"ฮืออออ" หญิงสาวร้องฮือออกมาเมื่อลุกขึ้นนั่งแล้วเห็นว่าต้นขาของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำกามของเขา เธอคว้าผ้าห่มผืนเดิมมาพันรอบกายแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป
ศรันย์เดินไปหยิบผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้ามาพันรอบเอวสอบแล้วออกไปนั่งดื่มไวน์ที่ระเบียงดังเดิม
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วคนที่ใช้ผ้าห่มพันตัวเข้าน้ำก็ยังไม่ออกมา ศรันย์จึงเคาะประตูเรียกหญิงสาวหน้าห้องน้ำ
ปึงๆๆๆ
"จะนอนในห้องน้ำหรือไง" เขาตะโกนเรียกเธอแต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ เขาจึงใช้ฝ่ามือตีที่ประตูอีก
ปึงๆๆๆ
คนในห้องน้ำสะดุ้งเฮือก เธอยังไม่อยากออกไปเจอหน้าเขา ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นเธอเองก็สุขสมแต่ศรันย์คือผู้ชายที่เธอพึ่งรู้จักยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำไป มันดูใจง่ายยังไงๆอยู่
"นััับถึงสามถ้าไม่ออกมาจะเข้าไปจัดในห้องน้ำนั่นแหละ" ศรันย์เริ่มหัวเสียที่อีกฝ่ายไม่ยอมออกมาเสียทีเกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนหนีหน้าเขาเลย
"หนึ่ง"
"สอง"
"สะ...."/ แอดดด
หญิงสาวเปิดประตูออกมาในสภาพที่ยังใช้ผ้าห่มคลุมตัวอยู่ เธอเดินก้มหน้าออกมาจากห้องน้ำศรันย์ก็เดินสวนเธอเข้าไปอาบน้ำทันที เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เขาไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และเมื่อจะลงไปเอาเสื้อผ้าที่ชั้นล่างก็พบว่ามันถูกเอามาวางไว้แล้วที่หน้าประตู เธอจึงลื้อถุงเอาเสื้อผ้ามาใส่และรีบทิ้งตัวลงบนเตียงนอนก่อนที่เขาจะออกมา
ช่วงสายของวันต่อมาพิมพิชญาตื่นมาก็ไม่พบใครอยู่ในห้องนี้อีกนอกจากเธอ หันมองนาฬิกาที่ฝาผนังจึงรู้ว่าเป็นเวลาเที่ยงกว่าไปแล้ว
เธอเดินลงมาข้างล่างหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว สองเท้าชะงักกึกอยู่ที่บรรไดขั้นสุดท้ายเมื่อเห็นศรันย์กำลังจัดการอาหารใส่จานอยู่ อาการมองหน้ากันไม่ติดเป็นแบบนี้นี่เอง เธอหันหลังจะเดินกลับขึ้นชั้นบน แต่เขาเรียกเธอไว้เสียก่อน
"พรีม!"
"มากินข้าวสิ" สองมือของเขาท้าวขอบโต๊ะกินข้าวสายตาก็มองมาที่เธอ
"ค่ะ" หญิงสาวยอมเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา
"คุณ เอ่อ พี่รันย์ไปซื้อมาหรอคะ" อาหารที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะมีหลายอย่างจนเธอสงสัย
"เปล่า แม่บ้านที่โรงแรมเอามาส่ง" เธอพยักหน้ารับรู้
หลังจากที่ทั้งคู่กินข้าวกันได้สักพักเขาสังเกตว่าเธอไม่กินอาหารที่มีกุ้งอยู่เลย กินแค่ไข่เจียวปูกับกับน้ำผัดผักบุ้ง
"เธอแพ้กุ้งหรอ" เขาถามที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่สนใจเขา
"ชะ..(ชั้น) เอ่อ พรีมไม่ชอบกุ้งค่ะ" ศรันย์นิ่งไปกับสิ่งที่เธอพูด ส่วนตัวเขานั้นชอบกินกุ้งมากที่สุด
ตืดดด ตืดดด
เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวที่เปิดสั่นไว้ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ 'พี่หมอ'
พิมพิชญาคว้าโทรศัพท์มาไว้ในมือแล้วเดินขึ้นห้องชั้นบนไป ปล่อยให้ศรันย์นั่งไม่สบอารมณ์ที่โต๊ะอาหารคนเดียว เมื่อหมดอารมณ์ที่จะกินต่อจึงโทรให้แม่บ้านมาเก็บอาหารกลับไป
"แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะคะพี่หมอ" เธอกดรับสายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
"พี่ดีใจนะครับ ที่พรีมยังจำได้"
"ใครจะลืมพี่หมอได้คะ" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
แกร๊ก
เสียงประตูกำลังจะถูกเปิดออกจากทางด้านนอก
"แค่นี้ก่อนะคะพี่หมอ ไว้พรีมโทรหานะคะ" เธอพูดกับหมอธนดลแล้วรีบกดวางสาย หันไปมองที่ประตูก็เห็นศรันย์เข้ามาในห้องพอดี
"เข้ามาทำไมคะ"
"จะพาไปถ่ายพรีเวดดิ้ง"
"คะ?" เธอตกใจกับคำพูดของเขาไหนว่ามาทำงาน
"แจ็คกี้ขนชุดมารอที่โรงแรมของคุณแล้ว ช่างถ่ายรูปก็พร้อมแล้ว เหลือแค่พี่กับเธอนี่แหละไปถ่ายให้จบๆ" พูดจบศรันย์ก็ลงไปรอที่รถทันที ทิ้งให้หญิงสาวยืนงงคนเดียวครู่หนึ่งแล้วรีบวิ่งตามเขาลงไปเพราะไม่อยากเสียมารยาทให้ใครรอนาน
เมื่อมาถึงโรงแรมทั้งสองถูกจับแยกไปแต่งตัวกันคนละห้องเพื่อความรวดเร็ว พิมพิชญามีแจ็คกี้เจ้าของร้านคอยดูแล ส่วนศรันย์มีแคทพนักงานออกแบบในร้านคอยดูแล
"คุณศรันย์อยากให้แคทแก้ตรงไหนให้มั้ยคะ" พนักงานสาวที่กำลังผูกเนคไทให้เขาถามอย่างมีจริต ใครๆก็รู้ว่าศรันย์นั้นเสือผู้หญิงที่แต่งงานกับพิมพิชญาก็เพราะเรื่องธุรกิจ
ศรันย์ที่มีความหงุดหงิดอยู่ในใจจัดการกดไหล่หญิงสาวให้คุกเข่าลงตรงหน้า ทั้งคู่ต่างมองสบตากัน เป็นศรันย์ที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
"ทำให้ชั้นหายหงุดหงิดที"
"คุณพรีมสวยมากเลยค่ะ แต่งนิดเดียวเองนะคะเนี่ย" แจ็คกี้เอ่ยปากชมหญิงสาวไม่หยุด เมื่อมองพิมพิชญาในกระจก
"สวยแบบนี้สิคะ ถึงจะหยุดเสือได้" แจ็คกี้เผลอพูดออกมาตามความคิดก่อนจะนึกขึ้นได้
"อุ่ยย แจ็คกี้ก็พูดไปเรื่อยค่ะ คุณพรีมอย่าถือสาเลยนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" หญิงสาวมองตัวเองในกระจก เธอพอรู้ข่าวเขาจากในอินเตอร์เน็ตมาบ้าง เขาเป็นผู้บริหารที่เก่งและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเขาไม่เคยขาดผู้หญิง
"ออกไปข้างนอกกันดีกว่านะคะ คุณศรันย์น่าจะเสร็จแล้ว"
ศรันย์รูดซิปกางเกงขึ้น ตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหลังจากที่เขาได้ปลดปล่อยในปากพนักงานสาวถึงสองครั้ง
"เราจะได้เจอกันอีกมั้ยคะ" แคทถามศรันย์อย่สงมีความหวัง
"ถ้ามีโอกาสก็ได้เจอ แต่ห้ามมาวุ่นวาย" ศรันย์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจนอีกฝ่ายเกรงกลัว เขาจัดการเขียนเช็คให้เธอห้าหมื่นบาทค่าที่เธอทำให้ความหงุดหงิดเขาเบาบางลง หญิงสาวรับกระดาษในนั้นมาพอเห็นตัวเลขเธอถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ยกมือไหว้เขาแนบหน้าอกแกร่ง
"ขอบคุณนะคะ"
ศรันย์เดินออกมาถึงสถานที่ที่ทีมงานจัดไว้ก็เห็นว่าพิมพิชญามานั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่เห็นศรันย์มาสองประเภทสองก็แหวใส่พนักงานตัวเองทันที
"นังแคทคุณศรันย์แต่งหน้าเสร็จตั้งนานแล้ว แกมัวทำอะไรอยู่ทำไมถึงช้านักห๊ะ!"
"ก็มันมีจุดที่ต้องแก้อ่ะพี่แจ็ค แคทเลยต้องแก้ไขนิดหน่อย"
"แก้ตะ(ตรงไหน)/เดี๋ยวไปคุยกันที่ร้านนะพี่" แจ็คกี้ไม่ทันได้พูดจบหญิงสาวก็ชิงพูดตัดบทเสียก่อน
"คุณพรีมคุณศรันย์พร้อมมั้ยครับ" ตากล้องตะโกนถามเมื่อใกล้เลยเวลาที่แสงจะหมดแล้ว
"ค่ะ/ครับ" ทั้งสองคนเดินเข้าฉากที่ทีมงานจัดขึ้นไว้
"เอ่ออ คุณพรีมยิ้มกว้างๆกว่านี้อีกหน่อยครับ" ช่างภาพตะโกนบอกหญิงสาว ที่ไม่ค่อยยิ้มออกมา
"ค่ะ" เธอก้มศีรษะให้ช่างภาพเป็นเชิงขอโทษ
"โอเคครับ" ช่างภาพกดถ่ายภาพด้วยความเป็นมืออาชีพและชำนาญ
"เหมาะสมกันจริงๆเนาะแก ไม่น่าเชื่อว่าคนไฟแรงอย่างคุณศรัณย์จะแต่งงานอ่ะ" เสียงทีมงานของช่างภาพซุบซิบคุยกัน แคทที่ได้ยินคำพูดนั้นได้แต่แสยะยิ้มออกมา
"คุณพรีมยิ้มอีกหน่อยครับ" เสียงช่างภาพคนเดิมตะโกนบอกอีกเมื่อพิมพิชญาไม่ค่อยยิ้มอีกแล้ว
"ต้องเป็นหมอนดลหรอถึงจะยิ้ม" ศรันย์กระซิบถามเธอให้ได้ยินกันแค่สองคน หญิงสาวมองเขาตาขวาง เธอไม่ชอบที่เขาพูดจาแบบนี้
"หึ" ศรันย์ทำหน้าตายียวนใส่เธอ เธอจึงเบี่ยงตัวจะเดินออกไปแต่ถูกเขากระชากแขนเข้าหาตัวแล้วประกบปากจูบเธอ ช่างภาพจึงรัวนิ้วกดชัตเตอร์ทันที