ตอนที่ 1งานมงคลอันยิ่งใหญ่
ตอนที่ 1งานมงคลอันยิ่งใหญ่
ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่ประดับประดาด้วยผ้าสีแดงสด กำลังเคลื่อนขบวนทอดยาวไปตามท้องถนนอย่างยิ่งใหญ่ สินเดิมมากมายนับไม่ถ้วนที่ทางจวนตระกูลเสิ่นจัดเตรียมให้แก่บุตรสาวมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองหลวงแห่งนี้
เจ้าบ่าวหน้าตาหล่อเหลาแต่ทว่ากลับไร้รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า เขาขี่อาชาสีนิลนำอยู่ด้านหน้าขบวน เหล่าบรรดาชาวบ้านต่างออกมามุงดูมากกว่าจะออกมาแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว เพราะทุกคนต่างรู้ว่างานมงคลอันยิ่งใหญ่ของสกุลหานกับสกุลเสิ่นนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ทุกคนรู้อยู่เต็มอกว่าหานสวี่บัณฑิตหนุ่มรูปงามผู้เลื่องชื่อ มีหญิงงามในดวงใจอยู่ก่อนแล้ว ทว่าทั้งสองไม่อาจเคียงคู่กันได้ เพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่สองตระกูลที่มีต่อกัน ท่านพ่อเอ่ยเพียงว่าตระกูลหานกับตระกูลเสิ่นมีสัญญาใจที่ติดค้างต่อกัน คนเป็นลูกเช่นเขาจะทำอย่างไรได้เล่า สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ก้มหน้ารับชะตากรรมเท่านั้น
หานสวี่ยื่นมือไปรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยว ทั้งสองเดินเคียงคู่กันเข้าไปในจวนตระกูลหาน เสิ่นชิงเยียนก้มหน้ามองพื้นเดินตามร่างหนาเข้าไปด้วยหัวใจสั่นไหว ใบหน้าหวานแต่งแต้มด้วยชาดสีชมพูหวานขับผิวนางให้สวยงามน่ามอง ปากกระจับสีแดงระเรื่อเหมือนผลอิงเถา (ลูกเชอร์รี) แอบยิ้มออกมาอย่างเอียงอายใต้ผ้าปิดหน้าสีแดง
พิธีแต่งงานดำเนินไปตามขนบธรรมเนียมจวบจนถึงเวลาส่งเจ้าสาวเข้าห้องหอ เสิ่นชิงเยียนนั่งรออยู่บนเตียงด้วยใจที่สั่นไหว นางเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนาน ตั้งแต่บิดานางบอกว่า นางจะต้องแต่งเข้าสกุลหาน ทว่าตอนแรกนางไม่ได้คิดอันใดบิดาบอกเช่นไร บุตรที่ดีก็ย่อมทำตามเช่นนั้น ทว่าวันครบรอบปักปิ่นของนางเมื่อครั้งอายุครบสิบห้าหนาว หัวใจของนางก็ได้มอบให้หานสวี่ตั้งแต่พบหน้ รักแรกพบเป็นเช่นนี้เองหรือ เหมือนมีผีเสื้อนับพันบินอยู่กลางหัวใจ นับแต่วันนั้นเสิ่นชิงเยียนก็เฝ้ารอที่จะได้ครองคู่กับหานสวี่รักแรกของนางมาโดยตลอด ถึงแม้จะมีเหล่าแม่สื่อพยายามจะมาสู่ขอนางให้กับสกุลอื่น ๆ แต่นางก็ได้ให้บิดาปฏิเสธไปจนหมดสิ้น
เสียงเปิดและปิดประตูดังขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน เหงื่อนางไหลชื้นจนเปียกชุ่มไปทั้งมือ เสิ่นชิงเยียนใจเต้นแรงและเฝ้ารอหานสวี่ แต่ทว่ากลับไร้การดูแลใส่ใจที่สามีพึงมีต่อภรรยาในคืนเข้าหอ เจ้าบ่าวนางมิได้ร่วมหลับนอนกับนางผู้เป็นภรรยา มีเพียงความเงียบปกคลุมในคืนเข้าหอเพียงเท่านั้น
"เจ้าปลดผ้าเองเถอะ ข้าไม่อาจปลดให้ได้" เสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา เสมือนสายฟ้าฟาด ทำให้ร่างบางมือไม้สั่นอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ นางไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
"แต่ว่าตามธรรมเนียม..." เสิ่นชิงเยียนส่งเสียงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่กระอักกระอ่วนและสงสัยใคร่รู้
"ธรรมเนียมหรือ ช่างหัวธรรมเนียมเสียเถอะ เสิ่นชิงเยียนสตรีเช่นเจ้าจิตใจทำด้วยอะไร เจ้าอยากได้ข้าเป็นสามีอย่างนั้นหรือ หึ ได้!! เช่นนั้นเจ้าจงจำไว้ เจ้าอยากแต่งข้าก็จะแต่ง แต่อย่าฝันว่าจะได้เป็นฮูหยินที่ข้ารัก หัวใจของข้ามีเพียงไป่อ้ายเหม่ยเป็นสตรีในดวงใจเพียงผู้เดียวเท่านั้น"
เมื่อเห็นว่าเจ้าสาวของตนไม่ยอมปลดผ้าคลุมหน้าออกเสียที หานสวี่จึงเดินไปกระชากผ้าบางอย่างเต็มแรง จนนางเซถลาไปด้านหน้าแต่ทว่ายังทรงตัวได้ มิเช่นนั้นนางอาจจะล้มใบหน้ากระแทกพื้นไปแล้ว เสิ่นชิงเยียนเงยหน้ามองบุรุษชุดแดงผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางด้วยแววตาตกตะลึง ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา "เช่นนั้นท่านมาแต่งกับข้าด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ? ทำไมท่านไม่ไปแต่งกับแม่นางไป่เล่า" เสิ่นชิงเยียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางเคยถามบิดาถึงเรื่องนี้ แต่บิดานางก็บอกเพียงว่างานแต่งเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย
"เพราะเจ้าอย่างไรเล่า!! เสิ่นชิงเยียนสตรีหน้าหนาไร้ยางอาย เจ้าอยากได้ข้าเป็นสามีจนตัวสั่น จึงได้ให้บิดาของเจ้ามาบังคับขู่เข็ญบิดาของข้าเช่นนี้ หน้าไม่อาย หึ สตรีหน้าหนาเช่นเจ้าคงหาบุรุษแต่งด้วยยากสินะถึงได้เป็นข้าคนนี้" หานสวี่กระชากแขนเรียวงามอย่างรุนแรง จนใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
"ไม่จริง...ท่านพ่อไม่ได้ทำเช่นนั้น" เสิ่นชิงเยียนเอ่ยออกไปด้วยความไม่เชื่อ นางไม่เชื่อ!!! บิดานางไม่มีทางทำเช่นนั้นเป็นแน่ ถึงแม้ท่านพ่อจะรักนางมากเพียงใด แต่การบังคับจิตใจผู้อื่นก็หาใช่สิ่งสมควรไม่
"ข้าไม่สนใจเจ้าสองพ่อลูกหรอกนะ ฟังไว้ให้ดีเสิ่นชิงเยียนเจ้าจะมีชีวิตอยู่ในจวนของข้าเพียงแค่สามปีเท่านั้น เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะโยนใบหย่าใส่หน้าเจ้า"
พูดจบหานสวี่ก็เดินออกไปจากห้องหอ ทิ้งให้เจ้าสาวอย่างนางนั่งร่ำไห้น้ำตานองหน้า นางร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร วันแต่งงานที่นางรอคอย กลับกลายเป็นวันที่นางเสียใจที่สุด เสิ่นชิงเยียนรู้แล้วว่าสามีของนางคงจะไม่กลับเข้ามาอีกแล้วเป็นแน่ นางจึงพยุงตัวเองลุกขึ้นไปปลดเปลื้องชุดเจ้าสาวออกจากร่างกายตนเอง และเข้านอนด้วยหัวใจอันบอบช้ำ