" เฮ้อ !! ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะแต่งงานเมื่อไหร่นี่สิคะ "
" ความจริงแล้วพี่ใหญ่มีคนรักอยู่แล้วครับ แค่ขาดเงินสินสอดเท่านั้นอีกไม่มากแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังช่วยกันเก็บเงินอยู่ "
" หรือว่า ฉันว่าฉันมีวิธีแล้วล่ะค่ะ คุณทำตามที่ฉันบอกได้ไหม " เธอเอ่ยขึ้นพลางส่งสายตามีเลศนัยไปให้เขา
แผนการนั้นก็คือ เธอจะให้เขานำเงินที่มีอยู่ของตนเองไปให้พี่ใหญ่ยืม เพื่อที่เขาจะได้แต่งภรรยาเข้ามา ส่วนพวกเธอก็จะได้แยกบ้านเสียที แม้ว่าตอนแรกหยวนเซียวจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเห็นสายตาที่เปร่งประกายของเธอก็ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยขัดต่อความหวังของเธอ
" ถ้างั้นผมจะถือว่ายืมเงินของคุณก่อน ไว้ผมจะรีบหาเงินมาใช้คืนคุณภายหลัง " เขาเอ่ยบอกซึ่งหลิงเฟยเองก็ไม่คาดหวังที่จะได้เงินคืน เพราะถ้าหากนี่เป็นการซื้ออิสระให้กับตนเองแล้ว เธอไม่รู้สึกเสียดายสักนิด
" แล้วแต่คุณเถอะค่ะ "
' หน้าตาดี มีความรับผิดชอบ ตกลงค่ะฉันรับเขาเป็นสามี ' หลิงเฟย....
รุ่งเช้าทั้งสองตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพราะวันนี้ตั้งใจจะเข้าเมืองไปจัดการธุระบางอย่าง หลิงเฟยเข้าครัวทำอาหารเช้าง่ายๆเช่นเคยและเตรียมตัวจะเข้าเมือง ส่วนหยวนเซียวได้ไปลาหยุดกับหัวหน้าหน่วยของเขา
" อ้าวหยวนเซียวจะไปไหนแต่เช้า"
" สวัสดีครัยหัวหน้า ผมจะมาบาหยุดครับ พาอาเฟยไปทำธุระหน่อยครับ "
" อ้อ ได้สิ อีกเดี๋ยวรถแทรกเตอร์ของหน่วยจะเข้าเมืองพอดี นายก็ติดรถไปเลยสิจะได้ไม่ต้องไปรอขึ้นรถที่ข้างนอก "
" ครับ ขอบคุณมากครับหัวหน้า "
" ไม่เป็นไรๆ "
หยวนเซียวกลับมาที่ย้านและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ จากนั้นก็บอกพ่อแม่ของเขา และพากลิงเฟยออกจากบ้านไปขึ้นรถแทรกเตอร์ของหน่วยเพื่อเข้าไปในเมือง แต่ถึงกระนั้นเขาก็จ่ายค่ารถคนละ 10 เหมา อยู่ดี แต่ก็ไปถึงเมืองไวกว่าเดิม
" ที่นี่คือเขตเมืองที่ใกล้หมู่บ้านที่สุดครับ " หยวนเซียวเอ่ยบอก เพราะเห็นว่าเธอมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
" ค่ะ ฉันคิดว่าจะใหญ่กว่านี้แล้วก็เจริญกว่านี้น่ะค่ะ "
" คุณจะไปที่ไหนก่อนดีครับ "
" ไปตลาดมืดค่ะ ฉันจะเอาของออกมาขาย "
" แต่ว่าที่นั่น ... เอาเถอะครับผมจะพาไป " หยวนเซียวพาหลิงเฟยมายังตรอกด้านหลังที่ทางเข้านั้นมีชายร่างใหญ่ยืนเฝ้าอยู่สองคน
" พิราบสื่อสาร " หยวนเซียวเอ่ยขึ้นจากนั้นชายร่างใหญ่ก็เปิดประตูให้เขากับเธอเข้าไปข้างใน เมื่อบานประตูเปิดออก หลิงเฟยก็เห็นพื้นที่ด้านในเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาดมืดแห่งนี้มากมายคับคั่ง
เธอขอให้เขาช่วยหามุมมืดเพื่อจะหยิบเอาข้าวของในมิติออกมา ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร เนื้อสัตว์ อาหารกระป๋อง หรือแม้แต่เหล้า และบุหรี่ ใส่ลงในกระเป๋าเป้ใบใหญ่ถึงสามใบจากนั้นก็ไปหาที่ว่างเพื่อวางของขาย
เพียงไม่นานเธอกับสามีก็ช่วยกันจัดโต๊ะเสร็จ และลูกค้าคนแรกเป็นชายสูงวัย เขาจ้องมองเหล้าและบุหรี่ตาเป็นมัน หลิงเฟยจึงเสนอขายในทันที
" คุณลุงตาถึงมากเลยนะคะ นี่เป็นเหล้ากับบุหรี่นี่เป็นของดีมากๆ ที่ฉันรับมาจากปักกิ่งค่ะ ราคาเหล้าขวดละ 200 หยวน บุหรี่ซองละ 10 หยวนค่ะ "
" เอาเหล้า 2 ขวดแล้วก็บุหรี่นี่ 10ซอง " หลังชายสูงวัยเอ่ยจบหลิงเฟยรีบจัดการห่อเหล้าและบุหรี่ให้เขาทันที ก่อนจะรับเงินมานับเพื่อความชัวร์
" ขอบคุณค่ะ คราวหน้ามาอุดหนุนใหม่นะคะ " เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็มีเหล่าแม่บ้านที่ดูจากการแต่งกายก็รู้แล้วว่ามาจากครอบครัวมีเงินอย่างแน่นอน
" ข้าวขาวพวกนี้มาจากปักกิ่งค่ะ ราคาชั่งละ 4หยวนค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์พวกนี้ 3 หนวยเท่านั้นค่ะ รับรองได้ว่าสดใหม่แน่นอน " และเมื่อเอธอพูดจบเหล่าแม่บ้านก็รุมซื้อสินค้าจากร้านแผงลอยของเธอจนตอนนี้เหลือเพียงแค่เหล้า บุหรี่และอาหารกระป๋องเท่านั้น
" ขอโทษนะครับอาหารกระป๋องแบบนี้ราคาเท่าไหร่ครับ " ชายหนุ่มเอ่ยถาม เพราะเขายืนรอให้เหล่าแม่บ้านซื้อของจากร้านของเธอจนเสร็จแล้ว
" ไม่แพงค่ะ กระป๋องละ 3 หยวน ค่ะ "
" ผมเอาอย่างละกระป๋องครับ "
" ได้เลยค่ะ ทั้งหมด 5 กระป๋อง 15 หยวนค่ะ " เธอรับเงินจากเขามาแล้วหันไปขายให้ลูกค้าคนอื่นๆต่อ ไม่นานนักทั้งเหล้าและบุหรี่ก็ขายจนหมดเกลี้ยงโดยที่สามีของเธอได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงที่เธอสามารถขายของได้ในเวลาแค่สองชั่วโมงก็สามารถทำเงินได้มากกว่า 4,000 หยวนแล้ว
" เป็นไงคะเห็นฝีมือของฉันหรือยัง " หลิงเฟยเอ่ยถามเขาอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ทั้งสองออกมาจากตลาดมืดเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าเธอได้เจอกับยุวชนคนอื่นที่เข้าเมืองมาเช่นกัน
" หยวนเซียวคุณมาเที่ยวในเมืองหรอคะ "
" เอ่อครับ " เขาเอ่ยตอบอย่างมีมารยาท แต่ไม่ใช่กับหลิงเฟยที่มองออกว่ายุวชนหญิงคนนี้คิดอย่างไรกับสามีของเธอ
" ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่าคุณควรจะเรียกเขาว่า คุณหยวน นะคะ ไม่ใช่หยวนเซียว เพราะชื่อนี้มีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่จะเรียกกัน "
" ทำไมเธอจะต้องพูดจาแบบนั้นล่ะ ฉันแค่เข้ามาทักทายเขาเท่านั้น อีกอย่างเธอเองก็เป็นยุวชนกลุ่มเดียวกันกับฉัน เราหน้าจะพอช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกันได้นะ "