แผนเป็นดังใจ 1.4

2913 คำ
เกาะช้าง จังหวัดตราด ธัญญ์และวชิราภรณ์เดินทางมาถึงเกาะช้างในเวลา 13. 05 น. การณ์นี้ธัญญ์ไม่ได้ให้ลูกน้องติดตามมาด้วยเป็นเพราะต้องการใช้เวลาอยู่กับหญิงสาวตามลำพัง ทั้งคู่ตรงดิ่งไปยังโรงแรมที่พอลพักทันที ธัญญ์อยู่พูดคุยกับพอลประมาณสองชั่วโมง ก่อนที่ธัญญ์จะเป็นเจ้ามือเลี้ยงรับประทานอาหารแก่ลูกค้ารายสำคัญรายนี้ พอลดูจะให้ความสนใจวชิราภรณ์จนออกนอกหน้า ชายหนุ่มต่างชาติพอใจกับความน่ารัก ประทับใจรอยยิ้มงดงามของเธอมากเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าวชิราภรณ์จะไม่ใช่คนสวยมากแต่เธอก็มีเสน่ห์อย่างล้นหลาม เพียงแค่ยิ้มก็สยบใจชายได้ชะงักงันจนบางครั้งการแสดงออกของพอลทั้งการกระทำและคำพูดธัญญ์รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาตงิดๆ แต่ก็เก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ในใจอย่างมิดชิด และแน่นอนระหว่างที่รับประทานอาหารด้วยกันนั้น พอลก็เอาเอกเอาใจวชิราภรณ์จนธัญญ์คิดว่าเขาเป็นส่วนเกินบนโต๊ะอาหารนี้ไปเลย “ขอบคุณคุณธัญญ์มากนะครับสำหรับอาหารมื้อนี้และขอบคุณคุณผึ้งที่ทำให้ผมเจริญอาหาร อาหารมือนี้อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมาเลยครับ” พอลเอ่ยขอบคุณเจ้ามือที่พาไปรับประทาน หลังจากที่ธัญญ์เดินมาส่งที่ห้องพัก ดวงตาของพอลนั้นเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อวชิราภรณ์อย่างไม่ปิดบัง “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีเสมอ ผมกับผึ้งขอตัวก่อนนะครับ คุณพอลจะได้พักผ่อน” ธัญญ์พูดตัดบท เริ่มไม่พอใจพอลมากขึ้นเรื่อยๆ และกลัวว่าสาวร้อนแรงรักง่ายหน่ายเร็วคนนี้จะเผลอตัวเผลอใจไปกับคำหวานของพอล และนั่นอาจทำให้แผนการของเขาคลาดเคลื่อน “ผมหวังว่าโอกาสหน้าเราสองคนคงจะได้เจอกันอีกนะครับคุณผึ้ง” แทนที่พอลจะเอ่ยลาธัญญ์ แต่เขากลับหันมาพูดคำหวาน ส่งสายตาหวานเยิ้มกับวชิราภรณ์แทน “ค่ะ โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะคะ” วชิราภรณ์พูดขึ้นตามมารยาท “ครับ โอกาสหน้าเราได้เจอกันแน่นอนครับ” คราวนี้พอลไม่พูดเปล่า ฉวยมือนุ่มมาไว้ในมือของตนแล้วก้มลงจุมพิตกลางหลังฝ่ามือของวชิราภรณ์อย่างรวดเร็ว เจ้าของมือนุ่มปล่อยเลยตามเลยเพราะคิดว่าการบอกลาตามธรรมเนียมของชาวต่างชาติ ภาพที่ธัญญ์เห็นนั้นแม้ว่าเขาจะเคยทำและเห็นมานักต่อนัก แต่ทว่าความไม่พอใจก็พวยพุ่งเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างแรง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุต้องความรู้สึกนั้นจึงก่อเกิดขึ้นมาในจิตใจ มันไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นมากกว่า “ขอตัวนะครับคุณพอล” ธัญญ์พูดจบก็หมุนตัวเดินห่างหน้าประตูห้องักของพอลทันที ทำให้วชิราภรณ์ต้องเดินตามเจ้านายหนุ่มไปโดยปริยาย “คุณธัญญ์คะ คุณธัญญ์ คุณธัญญ์รอผึ้งด้วยค่ะ” วชิราภรณ์ตะโกนเรียกชายร่างโตที่ก้าวเดินดุ่มๆ โดยไม่รอคนที่เดินตามหลังเลย และอยู่ๆ เขาก็หยุดเดินทำให้คนที่เดินแกมวิ่งมาทางด้านหลังปะทะกับแผ่นหลังของเขาเต็มแรง “ผมว่าไหนๆ เราก็มาที่เกาะช้างกันทั้งที น่าจะไปเดินเล่นที่ชายหาดกันก่อนกลับดีกว่านะครับ” เขาปรับเปลี่ยนอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจเป็นยิ้มร่า เอ่ยวาจาเสียงนุ่มแทนที่จะกรรโชกดั่งใจคิด “แต่นี่มันเกือบห้าโมงเย็นแล้วนะคะ ฝนทำท่าจะตกแล้วด้วย” เธอลังเลเล็กน้อย อากาศตอนนี้เริ่มมืดครึ้ม ราวกับว่าฝนห่าใหญ่กำลังจะตก ทั้งๆ ที่ตอนขามาท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดเจิดจ้า “ไม่ต้องห่วงครับ เราเดินเล่นกันแป๊บเดียวเองฝนก็ตั้งเค้าไปอย่างนั้นแหละครับ ไม่ตกหรอกเชื่อผมซิ ห้าโมงครึ่งค่อยไปขึ้นเรือกลับไปฝั่งโน้น” เขาเอ่ยบอก เธอทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบตกลง “ก็ได้ค่ะ” ทั้งสองจึงพากันเดินไปยังชายหาด แต่พอเดินไปถึงชายหาดไม่ถึงหนึ่งนาที ฝนเม็ดใหญ่ก็กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา นักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำ รวมทั้งเดินเล่นอยู่ต่างพากันวิ่งมาหลบฝนที่ใกล้ที่สุด ธัญญ์คว้ามือนุ่มของเลขาสาวมากอบกุมไว้ ก่อนจะพากันวิ่งไปหลบฝนในห้องอาหารริมทะเลของโรงแรมที่เพิ่งเดินออกมา “ฝนตกจนได้ นึกว่าไม่ตก” ธัญญ์เอ่ยขึ้น มองดูฝนที่กำลังตกหนักอย่างมีแผนการ โชคเข้าข้างเขาเหลือเกิน แผนเดิมคือต้องการให้ความโรแมนติกของท้องทะเลอันลือชื่อ เสริมสร้างแผนของเขาให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่พอเห็นเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำให้แผนอีกแผนหนึ่งซ้อนทับขึ้นมาในสมองของเขา “นั่นสิคะ ทีนี้เราจะทำยังไงกันดี ถ้าตกแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะข้ามไปฝั่งโน้นได้ยังไงคะ” ข้อนี้เองที่วชิราภรณ์วิตก “ผมคิดว่าเดี๋ยวก็หยุดครับ ฝนหลงฤดูคงตกไม่นาน” เขาคาดการณ์ ในใจไม่ได้ขอให้ตกหนักกว่านี้ ตกไปนานๆ เลยยิ่งดี “ผึ้งก็หวังว่าอย่างนั้นค่ะ” เธอพูดเบาๆ มองสายฝนที่ตกลงมาอย่างมีความหวังว่า มันจะหยุดตกในนาทีต่อมา ทว่าความหวังของเธอนั้นดูจะห่างไกลเหลือเกิน เนื่องจากเวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก หนำซ้ำลมยังกรรโชกแรงราวกับว่ามีพายุเข้า “มันไม่หยุดตกง่ายๆ ซะแล้วซิ จะทำยังไงดีเนี่ย” ธัญญ์แกล้งเปรย “นั่นสิคะจะทำยังไงกันดี” “สงสัยเราต้องนอนค้างกันที่นี่สักคืนแล้วนะครับ ฝนตกหนักแถมยังมีพายุอีก กลับไปฝั่งโน้นไม่ได้แน่” เขาพูดตามแผนการที่วางไว้ “ค้างที่นี่” วชิราภรณ์อุทานด้วยความตกใจ “แต่ผึ้งไม่ได้บอกแม่ไว้นะคะ อีกอย่างเสื้อผ้าก็ไม่มีเปลี่ยนด้วย” “ผมก็ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนเหมือนกันครับ อีกอย่างเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ ขืนเราออกเรือตอนนี้มีหวังได้ลงไปนอนเล่นในทะเลแน่นอนครับ โทรไปบอกคุณป้า คุณป้าคงเข้าใจเหตุผลที่เรานอนค้างที่นี่ครับ” วชิราภรณ์ได้ฟังเหตุผลของธัญญ์แล้วถึงกับพูดไม่ออก เขาพูดจริงทุกอย่าง ออกเรือไปตอนนี้ไม่ปลอดภัยด้วยประการทั้งปวง ทางเดียวคือต้องนอนพักที่นี่หนึ่งคืน “ค่ะ ทำตามที่คุณธัญญ์พูดก็ได้ค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นเราหาที่พักกันก่อนนะครับ” วชิราภรณ์โทรศัพท์ไปหามารดาเป็นอันดับแรกและบอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมด เมื่อทำความเข้าใจกับกัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงเดินไปยังรีเซฟชั่นของทางโรงแรม เพื่อติดต่อจองห้องพัก การณ์กลับไม่เป็นดั่งที่ทั้งสองคิด เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ห้องพักเต็มทุกห้อง ทั้งสองจึงต้องหาที่พักในโรงแรมและรีสอร์ทอื่น ทว่าทุกแห่งที่ไปห้องพักเต็มหมด อาจเป็นเพราะช่วงนี้เป็นฤดูการท่องเที่ยว มีกรุ๊ปทัวร์และนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักกันมากเป็นพิเศษ ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงโรงแรมหนึ่งที่มีห้องพักว่างหนึ่งห้อง “ห้องพักของเราเหลือหนึ่งห้องค่ะ เป็นห้องสวีทมูนแบบเตียงคู่ค่ะ” รีเซฟชั่นสาวสวยเอ่ยบอกธัญญ์ “เหลือห้องเดียวเองหรือครับ” “ใช่ค่ะ ตอนนี้เหลือห้องเดียวค่ะ” สองหนุ่มสาวที่หาห้องพักมองหน้ากันนิ่ง เหลือห้องพักเพียงห้องเดียว นั่นเท่ากับว่าทั้งสองต้องพักห้องเดียวกัน ธัญญ์ยินดีและเต็มใจเป็นที่สุด ต่างกับวชิราภรณ์ที่เกิดอาการเกร็ง ประหม่าจนใจเต้นรัว “เราไปหาโรงแรมอื่นก็ได้นะ ถ้าไม่ได้นอนที่โรงแรมก็หาบังกะโลราคาถูกๆ นอนก็ได้ ผมนอนได้ทั้งนั้นแหละ” ธัญญ์กล่าวขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของวชิราภรณ์ เธอคิดหนักในทันทีเวลานี้ล่วงเลยมาถึงหนึ่งทุ่มแล้ว หาที่พักมาร่วมหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังหาไม่ได้ ฝนก็ยังตกไม่หยุดดีที่ว่าแรงของการตกลดระดับลงเรื่อยๆ  ร่างกายของเขาและเธอก็เริ่มหนาว อาการสั่นก็ตามมา เธอกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปหาที่พักต่อหรือว่าพักที่นี่เลย “ช่วงนี้ที่พักหายากนะคะ ยิ่งเป็นวันหยุดยาวด้วยแล้วยิ่งหายากเป็นสองเท่า ไม่ว่าจะเป็นบังกะโล โรงแรมหรือว่า รีสอร์ทที่หาดทรายขาวก็เต็มหมดค่ะ ถ้าจะมีก็ต้องเดินทางไปยังหาดอื่นอย่างเช่น คลองพร้าวซึ่งอยู่ถัดไปนี้เองค่ะ แต่ก็อย่างว่านะคะตอนนี้มืดแล้วแถมยังฝนตกด้วย หนทางก็ลำบากถนนลื่น เส้นทางที่นี่คดเคี้ยว ลาดชันและมีโค้งเยอะไม่เหมาะกับการเดินทางในเวลานี้ ดิฉันแนะนำว่าให้พักที่นี่ดีกว่านะคะเพื่อความปลอดภัย พรุ่งนี้ค่อยไปหาที่พักที่อื่น” พนักงานสาวพูดเสริมให้การตัดสินใจของบุคคลทั้งสองง่ายขึ้น เธอพูดด้วยความปรารถนาดีและเป็นจริงตามที่ได้พูดออกไป เส้นทางของเกาะช้างไม่เหมือนกับที่อื่น หากไม่มีความชำนาญในการใช้เส้นทาง อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งตอนนี้ฝนตก ถนนลื่นแล้วยังอยู่ในเวลาค่ำมืด การสัญจรจึงลำบากยากเป็นสองเท่า อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต “เราค้างที่นี่ก็ได้ค่ะ ไปที่อื่นก็อันตราย” วชิราภรณ์พูดขึ้นหลังจากที่ตัดสินใจดีแล้ว “ตกลงครับ เราจะพักกันที่นี่คืนนี้” ธัญญ์หันไปบอกพนักงานต้อนรับของโรงแรม ฝนฟ้าอากาศช่างเข้าข้างเขาเหลือเกิน งานนี้วชิราภรณ์สาวมารักคนนี้ไม่รอดมือเขาแน่นอน   “ผึ้งนอนบนเตียงนะครับ ผมจะนอนบนโซฟาเอง” ธัญญ์พูดขึ้นเมื่อพนักงานของโรงแรมพาทั้งสองมาถึงห้องพัก วชิราภรณ์มองเตียงคู่ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ก่อนจะเสมามองโซฟาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมห้องอย่างครุ่นคิด