ชายหนุ่มเก็บความอัดอั้นในใจไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจบอกความจริงเรื่องลูกๆให้มารดาฟัง แม่ของชายหนุ่มทั้งตื่นเต้นและแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นลูกชายอยากจะเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนเลยสักคน แต่พอมารู้ความจริงอย่างนี้นี่ก็เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เธออยากจะพบเจอหลานๆ
"แม่อยากเจอหลาน พาแม่ไปเจอหน่อยได้ไหมวิน" คนเป็นแม่เอ่ยขอร้อง
"ผมไม่รู้ว่าน้องพราวเขาจะยอมให้เราเจอเด็กๆง่ายๆหรือเปล่าน่ะสิครับคุณแม่" เขาตอบกลับตามความจริง
"ก็ลูกเล่นไปพูดแบบนั้นถ้าเป็นแม่แม่ก็ไม่อยากให้ลูกมายุ่งเกี่ยวด้วยหรอก" มารดาของชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงติดประชดประชันเล็กๆ เธอเข้าใจหญิงสาวดีเลย
"อ้าว ไม่ได้สิครับคุณแม่ ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนคุณแม่เป็นคุณย่าครับคุณแม่ต้องเข้าข้างผมที่เป็นลูกชายสิครับถึงจะถูก"
"แม่น่ะเข้าข้างลูกอยู่แล้ว แต่ลึกๆแม่ก็หวังว่าหนูพราวเขาจะยอมคืนดีแล้วกลับมาอยู่กับลูกเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์"
"เรื่องนั้นเป็นเรื่องของอนาคตครับแม่ แต่ที่แน่ๆลูกต้องได้รู้ว่ามีผมเป็นพ่อ"
"วางแผนจะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบนะลูก นึกถึงจิตใจของเด็กๆเป็นสำคัญ"
"ครับแม่"
ณ โรงพยาบาล
"อ้าว สวัสดีค่ะคุณหมออัศวิน"
"ผมขอคุยกับคุณหน่อยสิ" ชายหนุ่มตรงไปหาเพื่อนสนิทของหญิงสาวที่ทำงานเป็นพยาบาลอีกแผนก
"หมอวินมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ผมอยากจะคุยเรื่องของพราวน่ะ"
"อ่อ เรื่องของยัยพราว ทำไมเหรอคะ"
"ผมอยากรู้ว่าเพราะอะไรพราวถึงไม่อยากบอกความจริงเรื่องลูกกับผมตั้งแต่แรก"
"ก็เพราะมันรักคุณหมอมากยังไงละคะ"
"รักมาก? รักมากแล้วทำไมไม่บอกผมล่ะครับ"
"รักมากก็แปลว่ามันรักเด็กๆมากเช่นกันไงละคะ ในเมื่อคุณหมอบอกกับพราวเองว่าไม่อยากมีลูก ยัยพราวยังจะกล้ายัดเหยียดเด็กๆให้คุณหมออีกเหรอคะจริงไหม สำหรับคุณหมอมันอาจจะเป็นความผิดพลาด แต่สำหรับพราวมันคือความรักค่ะรักมากจนไม่อยากจะให้มีอะไรมาทำให้น้องพั้นธ์น้องพีทเสียใจ ถ้าพวกแกรู้ว่าคุณไม่ได้ต้องการพวกแกตั้งแต่แรก พวกแกคงจะเสียใจมากนะคะ ฉันเองอยากแนะนำคุณหมอว่าถ้าหากไม่ได้รักไม่ได้ชอบยัยพราวก็ปล่อยพราวไปเถอะค่ะ พราวยังมีหนุ่มๆมาตามติดอีกเป็นขบวน ซึ่งพวกเขาก็รู้ทั้งรู้ว่ายัยพราวมีลูกแล้วถึงสองคนแต่ก็รับพวกแกได้" เพื่อนของหญิงสาวบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้ชายหนุ่มตรงหน้ารับรู้และไม่วายต่อเติมเสริมแต่งเรื่องราวเล็กน้อยให้พอสนุกสนาน
"ปล่อยเหรอครับ ผมจะปล่อยได้ยังไงในเมื่อเด็กๆเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผม ผมจะทนเห็นคนอื่นมาทำหน้าที่พ่อของพวกแกแทนผมได้ยังไงล่ะครับ"
