พี่ชายที่แสนดี 1.2

1920 คำ
วันรุ่งขึ้น ธัญญ์กวาดสายตาอ่านประวัติของวชิราภรณ์ที่อรุณวรรณนำมาให้อย่างละเอียด ก่อนจะพิจารณามองภาพถ่ายหลายสิบภาพที่ถูกนำมาให้เขาเช่นกัน “ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ไม่รู้ณัชญ์รักไปได้ยังไง เละเทะอีกต่างหาก” ธัญญ์พูดขึ้นขณะมองใบหน้าของคนที่น้องชายรัก ในรูปภาพเธอยืนแนบสนิทกับชายหลายคนด้วยท่าทางสนิทสนม วชิราภรณ์ไม่ใช่ผู้หญิงที่จัดอยู่ในประเภทสวย ผู้หญิงที่ผ่านมาในชีวิตของเขาสวยกว่านี้หลายสิบเท่า เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ณัชญ์รักและหลงวชิราภรณ์ถึงขนาดยอมให้มีผู้ชายอีกคนได้อย่างไร “ขอบใจเธอมาก” ธัญญ์กล่าวสั้นๆ หลังจากที่วางประวัติของวชิราภรณ์ลงบนโต๊ะตัวเล็ก “คุณธัญญ์จะบอกวรรณได้หรือยังคะว่าจะทำยังไงกับผึ้ง” อรุณวรรณถามด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ เมื่อคืนนี้เธออดตาหลับขับตานอนเพื่อเขียนประวัติของวชิราภรณ์ให้กับธัญญ์ รวมทั้งรวบรวมภาพถ่ายของวชิราภรณ์ที่ควงคู่กับผู้ชายหลายคน ในอิริยาบถต่างๆ หยอกล้อ หัวเราะ พูดคุยตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์และที่เด็ดสุดคือ ควงคู่กันเข้าโรงแรม เดิมทีอรุณวรรณตั้งใจจะนำภาพถ่ายทั้งหมดไปที่แอบถ่ายไว้ มอบให้ณัชญ์เพื่อให้เขาตาสว่าง จะได้เลิกรักเลิกหลงวชิราภรณ์เพื่อที่เขาจะได้หันมามองเธอ ทว่าณัชญ์เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ทำให้เธอไม่มีโอกาสทำตามแผน แต่อยู่ๆ โอกาสนั้นก็ลอยมาหาตน อุรณวรรณจึงไม่พลาดที่จะฉกฉวย “ทำให้ผึ้งรักและหลงหัวปรักหัวปรำแล้วก็สลัดทิ้งยังไงล่ะ เอาให้เจ็บไปถึงทรวงเลย ทำเหมือนที่ผู้หญิงคนนั้นทำกับณัชญ์” คำตอบของธัญญ์เรียกรอยยิ้มมุมปากให้กับอรุณวรรณทันที...นี่แหละที่เธอต้องการ “คุณธัญญ์จะทำยังไงคะ” “ก็ไม่เห็นยาก ใบลาออกของผึ้งยังไม่ได้อนุมัติไม่ใช่เหรอ ฉันจะเรียกผึ้งมาทำงานอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ตำแหน่งเดิม” เขาหยุดพูด กระตุกยิ้มมุมปาก นัยน์ตามีเลศนัย “ไม่ใช่ตำแหน่งเดิม หมายความว่ายังไงคะ” “ก็หมายความว่าฉันจะเข้าไปทำงานที่บริษัทในตำแหน่งประธานบริหาร แล้วให้ผึ้งมาเป็นเลขาส่วนตัวของฉัน อยู่ใกล้ๆ จะได้ทำตามแผนได้สะดวกหน่อย ฉันอยากให้แผนการสำเร็จเร็วๆ ไม่อยากอยู่ใกล้ผู้หญิงแบบนั้นนานนัก” “แต่ว่าเราจะทำยังไงให้ผึ้งกลับมาทำงานล่ะคะ” ข้อนี้เองที่อรุณวรรณสงสัย “ไม่มีนิยามคำว่า ยาก สำหรับฉัน” เขาพูดอย่างตั้งมั่น แววตาจริงจัง อรุณวรรณได้ยินและเห็นใบหน้าของธัญญ์แล้วรู้ได้ทันทีว่า ธัญญ์ไม่มีวันปล่อยให้วชิราภรณ์หลุดรอดเงื้อมมือไปได้แน่นอน “ถ้ามีอะไรให้วรรณช่วยอีก บอกได้นะคะวรรณยินดีเสมอค่ะ” ทั้งสองยิ้มให้กับความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปมองร่างของณัชญ์ที่นอนนิ่งบนเตียงคนไข้ อรุณวรรณ...มองด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ความภักดี ธัญญ์...มองด้วยสายตาที่เอ่อล้นไปด้วยความรักเช่นกัน แต่ในนัยน์ตาคู่นี้แฝงไว้ซึ่งความแค้น...แค้นคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ณัชญ์ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้   12.30 ณ บ้านของวชิราภรณ์ ร้านขายข้าวแกงร้านเล็กๆ ที่อาศัยตั้งขายหน้าบ้าน มีโต๊ะสามสี่โต๊ะไว้คอยบริการให้ลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรนั่งทานอาหาร อาชีพขายแกงราดข้าวเป็นอาชีพที่กัญญายึดถือทำมาตั้งแต่วชิราภรณ์เกิด และเป็นอาชีพที่หาเลี้ยงสองแม่ลูกมานานกว่ายี่สิบห้าปี “ผัดผักกับแกงส้มราดข้าวจานนึงครับป้า” “จ้า นั่งก่อนพ่อหนุ่ม” เสียงตอบรับของกัญญาดังขึ้น ขณะที่มือกำลังวุ่นอยู่กับการตักอาหารราดใส่ข้าวสวยร้อนๆ ในชาม ก่อนจะส่งจานใบนั้นให้กับวชิราภรณ์เพื่อให้ลูกสาวนำไปให้ลูกค้าที่นั่งอยู่บนโต๊ะภายในเขตบ้าน “แม่จ๋า แม่ไปนั่งเถอะเดี๋ยวผึ้งทำเองจ้ะ แม่เหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้ว” วชิราภรณ์เอ่ยบอกมารดาเมื่อเห็นกัญญาใช้มือจับบริเวณเอว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปมาซ้ายขวาคล้ายกับว่าบิดตัวไล่อาการปวดเมื่อย “แม่ยังยืนไหวลูก วันนี้ลูกค้าเยอะช่วยๆ กันลูก” นางปฏิเสธเนื่องจากเห็นว่าเที่ยงวันนี้มีลูกค้ามากกว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะมีโรงงานเปิดใหม่ที่ห่างจากบ้านของนางเพียงสามสิบเมตร ทำให้นางมีลูกค้าใหม่เพิ่มหลายสิบคน วชิราภรณ์มองมารดาอย่างรู้สึกผิด เป็นเพราะเธอลาออกจากงาน กัญญาจึงหันกลับมายึดอาชีพเดิมที่หยุดไปนานกว่าหนึ่งปีครึ่งอีกครั้ง คิดถึงเรื่องที่ออกจากงานคราใด นำพาจิตใจเศร้าหมองและความไม่พอใจให้เกิดขึ้นทุกครั้ง “แม่จ๋า ผึ้งจะหางานใหม่ให้เร็วที่สุดนะจ๊ะ แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอย่างนี้อีก” “แม่เหนื่อยที่ไหนล่ะลูก แม่ขายข้าวแกงมาตั้งยี่สิบปีแล้วนะ มันเป็นความเคยชินแล้ว” ปากพูดแต่มือยังทำงานไม่หยุด ตักอาหารที่อยู่ในหม้อราดข้าวสวยในจาน                                                                                 “เพราะผึ้ง