หลายวันต่อมา
หลังจากยืนส่งลูกชายไปโรงเรียนได้ไม่นาน จิตตรีก็ต้องเปิดบ้านหลังน้อยของตนเองกับลูกเพื่อต้อนรับใครบางคนที่เดินทางมาหากันถึงบ้านด้วยเหตุผลที่มันทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากไล่
“ผมชื่อปรีชาครับ เป็นคนสนิทของคุณหญิงถวิล” แน่นอนว่านางรู้จักคนชื่อนี้ แต่ที่ไม่รู้คือท่านต้องการจากนางและลูกอีก
“แล้วไม่ทราบว่าคุณ มีธุระอะไรกับฉันอย่างนั้นเหรอคะ” เท่าที่จำได้ ก่อนตายสามีของนางย้ำหนัก ว่าให้นางกับลูกอยู่ให้ห่างคนในครอบครัวของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะกับใครคนนั้น ซึ่งนางก็ทำตามคำสั่งเสียที่ว่านั้นมาโดยตลอด ไม่นึกไม่ฝันเลยด้วยซ้ำ ว่าอยู่ๆ ทางนั้นจะส่งคนตามหากันจนพบตัวแบบนี้
“นายของผมสั่งเสียเอาไว้ก่อนที่ท่านจะจากไป ว่าให้ผมตามหาพวกคุณสองคนให้เจอ…” คำกล่าวนี้เองที่มันทำให้นางตกใจจนเข่าทรุด ก่อนที่จะเชิญให้คนตรงหน้าเข้ามาสนทนากันต่อในห้องรับแขก
ซึ่งหลังจากได้พูดคุยกันพักใหญ่
เรื่องราวที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยขึ้น มันเริ่มต้นมาจากที่นางกับสามีพบรักกันที่กรุงเทพ ตอนที่อีกฝ่ายนั้นต้องบินไปทำธุระด่วนแทนบิดาที่ล้มป่วย คุณเดชกล้าเป็นผู้ชายที่ดีพร้อม แน่นอนว่าครอบครัวของเขาย่อมไม่พอใจอย่างถึงที่สุดเมื่อเขาตัดสินใจพาเธอไปแนะนำให้ได้รู้จัก โดยเฉพาะคนใจร้ายคนนั้น…
“ถ้าแกไม่เลิกกับนังเด็กนี่ ต่อไปก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ในเมื่ออวดดีนักจะพากันไปตายที่ไหนก็ไป ฉันจะถือเสียว่าลูกชายของฉันมันตายจากไปแล้ว!”นางยังคงจดจำได้ดีถึงสายตาของท่านยามเมื่อจ้องมองมา กว่าจะได้สติก็พบว่าตัวเองถูกสามีจับจูงออกมาจากห้องอาหารนั้นแล้ว และไม่ว่าจะเกลี่ยกล่อมยังไง อีกฝ่ายก็ยังยืนกรานคำเดิม ว่าอยากใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน ต่อให้จะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เขาก็พร้อมที่จะทำ เพื่อแลกกับการที่มีเธอกับลูกอยู่ในชีวิต
กระทั่งวันนี้ วันที่ต้องมานั่งรับรู้เรื่องราวจากปากของคนตรงหน้า ความโกรธที่เคยมีก็ค่อยๆ บรรเทาลง หลงเหลือไว้แต่กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความสงสารจับใจที่ค่อยๆ แทรกกายเข้ามาแทนที่
“เรื่องนี้ฉันคงต้องขอปรึกษาลูกก่อน ได้ไหมคะ” คนตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับไป
ตกเย็น
“ย่าเหรอครับ” กล้าตะวันค่อนข้างตกใจไม่น้อยที่ได้รู้เรื่องของผู้เป็น ‘ย่า’ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน เลยว่าท่านมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ด้วย ไหนจะทางเลือกที่ผู้เป็นแม่ถ่ายทอดมาให้ต้องตัดสินใจนั่นอีก ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้ตกใจจนตั้งตัวไม่ถูก…
“จ๊ะ ก่อนสิ้นบุญคุณย่าเขาสั่งเสียให้คนตามหาเรา ท่านอยากให้เราย้ายไปอยู่ที่ไร่ของท่าน กล้าจะว่ายังไง อยากไปไหมลูก” เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับลูกชายโดยตรง เพราะถือเป็นทายาทคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของทางนั้น
เพราะแบบนี้นางถึงได้ปล่อยให้หน้าที่ตัดสินใจเป็นของเจ้าตัวเขาต่อไป และหากคำตอบของลูกคือไม่ ก็คงต้องเป็นไปตามนั้น เรื่องสมบัติมากมายนั่นเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับความรู้สึกลูก และไม่ว่าคำตอบของกล้าตะวันจะเป็นไปในทิศทางไหน นางก็พร้อมที่จะเคารพทุกการตัดสินใจของลูกอย่างไม่มีข้อแม้!
“ครับแม่ เราจะไป!”
กล้าตะวันใช้เวลาตัดสินใจไม่นานก็ตอบรับกลับไป อย่างน้อยไปจากที่นี่ ชีวิตเขากับแม่ก็จะไม่ต้องลำบากอีก ถ้ามันพอมีทางเป็นไปได้ ที่นับจากนี้แม่ของเขาจะได้อยู่อย่างสุขสบาย แน่นอนว่าเขายอมทำทุกอย่าง นั่นรวมไปจากที่นี่ ไปจากทุกคน!
“พี่กล้าไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” คนแรกที่ทราบข่าวรีบมาหากันถึงบ้าน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยคำถามที่มันทำให้คนฟังรู้สึกลำบากใจ
“ไม่ได้จริงๆ ครับคุณแหวน” ไม่ว่ายังไง สิ่งนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่เขากับแม่ได้ตัดสินใจไปแล้ว และเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ทั้งหมดนี้เพียงเพราะแค่ว่าเขาต้องการให้แม่มีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น อย่างน้อยๆ จากนี้ต่อไปท่านจะได้ไม่ต้องก้มหัวให้ใครอีก นั่นต่างหากคือสิ่งที่เขาต้องการให้มันเกิดขึ้น แม่เหนื่อยมามากแล้ว คงถึงเวลาแล้วที่ท่านจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสุขสบายเสียที
“แบบนี้ก็เท่ากับว่าต่อไปแหวนก็จะไม่ได้เจอพี่กล้าอีกแล้วเหรอคะ แล้วใครจะคอยปกป้องแหวนจากนัง...เอ่อ จากเรย์ละคะ!”
“คุณแหวนยังมีคุณท่านทั้งสองนะครับ และผมเชื่อว่าพวกท่านจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณแหวนได้อย่างแน่นอน” ชื่อของใครบางคนที่ได้ยินนั้นทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามา คนที่คงไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ แน่
“จริงเหรอคะ ที่เขาว่าน้าตรีกำลังจะไปจากที่นี่! เรื่องจริงเหรอคะ!” ก่อนที่ทุกสิ่งจะเป็นไปอย่างที่คิด เมื่อร่างบอบบางของใครบางคนวิ่งเข้ามาในบ้าน พร้อมๆ กับคำถามหนึ่งที่ดังขึ้น แน่นอนว่าคำถามที่มาพร้อมน้ำตาของคนตรงหน้านั้น ทำเอาจิตรีถึงกลับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้เห็นสุดท้ายนางก็ได้แต่คว้าคุณหนูผู้น่าสงสารเข้ามากอด พร้อมกับค่อยๆ เล่าความจริงให้อีกฝ่ายได้รับรู้ด้วยตัวเอง