โซฟาตัวนี้กะขนาดความกว้างก็พอดีตัวของเขา ทว่าความยาวอาจจะไม่ถึง โซฟาตัวนี้มีความยาวน้อยกว่าความสูงของเขาหลายสิบเซนติเมตร ธัญญ์ต้องนอนไม่สบายตัวแน่ๆ แต่จะให้มานอนบนเตียงกับเธอก็กระไรอยู่ มันไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย “ค่ะ แล้วคุณธัญญ์จะนอนบนโซฟาได้หรือคะ” เธอไม่วายเป็นห่วงเขา “แค่คืนเดียวเองครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผึ้งไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ผมจะโทรสั่งอาหารซะหน่อย หิ้วจนไม่มีแรงแล้วครับ” เขาพูดไปด้วยใช้ฝ่ามือลูบท้องไปด้วย “ค่ะ ผึ้งอาบน้ำก่อนนะคะ” วชิราภรณ์หมุนตัวเดินไปยังห้องน้ำ เพื่อชำระร่างกายตามที่เขาบอก ไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมสีน้ำตาลที่แขวนไว้ในตู้เสื้อออกมาหนึ่งตัว เพราะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะปิดคลุมร่างกายแทนที่เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ร่วมยี่สิบนาทีกว่าที่หญิงสาวจะออกมาจากห้องน้ำ เป็นเวลาเดียวกันกับที่พนักงานนำอาหารมาส่ง “คุณธัญญ์ไม่อาบน้ำก่อนเหรอคะ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกค่ะ” เธอเอ่ยบอกด้วยความหวังดี กระชับสาบเสื้อคลุมให้แน่นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเสื้อคลุมของทางโรงแรมมีขนาดใหญ่ รูปร่างของวชิราภรณ์ค่อนข้างเล็กไม่สมดุลกับเสื้อคลุม ทำให้สาบเสื้อแยกกันโดยปริยาย ถึงแม้ว่าจะผูกสายคาดแน่นแล้วก็ตาม ธัญญ์ยิ้มเยาะกับการกระทำของเธอ ทำราวกับว่าเขาต้องการเห็นเนื้อในของเธอนักหนา “เอาไว้ก่อนครับ ตอนนี้ผมหิวจนไส้แทบขาดแล้ว ขอกินข้าวก่อนดีกว่าครับ” เขาพูดพรางเปิดฝาครอบอาหารออก ลงมือรับประทานอาหารทันที ท่าทางของเขาดูจะหิวโซเหมือนกับที่พูดออกไป วชิราภรณ์เห็นดังนั้นจึงไม่ได้คาดคั้นอะไรต่อ ลงมือรับประทานเช่นเดียวกับเขา “อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้เลยนะครับ” ธัญญ์ชมเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว “ค่ะ อร่อยค่ะ” เธอรับคำขณะที่รวบช้อนไว้กลางจานข้าว “หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนทันทีเลย” ไม่พูดเปล่ายังอ้าปากหาวประกอบคำพูด “ตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าแล้ว นอนพักก็ดีเหมือนกันค่ะ ผึ้งรู้สึกเหนื่อยๆ เหมือนกัน” วชิราภรณ์เองก็รู้สึกง่วงนอนแม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่เวลานอนของเธอก็ตาม อาจเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง อีกทั้งยังเหนื่อยจากการหาห้องพัก ทำให้วันนี้ทั้งคู่รู้สึกอิดโรยมากกว่าทุกวัน “ผึ้งนอนบนเตียงนะ ผมจะนอนบนโซฟาเอง ผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ชายหนุ่มมากแผนการพูดเหมือนกับครั้งแรกที่เข้ามาในห้องนี้ เธอยิ้มบางๆ ให้กับผู้พูด ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินไปห้องน้ำ วชิราภรณ์เดินมายังเตียงนอนหยิบหมอนที่วางอยู่บนเตียงมาหนึ่งใบ แล้วนำมาวางไว้บนโซฟา เธอตั้งใจว่าจะหยิบผ้าห่มให้กับเขา แต่ทว่าผ้าห่มที่มีอยู่นั้นเป็นผ้าห่มผืนใหญ่ที่มีเพียงผืนเดียว จะนำมาให้เขาห่มก็ไม่ได้ เลขาสาวจึงหยิบผ้าเช็ดตัวที่ทางโรงแรมวางไว้บนเตียงมาหนึ่งผืน นำไปวางให้เขาใช้ห่มกายตรงโซฟา จากนั้นก็เดินกลับมาที่เตียงนอนอีกครั้ง สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนใหญ่ แล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ธัญญ์เดินออกมาจากห้องน้ำในอีกสิบห้านาทีต่อมา เขาเดินมาหยุดตรงตู้เสื้อผ้า เปิดมันออกแล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่แทนผ้าขนหนูที่เขาพันรอบเอว เท้าใหญ่ก้าวมาหยุดมองวชิราภรณ์ที่หลับใหลบนเตียง เขาพิจารณามองใบหน้าสาวยามที่ต้องกับแสงสีส้มของโคมไฟหัวเตียง แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะทำให้ผู้ชายหลายคนคลั่งไคล้ เธอไม่ใช่คนสวยแต่มีความน่ารัก มีเสน่ห์อย่างยิ่งยวดด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเศร้าๆ ของเธอนั้นดูน่าค้นหา มีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าดึงดูดใจชายหลายคน แต่ไม่ใช่เขา “ฉันจะทำให้เธอรักและคลั่งฉันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เธอจะต้องเจ็บมากกว่าณัชญ์ร้อยเท่าพันเท่า” พูดจบเขาก็เดินไปปิดไฟกลางห้อง รวมทั้งหน้าห้องน้ำ ให้เหลือเพียงไฟจากโคมไฟหัวเตียงเท่านั้น จากนั้นก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟา ราว 00.30 น. โดยประมาณ “ตุ้บ...โอ๊ย!!” เสียงเหมือนของใหญ่ตกลงมาบนพื้น ตามด้วยเสียงร้องครวญเจ็บ เสียงนั้นดังมากพอที่จะทำให้ วชิราภรณ์สะดุ้งตื่นมากลางดึก ภาพที่เธอเห็นนั้นคือภาพของธัญญ์กำลังลุกขึ้นยืน มือใหญ่จับตรงสะโพกคล้ายกับว่าส่วนที่จับอยู่นั้นเกิดความเจ็บ และเห็นเขากำลังล้มตัวลงนอนบนโซฟา ความสูงของธัญญ์ที่มีมากกว่า 190 เซนติเมตรทำให้โซฟาตัวนั้นดูสั้นไปถนัดตา เขาจึงต้องนอนขดตัวพลิกตัวไปมาคล้ายกับว่านอนไม่สบาย อีกทั้งผ้าขนหนูของทางโรงแรมก็สั้นตามไปด้วย ห่มยังไงก็ไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่น เลขาสาวเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ มานึกถึงตัวเองที่นอนบนเตียงอย่างสบาย มีผ้าห่มห่มกายทั้งตัวมองๆ ดูแล้วเหมือนคนเห็นแก่ตัว “คุณธัญญ์คะ มานอนบนเตียงกับผึ้งก็ได้ค่ะ คุณธัญญ์นอนฝั่งโน้น ผึ้งนอนฝั่งนี้” วชิราภรณ์พูดออกไปในที่สุด หลังจากที่ทบทวนดีแล้ว มาก็มาด้วยกัน จะให้เธอนอนหลับสบายคนเดียวมันก็ดูไม่ดี อีกประการหนึ่งเธอก็ไว้ใจเขาด้วย คนที่แกล้งตกเตียง ร้องเจ็บเสียงดังๆ และพลิกตัวไปมา ทำทุกอย่างให้เธอเห็นและได้ยิน เพื่อที่จะชวนเขาไปนอนบนเตียง แผนนี้สำเร็จดั่งใจหมาย “มันจะดีหรือครับ ผมนอนบนโซฟาก็ได้ครับ” เขาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ขยับปากพูดราวกับสุภาพบุรุษ ทั้งๆ ที่ในใจเป็นซาตานดีๆ นี่เอง “ดีไม่ดีผึ้งไม่รู้หรอกค่ะ แต่ผึ้งเห็นคุณธัญญ์ตกเตียงแล้วก็นอนไม่สบาย ทำให้ผึ้งรู้สึกไม่ดี ราวกับว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว นอนหลับสบายบนเตียงคนเดียว คุณธัญญ์มานอนบนเตียงเถอะคะ” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม