ในเวลานี้คนทั้งคู่ได้ออกมานั่งดื่มตรงระเบียงของโรงแรม ซึ่งห้องวีไอพีมีที่ไว้สำหรับดูดาวอีกด้วย ฌอนยังคงมองจารวีด้วยแววตาเป็นประกาย เขาไม่เคยเชื่อเรื่องความรักมาก่อน แต่พอได้ทำความรู้จักกับหญิงสาว ชายหนุ่มกลับสัมผัสได้ถึงความน่ารักของเธอ
“ว้าว! ที่นี่มีดาวตกด้วยเหรอคะ” จารวีแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางกุมมือใช้นิ้วประสานกันก่อนจะก้มหน้าลง เพื่ออธิษฐานขอพรตามความเชื่อของเธอ ซึ่งหญิงสาวภาวนาให้ตัวเองหนีพ้นจากการถูกคลุมถุงชนในครั้งนี้
“ง่วงแล้วเหรอคุณ เข้าห้องไปนอนสิดึกแล้ว”
“ยังไม่ง่วง ฉันแค่อธิษฐานขอพรจากดวงดวง มาขอด้วยกันสิคุณ”
“เป็นเอามากนะคุณ นั่นมันก็แค่ขยะอวกาศ ต่อให้อธิฐานจนตาย คุณก็ไม่มีทางสมหวังหรอก”
“นั่นปากหรือกรรไกร คุณเลี้ยงหมาเอาไว้ในนั้นรึไง ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่สิค่ะ” คราวนี้จารวีแสดงสีหน้าและแววตาเป็นเชิงประจักษ์ เหมือนคนรักกำลังงอนกัน จนฌอนแอบอมยิ้มให้กับความเป็นกันเองของเธอ
“โธ่คุณ... โกรธผมเหรอครับ”
“เปล่าสักหน่อย”
“ไม่โกรธแต่ทำหน้างอเนี่ยนะ”
“พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับแล้วนะคะ งานคุณยุ่งหรือเปล่าคะ”
“ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่ครับ วันลาของผมยังอยู่ครบ”
“ถ้าฉันจะขอร้องให้คุณกลับไปเจอพ่อกับแม่ของฉัน คุณสะดวกไหมคะ” จารวีเริ่มแสดงความวิตกกังวลขึ้นมาในทันที เมื่อถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปเผชิญกับปัญหาที่กำลังถาโถมเข้ามาใส่ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เต็มใจ แต่ทำไมเธอต้องแบกรับ ในสิ่งที่บิดามารดาของเธอปรารถนา
“ได้สิ ผมให้เพื่อนจองตัวให้แล้ว นี่ไงสองใบ”
“อีกใบของใครคะ”
“ของผมกับคุณไง”
“แต่ฉันจองไว้แล้วนะคะ”
“ไม่เป็นไร คุณไปกับผม”
“สิ้นเปลืองเปล่า ๆ แบบนี้ฉันเลี้ยงคุณไม่ไหวหรอกนะ” จารวียังคงแสดงเจตจำนงที่มีต่อฌอน นั่นคือค่าใช้จ่ายทั้งหมด ที่เกี่ยวกับเธอหญิงสาวจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด
“คุณเป็นภรรยาของผมนะครับคุณจารวี ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้คุณเผชิญกับปัญหานี้เพียงลำพังหรอก”
“อย่าลืมนะคะ เงื่อนไขที่เราตกลงกันเอาไว้ เราสองคนจะหย่าขาดจากกัน เมื่อครบสัญญาหนึ่งปี”
“ผมไม่เคยลืม ภายในหนึ่งปีผมจะทำหน้าที่สามีที่ดีให้กับคุณ ถึงวันนั้นคุณอาจตกหลุมรักผมจนหมดใจ”
“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนรักษาคำพูดเสมอ” เพียงแค่ได้ยินประโยคนี้จากจารวี ทำให้ฌอนยิ่งคิดอยากผูกมัดเธอ
เขาจะทำให้หญิงสาวพ่ายรักวิวาห์กำมะลอนี้ให้ได้ เมื่อโชคชะตาจงใจส่งเธอมาให้กับเขา ก็อย่าหวังว่าใครจะพรากเธอไปจากอ้อมกอดของเขาได้
“ถุงยางที่คุณซื้อมายังอยู่ครบไซซ์หรือเปล่า” เขาแสร้งพูด เพื่อให้หญิงสาวตระหนักถึงสิ่งที่ภรรยาควรจำนนต่อผู้เป็นสามี
“คุณ! ถามมาได้ไง ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ” เธอพูดพลางยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ ซึ่งท่าทีของจารวีดูแล้วเธอน่าจะลุกยืนไม่ไหว แต่ก็ยังคงสามารถพูดจาตอบโต้อีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
“ผมชักชอบเวลาคุณใช้แววตาแบบนี้มองผมแล้วสิ”
“นี่คุณ! กลับห้องคุณไปได้แล้วค่ะ”
“บอกแล้วไง ผมจะค้างที่นี่”
“ฮะ! คุณพูดจริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ ก็เราเป็นสามีภรรยากัน ก็ต้องนอนด้วยกันสิครับ”
“อืม... มันก็จริงของคุณ พูดแบบนี้แสดงว่าคุณพร้อมกัดก้อนเกลือกินกับฉันแล้วใช่ไหมคะ” จารวีพูดพลางพยายามดันตัวลุกขึ้นยืน
“ถ้าผมบอกว่าพร้อมล่ะครับ” แววตาที่เขามองเธอเป็นประกายวาววับระยิบระยับราวกับดวงดาวแสนล้านดวง
“ว้าย!”
หมับ!!!
“คุณเมาแล้วนะรู้ตัวหรือเปล่าครับ... หืม”
ในเวลานี้หญิงสาวอยู่ภายใต้อ้อมแขนอันแข็งแกร่งของชายหนุ่ม เธอยอมรับว่าตัวเองเมา แต่ทำไมหัวใจเจ้ากรรมถึงได้เต้นไม่เป็นจังหวะแบบนี้ ความรู้สึกแปลกประหลาดเริ่มเกิดขึ้นกับจารวี เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงภาษากายที่ผู้ชายคนนี้ถ่ายทอดออกมา
“คุณคือยัยขี้เมาคนแรกที่ผมจะพาเข้านอนเลยรู้ไหม... หืม” ชายหนุ่มผู้ที่เคยทำตัวคร่ำหวอดอยู่ในวงการเพลย์บอย แต่นั่นมันคืออดีต เพราะในปัจจุบัน ฌอนเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขามีวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำ และที่สำคัญเขาไม่เคยคิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย
“ขอบคุณนะคะ ถุงยางอยู่ในกระเป๋าสะพายของฉัน คุณเลือกใช้ได้เลย ฉันคิดว่ามันน่าจะมีขนาดที่พอดีกับคุณอยู่นะคะ” หญิงสาวพูดพลางยิ้มให้กับฌอน แต่ทว่าดวงตาของเธอกลับค่อย ๆ หลับลงอย่างช้า ๆ ซึ่งชายหนุ่มหันไปอีกทีกลับพบว่าเธอได้หลับไปแล้ว
“นางสาวจารวี วลินดา ตอนนี้คุณได้กลายเป็นภรรยาของผมแล้วนะ นางสาวจารวี ไรวินท์ ถึงแม้คำนำหน้าจะยังคงเป็นนางสาว ยังไงผมก็จะทำให้คุณกลายเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในทางนิตินัยและพฤตินัยให้ได้”
ฌอนรั้งผ้าขึ้นมาห่มให้กับหญิงสาว พลางจ้องใบหน้าของเธออยู่แบบนั้นเป็นนานสองนาน เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเจอกับเรื่องแปลก ๆ แบบนี้ แต่มันก็ดีมากเลยสำหรับเขา เพราะฌอนชอบในความใสซื่อและตรงไปตรงมาของจารวี เธอดูไม่มีพิษมีภัยกับใครเลย
“ผมจะปกป้องคุณเองจารวี ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมจำเบอร์ห้องผิด ทั้งที่ปกติแล้ว เรื่องแบบนี้ผมไม่เคยพลาด”
ฌอนยังคงไม่ละสายตาจากใบหน้าของจารวี ทำไมเขาถึงได้รู้สึกดีกับเธอจัง แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็อยากให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะถึงยังไงหญิงสาวก็อยู่ในสถานะภรรยาของเขาแล้ว
ชายหนุ่มล้วงสมาร์ตโฟนเครื่องแพงของเขาขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เพื่อโทรหาผู้ช่วยคนสนิทของเขา เพราะฌอนรู้ว่างานนี้ยังไงก็ต้องอาศัยอัศวิน ไหนจะบ้านสวนและงานที่บริษัท ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งรองประธาน แน่นอนว่าฌอนต้องเทียวไปเทียวมาระหว่ากรุเทพฯ กับกระบี่ แต่ก็อยากใกล้ชิดจารวีให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“อัศวินพรุ่งนี้นายจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วรีบบินตามฉันกลับไปที่กรุงเทพเลยนะ เข้าใจไหม” น้ำเสียงของเขาวางอำนาจอยู่ในที ผิดกับเวลาที่พูดกับจารวีโดยสิ้นเชิง
“นายน้อยครับ ถ้าคุณท่านรู้เรื่องนี้ ผมกลัวว่า...”