แม่ถึงได้เหนื่อยแบบนี้” วชิราภรณ์พูดเสียงเศร้า กัญญาไม่พูดอะไรเดินไปวางจานข้าวให้กับลูกค้าที่สั่ง ก่อนจะเดินกลับมาหาลูกสาว “ไม่ใช่ความผิดของผึ้งหรอกลูก อย่าคิดมากนะ” กัญญาปลอบโยนลูกสาว “แม่โกรธผึ้งหรือเปล่าจ้ะที่ผึ้งออกจากงาน แล้วแม่จะไม่ถามผึ้งหน่อยหรือคะว่าเพราะอะไร” วันรุ่งขึ้นหลังจากที่กลับมาจากชะอำ เธอได้บอกมารดาเรื่องการลาออกจากงาน ตอนแรกเธอยังหวั่นใจลึกๆ ว่าจะหาคำตอบใดมาให้มารดาหากถูกถามถึงเหตุผลของการลาออก รวมทั้งเรื่องที่เธอกลับบ้านก่อนกำหนด กัความกังวลของเธอหมดสิ้นไปเพราะญญาไม่ถามถึงเหตุผลนั้นเลย อีกใจก็อยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอให้กัญญาได้ฟัง แต่อีกใจก็ไม่ต้องการให้มารดารู้สึกทุกข์และเสียใจ ผิดหวังไปกับเธอด้วย “แม่คิดว่าผึ้งมีเหตุผลของผึ้ง แม่จะไม่ขอเข้าไปก้าวก่าย อีกอย่างผึ้งก็โตพอที่จะตัดสนิใจอะไรเองได้แล้ว รู้ว่าเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจคือเรื่องที่ถูกต้อง แม่เคารพการตัดสินใจของผึ้ง” กัญญาพูดอย่างให้เกียรติการตัดสินใจของบุตรสาว “อย่าคิดมาก อย่าวิตกกังวลว่าที่แม่กลับมาขายข้าวแกงเป็นเพราะผึ้ง แม่อยากทำอยู่แล้วด้วย ผึ้งอย่าคิดมากนะลูก ทำงานต่อดีกว่าผึ้ง ลูกคาเข้ามาในร้านอีกชุดหนึ่งแล้ว” สองแม่ลูกหันไปสนใจลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ต่างวุ่นกับการขายข้าวราดแรงให้เหล่าคนงานที่ทยอยเข้ามาในร้านต่อเนื่อง ส่งผลให้ข้าวแกงแม่กัญญาหมดลงในเวลาไม่ถึงบ่ายโมง พอขายของหมดกัญญากับวชิราภรณ์ก็ช่วยกันเก็บร้าน ระหว่างที่กำลังสาละวนอยู่กับการเก็บร้านอยู่นั้น รุ่งรุจีได้เดินเข้ามาหาทั้งสองสร้างความแปลกใจให้กับวชิราภรณ์เล็กน้อย เนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาการทำงานของเพื่อนสนิท รุ่งรุจีน่าจะอยู่ที่ทำงานมากกว่ามาที่นี่ หรือว่ามีเรื่องอะไรด่วน “มีอะไรหรือเปล่าจี” วชิราภรณ์ชิงถามก่อนที่ผู้มาเยือนจะขยับปากพูด “มีเรื่องคุยด้วยนิดหน่อย” รุ่งรุจีตอบเสียงเบา สีหน้าหนักใจ “รอเก็บร้านก่อนนะ” “อืม ได้สิ เดี๋ยวจีช่วยเก็บ” รุ่งรุจีนำกระเป๋าสะพายเข้าไปเก็บในบ้าน ก่อนจะออกมาช่วยสองแม่ลูกเก็บร้าน ตลอดเวลาที่ทั้งสามเก็บร้านนั้น วชิราภรณ์ลอบมองใบหน้าของรุ่งรุจีอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าของเพื่อนสนิทดูจะเคร่งเครียดมากในวันนี้ เหมือนมีความหนักอกหนักใจอะไรบางอย่าง “จี สี่ห้าวันมานี้ป้าไม่เห็นณัชญ์เลยลูก งานยุ่งเหรอ” กัญญาถามถึงณัชญ์ รุ่งรุจีชะงักมือที่กำลังจะเก็บโต๊ะพับ เงยหน้ามองวชิราภรณ์ชั่วครู่ ก่อนจะหันไปตอบคนที่ถาม “ณัชญ์งานยุ่งคะป้าญาก็เลยมาไม่ได้” รุ่งรุจีจำต้องปดออกไป เพราะไม่ต้องการให้กัญญารู้ความจริง ให้เรื่องนี้อยู่กับเธอและวชิราภรณ์เพียงสองคน “บอกณัชญ์นะว่าป้าคิดถึง ว่างๆ ก็มากินข้าวเย็นด้วยกันนะ” “ค่ะป้าญา ป้าญาไปพักผ่อนเถอะคะ เหลือแค่กวาดพื้นกับล้างจาน จีช่วยผึ้งเองค่ะ” รุ่งรุจีได้ทีตัดบทสนทนา “ก็ดีเหมือนกัน ป้าว่าจะเข้าไปเอนหลังสักหน่อย วันนี้รู้สึกปวดเอวปวดหลังน่าดูเลย” พูดจบกัญญาก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้สองสาวช่วยกันเก็บกวาดพื้นและล้างจาน “แกมาพูดเรื่องของแกก่อน จานค่อยล้างทีหลัง” วชิราภรณ์เดินเข้ามาหาเพื่อนสาว ฉวยข้อมือรุ่งรุจีพาเดินไปนั่งบนโต๊ะหิน เธอเก็บความอยากรู้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะคิดว่าเรื่องที่เพื่อนสาวจะพูดนั้นต้องเป็นเรื่องที่สำคัญ “ว่ามาเลย” วชิราภรณ์เอ่ยบอกเพื่อนหลังจากที่นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว “ฉันมาที่นี่เพราะเรื่องใบลาออกของแกนะผึ้ง” รุ่งรุจีเริ่มพูด “ทำไม ใบลาออกของฉันมันเป็นอะไร” เจ้าของบ้านถามกลับทันที “ก็ไม่เชิงมีปัญหาหรอก แต่คุณธัญญ์ไม่อนุมัติน่ะ” ชื่อนี้คุ้นๆ หูวชิราภรณ์เหลือเกิน แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย ความสงสัยแรกคือเรื่องที่ใบลาออกของเธอไม่ถูกอนุมัติ แล้วยังชื่อของคนที่ไม่รู้จักอีกด้วย “ฉันไม่เข้าใจ ทำไมถึงไม่อนุมัติแล้วคนที่ชื่อธัญญ์เป็นใครล่ะ” “คุณธัญญ์คือประธานบริษัทยังไงล่ะ คุณณธัญญ์ไม่อนุมัติใบลาออกของแก เท่านั้นไม่พอนะยังให้แกเลื่อนตำแหน่งไปเป็นเลขาส่วนตัวของเขาอีกด้วย เพราะคุณธัญญ์จะมานั่งบริหารงานที่นี่แทนที่จะนั่งบริหารอยู่ที่บริษัทแม่น่ะ” รุ่งรุจีแถลงไขให้เพื่อนสาวเข้าใจ แต่การณ์ปรากฏว่าความสงสัยยังไม่หมดไปจากความรู้สึกของวชิราภรณ์ มีหลายเรื่องหลายประการที่ยังติดค้างในใจ “เดี๋ยวๆ ฉันไม่เข้าใจนะ คุณธัญญ์มีเหตุผลอะไรที่ไม่อนุมัติใบลาออกของฉัน มีเหตุผลอะไรที่จะให้ฉันไปเป็นเลขาของเขา ในเมื่อฉันไม่ได้จบทางด้านนั้นมา ประสบการณ์ก็ไม่มี ทำงานเลขาก็ไม่เป็น แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้มาบริหารงานเองล่ะ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะมาเหยียบด้วยซ้ำ หน้าตาเป็นไงก็ไม่รู้ รู้แต่ชื่อทำตัวลึกลับจัง” คำถามนี้เป็นคำถามที่รุ่งรุจีเคยตั้งข้อสงสัยเช่นกัน และถูกกำจัดออกไปจากสมองหลังจากที่ได้รับคำตอบนั้นจากปากของธัญญ์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม