《PAREWA PART》
×วันต่อมา×
“ยัยแพรวันนี้แกเป็นอะไรทำไมนั่งเงียบไม่พูดไม่จา”
“แพร แพรวา!!!”
“อ่ะเอ่อ..ว่าไงๆ”ฉันสะดุ้งตกใจกับเสียงยัยนานาเพื่อนตัวแสบ
“ฉันเรียกแกตั้งนานล่ะ มัวแต่นั้งเหม่อคิดถึงใครอยู่จ๊ะ”นานาเพื่อนของฉันแซวๆ
“แกจะคิดถึงใครก็ได้นะแต่ห้ามคิดถึงอาจารย์ยอนธันของฉันเด็ดขาดเลยนะยัยแพร”ปิ่นเพื่อนซี้อีกคนนึงของฉัน ยัยคนนี้คลั่งอาจารย์ยอนธันแบบสุดๆ แต่ตอนนี้ใครจะสนหล่ะในหัวฉันมีแต่เรื่องของแม่ เมื่อคืนนี้จู่ๆก็ต้องหามส่งโรงพยาบาลกันกลางดึก ตอนนี้ในบ้านอึมครึมไปหมดไม่มีใครปริปากบอกอะไรฉันซักคำ
“แพรวา!!”
“คะ”ฉันลุกขึ้นยืนแล้วขานรับ ทั้งๆที่ยังไม่ทันรู้เลยด้วยซ้ำว่าใครเรียก
“มาพบผมที่ห้องหน่อย”อาจารย์ยอนธันพูดจบก็เดินนำหน้าออกไป
ก๊อกๆ//
“เชิญครับ”
“อาจารย์เรียกแพรมามีอะไรหรอคะ”ฉันเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะอาจารย์
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“คะ”
“ผมเห็นคุณเหม่อลอยตลอดคาบเรียน ทั้งๆที่คุณไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มีเรื่องอะไรปรึกษาผมได้นะ”อาจารย์มองฉันด้วยท่าทีจริงจัง ทำให้ฉันลังเลว่าจะลองปรึกษาอาจารย์ดีไหม
“ไม่มีค่ะ”ฉันโกหกคำโตเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง
“อืม...ไม่มีอะไรก็แล้วไป แต่ถ้าเธอมีอะไรมาหาอาจารย์ได้เสมอนะอาจารย์ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด
“แพรขอตัวนะคะ”ฉันโค้งตัวเล็กน้อยและกำลังจะเดินกลับมาที่ห้องเรียน
“ตอนนี้อาจารย์กำลังทำวิจัยเรื่องเม็ดเลือดอยู่ถ้าเธอสนใจอยากเป็นผู้ช่วยก็มาได้นะ หลังเลิกเรียนที่ห้องแล็บชั้นสอง”
“แพรช่วยได้หรอคะ”ฉันยิ้มและเดินกลับไปหาอาจารย์อีกครั้ง
“ได้สิ ผมกำลังหาผู้ช่วยอยู่พอดี ถ้างั้นเป็นอันว่าตกลงนะวันนี้เจอกันที่ห้องแล็บตอนเย็น”
“ค่ะ!!”ฉันยิ้มแล้ววิ่งออกมากลับห้องเรียนด้วยความดีใจ ฉันสนใจเรื่องการวิจัยมากๆแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าร่วม นี่ถือเป็นโอกาสดีๆที่ฉันได้รับ
×ตกเย็น หลังเลิกเรียน×
ฉันรีบเก็บของแล้วมารออาจารย์ยอนธันที่หน้าห้องแลป
“มาแล้วหรอ!!เข้ามาสิ”อาจารย์เดินถือเอกสารกองโตแล้วแสกนนิ้วเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง
ดูเหมือนอาจารย์จะทำการวิจัยไปเยอะแล้วเพราะดูจากอุปกรณ์ต่างๆที่ผ่านการใช้งาน
“มานั่งนี่สิ”อาจารย์ชี้ไปที่โต๊ะที่นั่งข้างๆ
“อาจารย์จะให้แพรช่วยอะไรคะ”ฉันเดินเข้าไปนั่งด้วยความตื่นเต้น
“เธอเลือดกรุ๊ปอะไร??”
“กรุ๊ปเอ...มั้งคะ??”ฉันตอบแล้วเกาหัวนิดๆแบบไม่ค่อยมั่นใจ
“ไม่เป็นไรงั้นมาตรวจกัน”อาจารย์ยอนธันเอาเข็มมาเจาะที่นิ้วของฉันเพื่อเอาเลือดไปตรวจ
“เป็นไงบ้างคะ”
“เธอเลือดกรุ๊ปบีต่างหาก เห็นไหมว่ามันมีตะกอนในช่อง anti-B”อาจารย์ยอนธันอธิบาย
“จะเป็นไปได้ไงคะในเมื่อคุณพ่อกับคุณแม่แพรเลือดกรุ๊ปAB ทั้งคู่ หรือว่าแพรไม่ใช่!!”ฉันทำตาโตเพราะคิดว่าตัวเองอาจไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อกับแม่
“เธอเป็นลูกของพวกท่านนั่นแหละแต่แค่พอพ่อกับแม่กรุ๊ปABทั้งคู่ลูกที่เกิดมาจะมีสิทธิ์เลือกแค่AหรือBเท่านั้น”อาจารย์ยอนธันอธิบายแล้วยิ้มขำๆกับความคิดของฉัน
“ตกใจหมดเลยค่ะ!!”ฉันยกมือขึ้นมาจับที่หน้าอกแล้วถอนหายใจ
“ทีนี้เธออยากเห็นเม็ดเลือดจริงๆของเธอไหม”
“ทำยังไงหรอคะ”อาจารย์ยอนธันไม่ตอบแต่เอาแผ่นเลือดของฉันเมื่อกี้วางไว้บนเครื่องอะไรซักอย่างที่มีกล้องติดอยู่
“ดูสิ”อาจารย์ยอนธันก้มลงไปส่องที่กล้องแล้วใช้มือหมุนที่อะไรซักอย่างที่ฉันก็ไม่รู้จัก ฉันก้มตามอย่างสนใจจนหน้าเราใกล้กัน
“ชะ...”อาจารย์ยอนธันหันหน้ามาพอดีทำให้ตอนนี้หน้าเราสองคนใกล้กันเข้าไปอีก ตาเราสบกันจนเป็นฉันเองที่หลบสายตาก่อน
“อะเอ่อ...ขยับเข้ามาใกล้กว่านี้อีก”อาจารย์ขยับตัวไปอีกทางไม่ให้เราใกล้กันเกินไป
ฉันมองเข้าไปจนเห็นเม็ดเลือดมากมายที่เราไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้อย่างตื่นเต้น
“เห็นหรือเปล่า”
“เห็นแล้วคะ”ฉันเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้ม วันนั้นฉันอยู่ช่วยอาจารย์ทำวิจัยจนถึงห้าโมงเย็นก่อนจะต้องรีบกลับเพราะคุณแม่เข้าโรงพยาบาล
×โรงพยายาล BYH×
ก๊อกๆ//
“คุณแม่!!”ฉันเปิดประตูแล้วรีบวิ่งไปที่เตียง
“แพรวา!! มาแล้วหรอลูก”คุณแม่ยิ้มพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง ท่านดูโทรมมากจนแทบไม่เหมือนคุณแม่เลย
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”ฉันนั่งลงบนเตียงเดียวกับท่านแล้วจับมือท่านไว้
“ดีขึ้นแล้วลูก!!ยิ่งได้เห็นหน้าลูกแบบนี้ได้จับมือแบบนี้อาการต่างๆก็หายเป็นปริดทิ้งเลย”คุณแม่บีบมือฉันเบาๆ
“ตอนที่ป้านวลโทรบอกว่าคุณแม่เข้าโรงพยาบาล แพรตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ”ฉันนอนซบลงไปที่อกท่านแล้วกอดท่านไว้หลวมๆ
“จริงๆป้านวลไม่น่าโทรบอกลูกเลย เพราะแม่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากซ่ะหน่อย”
“วันนี้แพรขอนอนเฝ้าคุณแม่ที่นี่นะคะ ตอนเช้าค่อยให้คนขับรถพาไปอาบน้ำที่บ้าน”
“อย่าเลยลูกที่นี่นอนไม่สบายหรอก!!หนูกลับไปนอนบ้านดีแล้วพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”
“แต่แพร...”
“ไม่มีแต่ลูกรัก...ลูกไม่ต้องห่วงแม่นะลูกกลับไปนอนที่บ้านให้สบาย ตอนกลางคืนแม่จ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ!!งั้นพรุ่งนี้พอเลิกเรียนปุ๊ปแพรจะรีบมาหาคุณแม่เลยนะคะ”ฉันยืนหน้าเข้าไปหอมแก้มคุณแม่ซ้ายขวาก่อนจะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงกับคุณแม่จนถึงเวลาที่ต้องกลับบ้าน
ระหว่างทางฉันก็คิดแต่เรื่องของคุณแม่ตอนนี้ฉันรู้แต่ว่าท่านเป็นมะเร็งแต่ไม่รู้ว่าขั้นไหนและมะเร็งอะไร อยากจะถามคุณแม่ไปตรงๆก็ไม่กล้า เพราะที่คุณแม่ไม่อยากบอกคงกลัวฉันจะไม่สบายใจ เอาไว้ค่อยถามคุณพ่อละกัน
“คุณหนูจะรับข้าวเย็นเลยไหมคะป้าจะได้ตั้งโต๊ะให้”ทันทีที่ฉันลงจากรถป้านวลและแม่บ้านคนอื่นๆก็มารอต้อนรับ
“คุณพ่อละคะ”
“คุณผู้ชายยังไม่กลับเลยคะ”
“งั้น..ยังไม่ต้องตั้งโต๊ะนะคะแพรจะรอคุณพ่อ”ฉันพูดจบก็เดินขึ้นมาด้านบนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เวลา 22.00น.
“ทำไมป่านนี้แล้วคุณพ่อยังไม่กลับมาอีกนะ”ฉันสวมชุดคลุมแล้วเดินลงมาข้างล่าง ปกติคุณพ่อจะพยายามไม่ทำงานเกินเวลาขนาดนี้ เพราะท่านเคยบอกว่าอยากให้เวลากับฉันและคุณแม่
“คุณหนูลงมาพอดีเลย หิวไหมคะป้าจะได้ไปอุ่นกับข้าวให้”
“ไม่ต้องๆค่ะ แพรไม่หิว”ฉันปฏิเสธแล้วเดินออกมานั้งหน้าบ้าน ฉันนั่งรอคุณพ่อจนเกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่เห็นท่านกลับมา ฉันเริ่มง่วงจึงขึ้นไปนอน
×เช้าวันต่อมา×
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนู”ป้านวลยิ้มทักทายแล้วยกอาหารเช้ามาให้
“คุณพ่อละคะป้านวลยังไม่ลงมาอีกหรอ”ฉันดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาว่าเจ็ดโมงกว่าแล้ว
“เมื่อคืนคุณผู้ชายไม่ได้กลับบ้านคะ”
“ไม่ได้กลับ!!”ฉันทวนคำ ถ้าไม่ได้กลับแล้วไปนอนที่ไหนหรือจะไปหาคุณแม่ อืม....อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้
ฉันเลิกคิดแล้วตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวแล้วนั้งรถไปโรงเรียน ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าวันนี้เวลามันชั่งเดินช้าเหลือเกินอยากจะวิ่งไปหมุนเข็มนาฬิกาให้เลิกเรียนไวๆจะได้รีบกลับไปหาคุณแม่
“วันนี้พอแค่นี้ครับกลับบ้านได้”สิ้นเสียงคุณครูฉันก็รีบคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งลงมาที่รถที่จอดรออยู่เพื่อไปโรงพยาบาล
×โรงพยาบาล BYH×
“คุณแม่ขา!!! แพรมาแล้วค่ะ”ฉันเปิดประตูเข้าห้องมากะว่าจะวิ่งเข้าไปกอดคุณแม่แต่ก็ต้องชะงัก...เพราะคุณหมอยืนอยู่รอบเตียงคุณแม่
“คุณหนู!!!”ป้านวลวิ่งมาหาฉัน นั่นยิ่งทำให้ฉันใจหาย
“เกิดอะไรขึ้นคะป้านวล ทำไมคนเยอะจังเลยคะ”ฉันถามป้านวลเสียงสั่น ไม่กล้ามองไปทางเตียงผู้ป่วย
“คุณหนูรีบไปหาคุณแม่ก่อนเถอะค่ะ ท่านรอคุณหนูอยู่นะคะ”ป้านวลจับมือฉันให้เดินมาทางเตียงที่คุณแม่นอนอยู่ ถึงไม่มีใครอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นแต่จากภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ฉันพอเดาออก ยิ่งใกล้ถึงเตียงขาของฉันก็ก้าวไม่ออกซ่ะดื้อๆ พอฉันเดินเข้าไปเกือบถึงเตียงคุณหมอก็พอกันค่อยถอยออกๆจนฉันเห็นคุณแม่ที่นอนสวมเครื่องช่วยหายใจอยู่บนเตียงแล้วสายอีกมากมาย
“คุณแม่!!ทำไมเป็นแบบนี้คะ”ฉันยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อวานตอนที่เราเจอกันคุณแม่มีเพียงแค่สายน้ำเกลือเท่านั้น
“ตอนนี้เชื้อมะเร็งลามไปถึงหัวใจแล้วครับ อีกไม่นานอวัยวะต่างๆก็จะหยุดทำงาน หมอไม่อยากพูดแบบนี้เลยว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่คุณจะได้คุยกับคุณแม่ของคุณ รีบคุยนะครับเพราะท่านกำลังต่อสู้ต่ออาการเจ็บปวดอย่างหนักเพื่อรอคุณ”คุณหมอคนนึงเดินมาพูดกับฉัน ก่อนที่คุณหมอจะทยอยเดินออกไป
“ฮึก!!~คุณแม่ไม่นะคะอย่าทิ้งแพรไปนะคะ”ฉันยกมือคุณแม่แนบแก้มก่อนที่น้ำตาจะพรั่งพรูออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“แพร..วา..ลูก..รัก”คุณแม่พยายามลืมตาแล้วพูดออกมาทีละคำ
“คุณแม่!!ฮืออออ!! แพรจะอยู่ยังไงถ้าแพรไม่มีคุณแม่ แพรจะมีชีวิตอยู่ยังไง”ฉันทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้ออกมา รู้สึกบีบหัวใจแบบสุดๆ
“ไม่ร้องนะลูกแม่ ฮึก!!ไม่ร้องนะคนดี แม่รักแพรวานะลูก ถึงตัวแม่จะไม่ได้อยู่กับลูกแล้วแต่ใจแม่จะไม่ไปไหนมันจะอยู่กับลูกเพื่อปกป้องและดูแลลูกตลอดไป”คุณแม่พยายามพูดทีละคำและจู่ๆท่านก็นิ่งไป ฉันเลยจับหน้าคุณแม่ให้ท่านมองหน้าฉัน
“คุณแม่...คุณแม่อย่าพึ่งไปนะคะ คุณแม่มองหน้าแพรสิคะ คุณแม่!!”
“ลูกรัก...ไม่ต้องกังวลเพราะต่อให้แม่หลับตาแม่ก็ยัง...เห็นหน้าลูก”
คุณแม่เริ่มหายใจกระชั้นขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าท่านทนไม่ไหวแล้ว ฉันจึงรีบเช็ดน้ำตาแบบลวกๆแล้วจับมือคุณแม่ขึ้นมาอีกครั้ง
“แพรรักคุณแม่นะคะ”ฉันจูบเบาๆที่หลังมือ ในเมื่อฉันหยุดความตายไม่ได้ฉันก็อยากจะส่งให้ท่านไปสบายที่สุด..
“แม่ก็รักลูก....แพรวา”คุณแม่พูดชื่อฉันเป็นคำสุดท้าย ท่านเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ฉัน
ตี๊ดดดดด!!~~~เสียงสัญญาณดังขึ้นกราฟที่จอขึ้นเป็นเส้นตรง
...คุณแม่จากฉันไปแล้ว...
“ฮึก!!~ฮืออออ”ฉันนอนทาบลงไปกับเตียงแล้วกอดคุณแม่แน่นๆ ก่อนที่คุณหมอจะกรูกันเข้ามา ตอนนั้นสมองฉันขาวโพลนไปหมด มีคนเดินเข้าเดินออกมีคนเดินเข้ามาหามาปลอบแต่ฉันกลับนั่งเฉยๆและไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย....