ตอนที่ 2 (ลาแล้วบ้านเกิด)

826 คำ
ตอนที่ 2 (ลาแล้วบ้านเกิด) "ไปอยู่กรุงเทพฯกับป้านะลูก ป้าคงจะปล่อยน้องพิชไว้คนเดียวไม่ได้หรอก" จารุณีมองหน้าหลานสาวที่เหม่อมองออกไปอย่างไรจุดหมาย ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่จารุณีก็รักและเอ็นดูหลานสาวเสมอ ค่าเล่าเรียนต่างๆ นานา ก็คนเป็นป้านี่แหละที่ส่งเสียให้ ไหนจะค่ารักษาทศพิศอีกเล่าลำพังเงินทำไร่ทำนาของน้องเขยก็คงไม่พอจะให้หลานสาวเธอได้เรียนจนจบเช่นนี้ "พิชเป็นห่วงบ้านค่ะป้าจา ไหนจะเจดีย์กระดูกพ่อกับแม่อีก พิชไม่อยู่แล้วใครจะทำความสะอาดให้พ่อกับแม่ล่ะจ๊ะ"แค่คิดว่าจะต้องทิ้งบ้านแห่งความทรงจำหลังนี้หัวใจหญิงสาวก็ปวดร้าวขึ้นมาอย่างมิอาจจะทำใจได้ "น้องพิชอย่ายึดติดเลยนะลูก เจดีย์กลับมาเยี่ยมบ้านก็ค่อยไปทำ หรือถ้าน้องพิชไม่สบายใจป้าจะจ้างลุงสัปเหร่อให้ทำให้เอง ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ทำบุญตักบาตรเสร็จเราจะกลับกรุงเทพฯ กันเลย" จารุณียกมือขึ้นไปลูบหัวหลานสาวที่เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง "แต่ว่า..."พิชญ์สินีมองหน้าคุณป้าอย่างลังเล บ้านหลังนี้มีความทรงจำมากมายเหลือเกิน เธอเกิดและโตที่นี่กลิ่นอายของความสุขเมื่อครั้งอดีตยังคงอบอวลอยู่ทุกอณูของบ้าน หญิงสาวมองไปที่ตรงโอ่งน้ำอันเล็ก ภาพเธอกับมารดาช่วยกันซักผ้าอย่างสนุกสนานก็ผุดขึ้นมา เมื่อหันไปมองอีกด้านของโอ่งน้ำ ภาพพ่อกับแม่ช่วยกันทำปลาที่พ่อเธอจับมาได้ เธอเองก็ช่วยคัดแยกขนาดปลาเพื่อนำไปขาย แต่ภาพเหล่านั้นก็มลายหายไปเมื่อหญิงสาวกะพริบตาไล่หยาดน้ำที่คลออยู่ในดวงตาคู่สวย "ไม่มีแต่จ้ะตอนนี้เราเหลือกันแค่สองคนนะลูก ป้าจะทิ้งน้องพิชได้อย่างไร" คุณป้ายังสาวขยับไปสวมกอดหลานสาวเอาไว้และลูบหลังอย่างปลอบใจ เธอคงปล่อยให้พิชญ์สินีอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้ "ร้องเถอะลูก ถ้ามันจะทำให้หนูหายเศร้าได้ น้องพิชร้องมาเถอะนะลูก" เพราะรู้ถึงแรงสั่นน้อย ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอด จารุณีจึงร้องขอให้หลานสาวได้ระบายน้ำตาออกมาเสียบ้าง เผื่อความเสียใจจะเจือจางไปพร้อมกับหยาดน้ำตา เมื่อจบคำพูดของคุณป้าหญิงสาวก็ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเปียกปอนไปทั้งเสื้อของจารุณี เสียงไก่ขันบอกเวลาในเช้าตรู่ สองป้าหลานจึงลุกออกมาหุงหาอาหารเพื่อนำไปตักบาตรที่หน้าบ้าน ก่อนจะกลับเข้ามาเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางไปยังเมืองกรุงที่ศิวิไลซ์ "ไม่ลืมอะไรแล้วนะน้องพิช เอกสารเอามาหมดหรือยัง บ้านช่องก็ล็อกดี ๆ นะ"จารุณีบอกหลานสาวที่กำลังเดินตรวจตราหน้าต่างทุกบานที่อยู่ในบ้าน คุณป้าเองก็ช่วยด้วยอีกคน "ค่ะป้าจา พิชไม่ลืมอะไรแล้ว" เมื่อปิดหน้าต่างบานสุดท้ายเสร็จหญิงสาวจึงเดินไปยกกระเป๋า และหันไปตอบป้าของตน "โอเคจ้ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะกว่าจะถึงกรุงเทพฯเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน" จารุณีสะพายกระเป๋าเข้าไหล่ก่อนจะเดินไปจูงมือหลานออกไปหน้าบ้าน "เดี๋ยวค่ะ กระเป๋าพิชล่ะคะ" พิชญ์สินีกำลังจะหันไปคว้ากระเป๋าตนเอง แต่สมพงษ์คนขับรถกลับแย่งไว้เสียก่อน "เดี๋ยวผมยกให้เองครับ คุณพิชไปรอที่รถเถอะ" "อุ๊ย ไม่เป็นไรค่ะพิชยกเอง" หญิงสาวปฏิเสธออกไป "ไปเถอะน้องพิช ให้สมพงษ์ยกให้นั่นแหละ" จารุณีหันไปบอกหลานสาวอีกครั้ง "ค่ะ" พิชญ์สินีพยักหน้ารับ ถึงแม้จะไม่อยากให้สมพงษ์ที่มีอายุมากกว่าตนมายกของให้ แต่ก็ไม่ทันที่สมพงษ์คว้ากระเป๋าได้ก็เดินออกไปโดยไม่ฟังคำทัดทานของหญิงสาวพิชญ์สินีหันไปมองรอบ ๆ บ้านอย่างใจหาย เธอต้องจากบ้านหลังนี้ไปจริง ๆ นะหรือ แต่ถ้าไม่ไปก็ดูเหมือนป้าของเธอจะไม่ยินยอมเช่นกัน 'พิชไปก่อนนะจ๊ะพ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยมองดูพิชจากข้างบนนั้นด้วย' หญิงสาวปาดน้ำตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถที่ป้านั่งรออยู่แล้ว สมพงษ์ใช้เวลาขับรถหลายชั่วโมงกว่าจะถึงกรุงเทพฯ ช่วงแรก ๆ จารุณีก็ชวนคุยไม่ให้หลานสาวต้องเหงาอยู่หรอก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ความเมื่อยล้าก็เข้ามาแทรกทำให้คุณป้ายังสาวผล็อยหลับไปในที่สุด ปล่อยให้หญิงสาวนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินอีกครั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม