาก็ตาม
เธอคิดผิด...คนเมาไม่อาจยับยั้งความคิดและการกระทำของตัวเองได้เลย
“ณัชญ์รักผึ้งนะ รักมากๆ ด้วย เป็นของณัชญ์นะผึ้ง” เสียงห้าวพูดจบก็โน้มต่ำลงไปยังซอกคอหอมกรุ่นสาวอีกหน ว่ายวนหาความหอมที่เขาปรารถนามาช้านาน