"เรื่องนี้ฉันเองก็ตอบไม่ได้หรอกนะคะ คงได้แต่แนะนำคุณหมอกับยัยพราวให้เลือกทางเลือกที่คำนึงถึงเด็กๆมากที่สุดค่ะ"
"โอครับ วันนี้ผมขอบคุณคุณมากที่สละเวลามาคุยเรื่องของพราวกับผม"
"ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ" ชายหนุ่มเดินกลับมายังห้องตรวจของตน ตอนนี้เขาตรวจคนไข้เสร็จเรียบร้อยแล้วและเป็นเวลากลับบ้านพอดี ชายหนุ่มจึงแวะซื้ออะไรอร่อยๆไปฝากมารดาก่อนกลับ เขาถือข้าวของเต็มไม้เต็มมือจึงต้องเอากลับไปเก็บที่รถสักรอบก่อน จังหวะที่จะเดินเข้าไปด้านในอีกครั้งก็เป็นเหมือนโชคดีของเขาที่ได้เจอพราวและลูกๆ ชายหนุ่มไม่อยากขัดจังหวะของสามแม่ลูกจึงเดินตามไปติดๆ
"คุงแม่ขา กินอะไรดีคะ"
"พีทอยากกินมะพร้าวครับ"
"พั้นธ์ด้วยๆ"
"ได้เลยค่ะ เอาเป็นแบบที่เขาใส่ถุงแล้วนะคะ"
"ค่า/ครับ"
"อืมม คุณยายอยากทานส้มครับ"
"พั้นธ์อยากกินแตง..แตงอะไรน้าสีแดงๆ"
"แตงโมหรือเปล่าเอ่ย"
"เย้ๆใช่ค่ะคุงแม่"
"แล้วเด็กๆรู้หรือเปล่าว่าแตงโมมีสีอื่นด้วยนะคะนอกจากสีเหลือง"
"จริงเหรอคะ" น้องพั้นธ์ถามอย่างตื่นเต้น
"จริงสิคะเดี๋ยวแม่พาไปดูเลย"
"เย้ๆ" ชายหนุ่มเดิมตามทั้งสามคนไปเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้านี้โตขึ้นมาก มีความเป็นผู้ใหญ่และสอนให้เด็กๆรู้จักสังเกตและทำความเข้าใจกับสิ่งของต่างๆรอบกาย เธอเป็นแม่ที่สุดยอดมากในสายตาของเขา
"ว้าว ขนมถ้วย" หญิงสาวตาวาวเมื่อเจอของโปรด
"หม่ำๆค่ะ น้องพั้นธ์ชอบหม่ำๆเหมือนคุณแม่" สาวน้อยพูดอย่างออดอ้อน
"ค่ะ นี่ของโปรดของแม่เลย รู้ไหมคะว่าแม่ซื้อทานเป็นประจำจนโดนคุณหมอดุเลยว่าน้ำหนักขึ้น แต่ความจริงแล้วแม่แบ่งกันกินกับน้องพั้นธ์นี่หน่า น้องพั้นธ์อยู่ในท้องแม่ตรงนี้" เธอยกมือบางลูบหน้าท้องแบนราบที่ในอดีตเคยมีสองแฝดอาศัยอยู่
"คิกๆ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ใช่ไหมคะ ตอนนั้นน้องพั้นธ์ก็ต้องน้ำหนักขึ้นเหมือนคุณแม่ใช่ไหมคะ"
"ใช่แล้วค่ะ"
"อ้วนๆน่าร้ากกก" พี่ชายรีบอวยแม่และน้องสาว
"หืม ฟอดๆ ลูกชายของแม่เข้าใจพูดจริงๆ จูงมือน้องมานะลูก เดินใกล้ๆกันคนเริ่มเยอะแล้วนะจ้ะ"
"ค่ะ/ครับ" ด้วยความที่มือหนึ่งถือของอีกมือหนึ่งจับมือของลูกชาย น้องพั้นธ์เลยต้องจับมือกับพี่ชายแทน จำนวนคนมากขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายก็เบียดเสียดจนมือของสาวน้อยหลุดออกจากพี่ชายอย่างรวดเร็ว
"แม่ครับ น้องๆ"
"พั้นธ์ทำไมลูก" พอหญิงสาวหันกลับไปก็พบว่าลูกสาวไม่ได้อยู่ตรงนี้เสียแล้ว
"พั้นธ์ลูก พีทครับน้องไปไหนครับ"
"หลุดมือครับ มือหลุดไปครับโดนคนเบียดใกล้ๆแบบนี้ครับ" เพียงเสียววินาทีจริงๆ ลูกสาวของเธอหายไปแล้วเธอจะทำยังไงดี
"แง๊งง แง๊ ฮือออ ฮึกๆ"
"หนูลูกหลงกับพ่อแม่สิท่า"
"แง๊ๆๆ"
"ผมรู้จักแกครับ หนูน้อยลองมองลุงหน่อยสิลูก" สาวน้อยค่อยๆเงยหน้ามองชายหนุ่ม
"ฮึกๆ คุงยุงง" ด้วยความกลัวสาวน้อยจึงโผเข้ากอดอัศวินเอาไว้แน่น เขารู้สึกเสียใจมากที่เห็นลูกสาวต้องเสียน้ำตา นี่สินะความรู้สึกของคนเป็นพ่อ