พี่ชายที่แสนดี 1

2941 คำ
ห้าวันต่อมา ธัญญ์ แม็คควีน ตัณติยานนท์ก้าวเท้าเดินอย่างเร่งรีบหลังจากก้าวลงจากรถยนต์ เขารีบเดินทางมาเมืองไทยทันทีที่ทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุของน้องชายต่างบิดา แต่ต้องล่าช้าไปหลายวันเนื่องจากมีงานสำคัญจะต้องเคลียร์ ภาวนามาตลอดทางขออย่าให้น้องชายเป็นอันตรายร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต แม้ว่าในความเป็นจริงจากคำบอกเล่าของมารดาจะบอกให้เขารู้ว่า ต้องทำใจก็ตาม “คุณแม่ครับ ณัชญ์เป็นยังไงบ้างครับ” น้ำเสียงร้อนรนอัดแน่นไปด้วยความเป็นห่วงของธัญญ์เอ่ยถามมารดาทันทีที่มาถึงห้องพักผู้ป่วยวิกฤตหรือที่เรียกติดปากกันว่า ห้องไอซียู สีหน้าของคนที่ถูกถามไม่ค่อยดีมากนัก นัยน์ตาบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ขอบตาคล้ำดำเสมือนคนที่อดนอนมาหลายคืน ใบหน้าซีดเซียว “ยังไม่ดีเลยธัญญ์ แม่กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเสียน้องไป...ฮือ” นวลลักษณ์หันมาตอบลูกชายคนโตที่เกิดจากสามีคนแรกทั้งน้ำตา ความที่เป็นลูกคนล่ะพ่อ ทำให้ลูกชายทั้งสองคนใช้นามสกุลไม่เหมือนกัน ธัญญ์ลูกชายคนโตใช้นามสกุลสามีคนแรกพ่วงด้วยนามสกุลของเธอ ส่วนณัชญ์ใช้นามสกุลของสามีคนที่สองรัตนาพิทักษ์กุล เมื่อได้ยินกระแสเสียงและเห็นความทุกข์ของมารดา ธัญญ์จึงรั้งร่างนางเข้ามากอดเพื่อปลอบโยน ถ่ายทอดกำลังใจซึ่งกันและกัน “ณัชญ์ต้องไม่เป็นอะไรครับคุณแม่ น้องต้องไม่เป็นอะไร คุณแม่ใจเย็นๆ นะครับ” ชายร่างโตปลอบประโลมด้วยคำพูด “แม่กลัวจะเสียณัชญ์ไป หมอบอกว่าต้องรอดูอาการก่อน” “คุณแม่ทำใจดีๆ นะครับ ณัชญ์ถึงมือหมอแล้ว ยังไงณัชญ์ก็ต้องหาย” เขาปลอบเสียงนุ่ม “ณัชญ์เกิดอุบัติเหตุได้ยังไงครับคุณแม่” “หมอบอกว่าตรวจเจอแอลกอฮอล์ในร่างกายของณัชญ์สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนด แม่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปกติณัชญ์ไม่ใช่คนดื่มเหล้านะ แล้ววันที่เกิดเหตุณัชญ์ไปชะอำเพราะบริษัทจัดสัมมนาและพาพนักงานไปเที่ยวในตัว แม่ถามจีเพื่อนสนิทของณัชญ์ แต่จีก็ไม่รู้เรื่องอุบัติเหตุของณัชญ์ แม่ก็ไม่รู้ว่าจะไปถามใคร” “เอาไว้เราค่อยพูดเรื่องนี้อีกทีนะครับ ผมว่าคุณแม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนดีกว่าครับ ผมจะเฝ้าน้องเองครับ” “ไม่...แม่จะอยู่ที่นี่ แม่กลับไปบ้านแม่ก็นอนไม่หลับ” นางยืนกรานเสียงสั่น น้ำตาร่วง “เชื่อผมนะครับ คุณแม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน หลับพักผ่อนสักงีบ  ผมจะให้กำพลไปส่งคุณแม่ที่บ้านนะครับ” ธัญญ์พูดจบก็หันไปทางกำพลลูกน้องหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “กำพลพาคุรแม่กลับบ้านที” “ครับคุณธัญญ์” กำพลตอบทันควัน เดินเข้ามาประคองร่างของนวลลักษณ์มารดาของเจ้านาย คราแรกนวลลักษณ์มีทีท่าอิดออด แต่พอได้ลูกชายคะยั้นคะยออีกครั้ง นางจำใจลุกเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้านอย่างเสียมิได้ ลับร่างของมารดาและลูกน้องหนุ่มไม่ถึงหนึ่งนาที ร่างของสตรีคนหนึ่งเดินตรงมายังห้องไอซียู เธอมาหยุดยืนตรงกระจกด้านข้าง ทอดสายตามองไปยังร่างของณัชญ์ที่นอนนิ่งไม่ได้สติ แขนข้างขวามีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ที่ท้องแขน ข้างซ้ายเสียบสายให้เลือด เครื่องช่วยหายใจถูกครอบอยู่ตรงจมูก น้ำตาเม็ดใสอัดแน่นไปด้วยความเสียใจและสงสารไหลรินลงมาเป็นทาง ภาพของหญิงสาวคนนั้นอยู่ในสายตาของธัญญ์มาโดยตลอด นึกแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งว่า เธอคนนี้ร้องไห้ทำไม หรือว่ารู้จักน้องชายของเขา ต้องใช่แน่ๆ ต้องรู้จักณัชญ์อย่างแน่นอน ที่เขามั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้รู้จักณัชญ์เป็นเพราะ ในห้องไอซียูมีร่างของน้องชายของเขานอนอยู่คนเดียว ธัญญ์ลุกเดินไปยังจุดที่หญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ “ขอโทษนะครับ คุณรู้จักณัชญ์เหรอครับ” อรุณวรรณหันมามองหน้าเจ้าของคำถาม สีหน้างงๆ เล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็มีคนมาถามคำถามนี้ “รู้จักค่ะ ดิฉันเป็นเลขาของคุณณัชญ์ค่ะ แล้วคุณเป็นใครคะ” เธอตอบพร้อมถามกลับ “ผมเป็นพี่ชายต่างพ่อของณัชญ์ ชื่อธัญญ์ แม็คควีน ตัณติยานนท์” พอได้ยินชื่อของชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น ใบหน้าของอรุณวรรณก็เปลี่ยนเป็นตะลึงงัน ดวงตาขยายกว้างประดุจอาการตกใจ ผู้ชายตรงหน้าคือธัญญ์ แม็คควีน ตัณติยานนท์ประธานบริษัทที่เธอทำงานอยู่หรือนี่ และที่สำคัญเป็นพี่ชายของณัชญ์ ผู้ชายที่เธอแอบรัก “คุณคือคุณธัญญ์ แม็คควีน ตัณติยานนท์จริงๆ เหรอคะ” อรุณวรรณถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “ใช่ ผมคือธัญญ์ แม็คควีน ตัณติยานนท์ประธานบริษัทปิโตเคมี แอสโซเอส ไทยแลนด์ จำกัด มหาชน” ธัญญ์แนะนำตัวเต็มยศ เขาไม่เคยเปิดตัวว่าเป็นประธานบริษัทดังกล่าว และไม่เคยเปิดตัวว่าเป็นพี่ชายของณัชญ์รองประธานบริษัทเลยสักครั้ง เขานั่งบริหารงานอยู่ที่บริษัทแม่ในประเทศอังกฤษ โดยมีอำนวยพี่ชายของมารดาที่มีศักดิ์เป็นลุงรั้งตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร ส่วนณัชญ์ทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยรองประธาน ทำงานและเรียนรู้งานในส่วนต่างๆ ของบริษัททันทีที่เรียนจบ หากอำนวยเกษียณอายุเมื่อไหร่ ณัชญ์จะดำรงตำแหน่งแทนทันที “สวัสดีค่ะคุณธัญญ์ วรรณไม่ทราบจริงๆ ค่ะว่าคุณธัญญ์คือท่านประธาน” อรุณวรรณพนมมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม เธอรู้จักเพียงชื่อของเขาในฐานะประธานบริษัทไม่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริง จึงไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ เจ้าของบริษัทตัวจริงเสียงจริง “ไม่เป็นไร ผมไม่เคยแสดงตัวให้ใครรู้จัก คุณถึงไม่รู้จักผม คุณเป็นเลขาของณัชญ์เหรอ” “ใช่ค่ะ วรรณเป็นเลขาของคุณณัชญ์ค่ะ” “งั้นคุณก็ต้องไปชะอำพร้อมกับณัชญ์ด้วยใช่ไหม” เขาเริ่มถามเข้าประเด็น “ใช่ค่ะ” “แล้วคุณรู้เรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้หรือเปล่าว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมณัชญ์ถึงดื่มเหล้าเพราะปกติณัชญ์จะไม่แตะต้องเหล้าเลย คุณพอจะรู้ไหมว่าณัชญ์ดื่มเหล้าทำไม ทุกข์ใจเรื่องอะไร” ประโยคคำถามที่อรุณวรรณได้ยิน ทำให้เธออึ้งไปชั่วครู่ ท่าทางและน้ำเสียงของธัญญ์ที่ถามนั้น บอกให้เธอรับรู้ว่า ต้องการคำตอบเป็นที่สุด ช่วงขณะนี้อรุณวรรณมีความคิดบางอย่างแล่นใส่หัว เธอไม่รู้ว่าหากพูดความคิดนี้ออกไป ผลที่ตามมาจะสำเร็จดังใจหรือไม่ แต่ส่วนลึกบอกเธอว่า ต้องทำตามความคิดที่จุดประกายเฉียบพลัน “วรรณเป็นแค่เลขาของคุณณัชญ์ จะรู้ดีเฉพาะเรื่องงานเท่านั้นค่ะ เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ค่ะ” ใบหน้าของธัญญ์แสดงถึงความผิดหวังเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการ “แต่เผอิญวรรณรู้อะไรมาบางอย่างค่ะ” “อะไร คุณรู้อะไรมา” ธัญญ์ถามทันควัน ประกายตามีความหวัง “คุณณัชญ์มีเพื่อนสนิทอยู่สองคนคือจีกับผึ้งค่ะ ปกติทั้งสามคนจะไปไหนไปกัน แต่พอคุณณัชญ์เกิดอุบัติเหตุจีกับผึ้งกับไม่มาเยี่ยมคุณณัชญ์เลยสักวัน แถมผึ้งยังลาออกจากบริษัทไปอย่างไม่มีเหตุผล ในวันที่ผึ้งมายื่นใบลาออกเผอิญวรรณได้ยินจีกับผึ้งคุยกันค่ะ จึงรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องมันคืออะไร” เธอหยุดพูดโดยไม่มีเหตุผล และนั่นเองทำให้ความอยากรู้ของธัญญ์เพิ่มมากขึ้น “คุณได้ยินอะไรมา” ยังไม่ทันที่อรุณวรรณจะเปิดปากเล่าต่อ ประตูห้องไอซียูเปิดออก นายแพทย์วัยใกล้เกษียณก้าวออกมาจากห้อง ธัญญ์รีบปรี่เข้าไปหาทันที “น้องชายผมอาการเป็นยังไงบ้างครับ ณัชญ์จะฟื้นเมื่อไหร่ครับ” ธัญญ์ยิงคำถามใส่นายแพทย์ที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “คนไข้ฟื้นแล้วครับ แต่ว่า...” นายแพทย์ผดุงศักดิ์ตอบเสียงเครียด หัวใจของคนที่ฟังอยู่ทั้งสองคนเต้นแรง ใจลุ้นระทึกกับประโยคต่อไปของนายแพทย์ “มีอะไรครับคุณหมอ” “ผมอยากให้คุณทำใจก่อนที่ผมจะบอกเกี่ยวกับอาการของคุณณัชญ์ให้ฟังครับ” ธัญญ์กับอรุณวรรณมีอาการไม่ต่างกัน ทั้งสองนิ่งงัน ใจหายวาบ รู้สึกไม่ดีกับคำว่าทำใจ เพราะบอกให้ทั้งคู่รู้ว่า เรื่องที่ผดุงศักดิ์กำลังบอก เป็นเรื่องไม่ดี “ผมพร้อมครับ คุณหมอพูดมาได้เลย” แม้ว่าจะไม่อยากรับรู้เรื่องร้าย แต่ธัญญ์ก็ต้องเผชิญความจริงอย่างเข้มแข็ง “อาการของคุณณัชญ์น่าเป็นห่วงอยู่สองอย่างครับ อย่างแรกคือศีรษะของคุณณัชญ์ถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก มีเลือดคั่งในสมองดีที่ว่ามาถึงมือหมอเร็วทำให้ผมดูดเลือดที่คั่งออกไปได้จนหมด แต่ผลของการกระทบกระเทือนของศีรษะในครั้งนี้อาจทำให้คุณณัชญ์กลายเป็นเจ้าชายนิทรา อย่างที่สองคือเส้นประสาทตรงไขสันหลังฉีกขาด เส้นประสาทที่ว่านี้เป็นเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของขาทั้งสองข้าง” “คุณหมอกำลังจะบอกผมว่าน้องชายของผมเป็นเจ้าชายนิทราแล้วยังจะกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้อย่างนั้นใช่หรือเปล่าครับ” ธัญญ์โพล่งถามขึ้นกลางปล้อง อาการช็อคเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าอาการน้องชายจะหนักถึงเพียงนี้ ขนาดเขารู้ยังรับทำใจแทบไม่ได้ หากมารดารู้เรื่อง เขาไม่อยากคิดเลยว่า นวลลักษณ์จะรับได้มากน้อยแค่ไหน “ไม่ใช่ทั้งหมดครับ การเป็นเจ้าชายนิทรานั้นหมายถึง มีความหวังว่าจะฟื้นซึ่งเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ ส่วนเส้นประสาทที่ฉีกขาดหากได้รับการผ่าตัดและทำกายภาพบำบัดให้กับคุณณัชญ์ ขาทั้งสองก็จะกลับมาเดินได้ตามปกติครับแต่ต้องใช้ระยะเวลาการทำกายภาพบำบัดนานหน่อยเท่านั้นเองครับ” คำตอบของผดุงศักดิ์ทำให้ธัญญ์กับอรุณวรรณเบาใจขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นทั้งสองยังมีความเสียใจเรื่องที่ณัชญ์กลายเป็นเจ้าชายนิทรา รวมทั้งเรื่องที่ขาทั้งสองข้างเคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราว “น้องชายของผมจะหายหรือเปล่าครับ” ธัญญ์ถามนายแพทย์เจ้าของไข้ที่ยืนทำหน้าหนักใจ “อย่างที่ผมบอก อาการโดยรวมของคุณณัชญ์พ้นขีดอันตรายแล้ว สิ่งที่เรารอต่อจากนี้ก็คือ รอให้คุณณัชญ์ฟื้นและระหว่างนี้ผมจะรักษาอาการของเส้นประสาทไปด้วย ทำกายภาพบำบัดทุกวันรอวันที่คุณณัชญ์ฟื้นขึ้นมาครับ ผมอยากให้พวกคุณมีความหวัง อย่าท้อนะครับ ผมจะพยายามรักษาคุณณัชญ์เต็มที่ครับ” “ครับ ผมจะไม่สิ้นหวัง ตราบใดที่ยังมีความหวังครับ” “ผมขอตัวไปดูอาการคนไข้รายอื่นก่อนนะครับ” ธัญญ์พนมมือไหว้และกล่าวคำขอบคุณผดุงศักดิ์ ที่รับไหว้และเดินไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ “เมื่อกี้คุณบอกว่ามีเผอิญไปรู้เรื่องอะไรบางอย่างมา เรื่องอะไรเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม” ธัญญ์ถามอรุณวรรณเกี่ยวกับเรื่องที่พูดค้างคา “วันที่ผึ้งไปยื่นใบลาออก เผอิญวรรณได้ยินจีกับผึ้งพูดกันในห้องน้ำค่ะ สองคนนั้นไม่รู้ว่าวรรณอยู่ในห้องน้ำ จึงพูดคุยกันถึงเรื่องเหตุการณ์ในคืนนั้น คืนที่คุณณัชญ์เกิดอุบัติเหตุ วรรณก็เพิ่งรู้ว่า แท้จริงแล้วคุณณัชญ์กับผึ้งเป็นแฟนกันแต่ไม่เปิดเผย คืนนั้นผึ้งบอกเลิกคุณณัชญ์เพราะผึ้งมีแฟนใหม่ค่ะ อาจจะพูดได้ว่าผึ้งคบผู้ชายสองคนพร้อมกันก็ได้ แบบว่าคบเผื่อเลือกน่ะคะ คุณณัชญ์เสียใจมากเลยดื่มเหล้าอย่างหนัก และที่ขับรถตอนเมาเพราะว่าผึ้งเหมารถของโรงแรมกลับกรุงเทพค่ะ คุณณัชญ์เลยขับรถตามไปค่ะ นี่แหละคะคือสาเหตุที่ทำให้คุณณัชญ์เป็นอย่างนี้ ผึ้งเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดค่ะ วรรณสงสารคุณณัชญ์มากเลยค่ะ คุณณัชญ์รักผึ้งมาก รักอย่างคนขาดสติ รักทั้งที่รู้ว่าผึ้งมีผู้ชายอีกคน คนในบริษัทก็เคยเห็นคนรักอีกคนของผึ้งค่ะ มาหาผึ้งที่บริษัทหลายครั้ง และหลายครั้งที่คุณณัชญ์ต้องทนเห็นภาพเจ็บปวดนั้น แต่ไม่เคยพูด ไม่เคยว่าผึ้งเลยเพราะคำว่ารักคำเดียว ตั้งแต่คุณณัชญ์เข้าโรงพยาบาลผึ้งไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง ถามไถ่ยังไม่เคยเลยค่ะ ยังเดินควงกับแฟนอย่างสบายใจ ไม่รู้สำนึกซะเลย” อรุณวรรณใส่ไฟศัตรูหัวใจเต็มที่ โดยไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนั้นเป็นอย่างไร แต่ที่ทำลงไปเพราะความแค้น ความริษยาส่วนตัว อรุณวรรณไม่รู้เลยว่า เรื่องที่ตนตัดสินใจทำไปนั้น กำลังทำร้ายจิตใจวชิราภรณ์มากแค่ไหน เธอกำลังยืมมือธัญญ์แก้แค้นวชิราภรณ์ กรามของธัญญ์ขบกันจนเกิดเสียง ดวงตาสีนิลลุกโชนน่ากลัว มือทั้งสองข้างเผลอกำเข้าหากันแน่น ท่าทางของธัญญ์ที่อรุณวรรณเห็น ช่างน่ากลัวเขาเหมือนปิศาจร้ายในคราบเทพบุตรเหลือเกิน ภายในใจธัญญ์เคียดแค้นผู้หญิงที่มีชื่อเล่นว่าผึ้งเป็นอย่างมาก เขาไม่นึกเลยว่าคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดจะเป็นผู้หญิงมากรัก มีคนรักคราวเดียวสองคน หนำซ้ำยังไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตนเอง ไม่คิดจะมาเยี่ยมน้องชายของเขาอีกด้วย ยิ่งคิดเขายิ่งแค้น ใครที่ทำน้องเขาให้เจ็บ คนคนนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่า “ฉันอยากรู้ประวัติของผู้หญิงที่ชื่อผึ้งให้มากกว่านี้ เธอจัดการให้ฉันได้ไหม” เขาถามอรุณวรรณเสียงเคียด “คุณธัญญ์บอกวรรณได้หรือเปล่าคะว่า คุณธัญญ์อยากรู้ประวัติของผึ้งไปทำไม อย่าบอกวรรณนะคะว่า จะไปแก้แค้นผึ้งที่ผึ้งทำอย่างนี้กับคุณณัชญ์ ถ้าคุณธัญญ์ทำอย่างนั้นจริงๆ วรรณคงรู้สึกผิดมากค่ะ เพราะวรรณเป็นคนบอกความจริงกับคุณธัญญ์” เธอแสร้งกล่าววาจาดี ทั้งที่ในใจต้องการให้เป็นไปตามที่ตนเองพูด “ถ้าฉันจะบอกว่าจริง เธอจะว่ายังไง” อรุณวรรณตีสีหน้าตกใจ แต่ทว่าในหัวใจลิงโลด “เป็นอย่างนั้นจริงๆ วรรณก็คงทำอย่างนั้นไม่ได้ค่ะ เพราะถึงยังไงผึ้งก็เป็นเพื่อนวรรณ” เลขาสาวตีหน้าเศร้า ทำให้ ธัญญ์คิดว่าเธอลำบากใจที่จะทำตามที่เขาร้องขอ             “ฉันแค่อยากจะสั่งสอนให้ผึ้งรู้ว่า การที่เหยียบย่ำหัวใจของคนอื่นให้ได้รับความเจ็บปวดนั้นเป็นยังไง ไม่ได้แก้แค้นให้ถึงตาย” ธัญญ์เอ่ยเสียงเรียบ นันย์ตามองอรุณวรรณ “ถ้าฉันเดาไม่ผิด เธอก็คงอยากจะสั่งสอนผึ้งเหมือนกัน เพราะผึ้งทำให้คนที่เธอรักต้องเป็นแบบนี้ ในเมื่อเราความคิดตรงกัน ทำไมไม่ร่วมมือกันล่ะ สั่งสอนผึ้งให้รู้สำนึกบ้าง แค่สั่งสอนเท่านั้น ฉันสัญญา”             ธัญญ์โน้มน้าว ใช้ความสามารถในการมองคนของตนให้เป็นประโยชน์ เขาสังเกตเห็นอรุณวรรณตั้งแต่เดินมาหยุดหน้าห้องไอซียู แววตาเธอยามมองณัชญ์ไม่ใช่สายตาของลูกน้องมองเจ้านาย มันมีอะไรมากกว่านั้น แล้วคิดว่าตัวเองมองไม่ผิดด้วย อรุณวรรณอึ้งไปชั่วครู่กับการคาดเดา ธัญญ์ดูเธอออกได้อย่างไร ในเมื่อเพิ่งเจอกันครั้งแรก หรือว่าเธอแสดงออกถึงความรักที่มีต่อณัชญ์ให้อีกฝ่ายได้เห็น แต่ไม่น่าจะใช่ เธอหยุดความสงสัยไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็คือ ทำเป็นร่วมมือร่วมใจกับการล้างแค้นในครั้งนี้ “ใช่ค่ะ วรรณรักคุณณัชญ์เกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่ที่วรรณยอมร่วมมือกับคุณธัญญ์ไม่ใช่เพราะเกลียดชังในตัวของผึ้งนะคะ แต่วรรณอยากให้ผึ้งรู้ซึ้งถึงคำว่าเจ็บปวดบ้าง จะได้ไม่ไปทำกับใครอีกค่ะ” เธอพูดออกตัว “รับรองว่าผึ้งต้องได้รับบทเรียนที่สาสมแน่นอน” ธัญญ์เอ่ยเสียงเข้ม “คุณธัญญ์บอกวรรณได้หรือเปล่าคะว่า คุณธัญญ์จะทำยังไงกับผึ้ง” “พรุ่งนี้เธอมาเอาคำตอบก็แล้วกัน” เขาตอบอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม “ได้ค่ะ พรุ่งนี้วรรณจะไปเอาคำตอบพร้อมกับประวัติของผึ้งมาให้คุณธัญญ์นะคะ รับรองว่าละเอียดยิบเลยค่ะ” อรุณวรรณกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันอยากได้ใบลาออกของผึ้งด้วย” เขาสั่งการอีกครั้ง “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” “ฉันไปจัดการเรื่องห้องพักของณัชญ์ก่อนนะ หวังว่าพรุ่งนี้จะได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ” “แน่นอนค่ะ ไม่มีพลาดอยู่แล้ว” จบคำพูดรับคำของอรุณวรรณ ธัญญ์ก็หมุนตัวเดินไปยังห้องไอซียูเพื่อจัดการเรื่องน้องชาย โดยมีสายตาสะใจของอรุณวรรณมองตามไป คราวนี้เธอได้แก้แค้นวชิราภรณ์ศัตรูทางหัวใจโดยไม่ต้องลงมือเอง แค่ยืนมองดูความเจ็บปวดของอีกฝ่ายเท่านั้น “คราวนี้แกต้องเจ็บปวดเหมือนกับที่ฉันเจ็บ...นังผึ้ง”    
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม