ตอนที่ 3
หนูไม่ได้ตั้งใจ...อ่อย
น้ำหวานออกจากคอนโดก็นั่งรถแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาล หลังจากสอบถามป้าอารีแล้วรู้ว่าแม่เธออยู่ที่โรงพยาบาลรัฐบาลใกล้บ้าน
“หวานมาแล้วเหรอ คุณหมอกำลังรออยู่เลย” ป้าอารีลุกขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“แม่เป็นยังไงบ้างคะป้า” น้ำหวานมองเข้าไปในห้องที่มีประตูทึบผิดอยู่ เธอมาที่นี่บ่อยจนชินกับสถานที่ แต่ไม่ชินกับการที่ต้องมานั่งล้นอาการของแม่ ทุกครั้งที่แม่อยู่ในห้องนั้น เธอไม่เคยสบายใจเลย
“ป้าก็ไม่รู้ ตอนที่มาถึงทิพย์ยังไม่ได้สติ”
ป้าอารีบอกออกไปอย่างไม่สบายใจ เธออยู่ข้างบ้านกับสองแม่ลูก ทั้งสองให้การช่วยเหลือเธอในเวลาที่เธอหมุนเงินไม่ทัน หรือบางครั้งก็ได้น้ำใจแบ่งข้าวแบ่งน้ำมาให้กันและกันบ้าง
“หมอคะ..แม่ของหวานเป็นอะไรคะ” น้ำหวานลุกขึ้นไปถามหมอทันทีที่เปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา
“แม่ของคุณเป็นสโตรกหรือโรคหลอดเลือดในสมอง ถึงขั้นรุนแรงและก็ต้องได้รับการผ่าตัดขยายหลอดเลือดอย่างเร่งด่วน” คุณหมอหนุ่มบอกกับน้ำหวานถึงอาการของคนเป็นแม่ รวมการรักษาพยาบาล
“คุณหมอช่วยแม่ของหวานด้วยนะคะ...คุณหมอจะให้หวานทำอะไร หวานยอมทุกอย่าง ขอแค่ให้แม่ของหวานได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องค่ารักษาเท่าไร เดี๋ยวหวานจะหามาจ่ายให้นะคะ”
“ที่นี่อุปกรณ์การผ่าตัดไม่มี อาจจะต้องย้ายไปโรงพยาบาลอีกแห่ง แต่อาจจะต้องรอคิว แต่ถ้าไปที่โรงพยาบาลเอกชนก็จะได้ผ่าตัดเร็ว แต่ค่ารักษาแพงมากนะ” หมอหนุ่มบอกกับลูกคนไข้ที่เขารักษาอย่างกังวล
“อึก..ฮือ.แพงแค่ไหนหวานก็จะหามาจ่ายค่ะ...ขอแค่ให้แม่ของหวานหายจากอาการป่วย หวานไม่มีใครแล้วนอกจากแม่” น้ำหวานร้องไห้ออกมา
“หมอจะสั่งให้แม่ของคุณนอนรักษาตัวที่นี่ก่อนก็ได้ แล้วหมอจะติดต่อโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีเครื่องมือพร้อมกว่านี้ให้แต่คิวน่าจะยาวอยู่นะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ แล้วถ้าไม่รอคิวที่โรงพยาบาลรัฐบาท แต่ส่งแม่ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชนได้ไหมค่ะคุณหมอ คุณหมอช่วยหวานหน่อยนะคะ แล้วจะให้หวานทำอะไร หวานยอมทุกอย่าง”น้ำหวานไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอแค่หมอยอมรักษาแม่ของเธอ จะให้เธอทำอะไรเธอยอมทั้งนั้น
“ถ้าอย่างนั้นไปคุยรายละเอียดที่ห้องพักหมอดีกว่านะ อีกสักพักพยาบาลคงย้ายแม่ของคุณไปที่ห้องพักฟื้น”
จากนั้นคุณหมอก็พาน้ำหวานมาที่ห้องพักแพทย์เพื่อคุยเรื่องค่ารักษาและค่าผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชน
“ค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชนโดยการผ่าตัดมันเยอะนะ คงไม่ต่ำกว่า 3 แสน คุณมีเงินพอไหมล่ะ” คุณหมอท่าทางใจดีเอ่ยขึ้น
“สามแสนเหรอคะ” น้ำหวานเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
“ใช่ คงประมาณนี้ นี่แค่การผ่าตัดนะ ถ้าผ่าตัดแล้วก็กลับมาพักฟื้นต่อที่โรงพยาบาลที่นี่ได้ เพราะใช้สิทธิ์ 30 บาท แต่ถ้าไม่มีเงินค่าโรงพยาบาลเอกชน หมอก็จะติดต่อโรงพยาบาลรัฐที่มีอุปกรณ์พร้อมกว่าที่นี่ให้ แต่คิวผ่าตัดจะได้เมื่อไร หมอก็ไม่แน่ใจนะ” หมอหนุ่มอธิบายให้หญิงสาวที่เขาเห็นมาหลายปีแล้ว เพราะแม่ของเธอเป็นคนป่วยของที่นี่
ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ ที่รักษาโรคทั่ว ๆ ไป แต่หากต้องมีการผ่าตัดหรือการรักษาเฉพาะทางก็ต้องทำเรื่องส่งตัวคนป่วยไปโรงพยาบาลอื่นตามลำดับ ซึ่งโรงพยาบาลเหล่านั้นก็งานเยอะมาก บางทีคนป่วยก็ต้องรอคิว บางคนก็รอคิวไม่ไหวตายไปก่อนได้รับการรักษาก็มี คนส่วนใหญ่ถ้ามีเงินจึงจำเป็นต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน แต่ค่ารักษาชีวิตก็แพงมาก
......นี่จึงทำให้รู้ว่า มีเงินก็อาจจะรอดชีวิต ไม่มีเงินก็อาจจะตายได้
.....ใครบอกว่าเงินไม่สำคัญ
“ตอนนี้หวานยังไม่มีเงินเลยค่ะ แต่หวานจะพยายามหามาให้ได้ ช่วงนี้รบกวนคุณหมอดูแลแม่ให้หวานก่อนได้ไหมคะ” น้ำหวานพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้คุณหมอหนุ่มทั้งน้ำตา
“ได้ ตอนนี้หมอจะรักษาให้อย่างดีที่สุดไปก่อน อาจจะให้ยาขยายหลอดเลือดเพื่อลดการตีบของเส้นเลือด แต่หมอก็ไม่แน่ใจนะว่าจะได้ผลเท่าไร และโรคนี้วิธีที่รักษาให้ดีที่สุดคือการผ่าตัด” หมอมองน้ำหวาน
“ขอบคุณนะคะ แล้วหวานจะรีบหาหยิบยืมเงินญาติก่อนนะคะ”
น้ำหวานบอกออกไป ทั้งที่เธอไม่มีญาติที่ไหนนอกจาก...พ่อเลี้ยง ซึ่งเขาก็คงไม่มีให้ยืม แต่เธอก็จะลองไปขอความช่วยเหลือกับนายคมเดชดู
“เร็วหน่อยนะ เพราะถ้าอาการกำเริบอีก แม่หนูอาจจะเป็นอัมพาตได้ เพราะตอนนี้อาการก็ไม่ดีเท่าไร”
คุณหมอบอกพร้อมกับมองน้ำหวานด้วยสายตาที่เธออาจไม่ออก เหมือนหมอมีเรื่องจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเห็นหมอเลื่อนมือลงไปเก็บไว้ที่ใต้โต๊ะตลอดเวลาที่พูดกับเธอ และเหมือนจะลูบขาไปมาตลอดด้วย
“คุณหมอคันที่ขาเหรอคะ เห็นเกาไม่หยุด”
ไม่รู้อะไรทำให้น้ำหวานถามออกไปแบบนั้น เธอเป็นคนที่ประหลาดอย่างหนึ่ง คือถ้าคิดอะไรก็จะพูดออกมาโดยไม่ทันได้คิด ซึ่งบางครั้งก็เกิดปัญหากับคนที่เธอตั้งคำถาม แต่มันเป็นไปโดนอัตโนมัติ
“ปะ เปล่า หมอไม่ได้เป็นอะไร แต่คุณหวานออกไปดูแม่เถอะ หมอขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หมอพูดตะกุกตะกัก ก่อนจะลุกขึ้นไป และเดินเข้าไปในห้องน้ำในห้องพัก
น้ำหวานมองตามอย่างสงสัยที่หมอดูรีบร้อน เธอมองตามจึงเห็นหมอเอามือกุมเป้ากางเกงที่ตุงขึ้นจนเห็นได้ชัด นั่นทำให้น้ำหวานรู้ว่าหมอไม่ได้คันขา แต่หมอ......
แค่คิดน้ำหวานก็หน้าแดงขึ้น เธอทำงานในผับ ทำไมจะไม่รู้ว่าหมอเป็นอะไร แทนที่จะเดินออกจากห้องไป น้ำหวานก็เดินไปที่หน้าห้องน้ำ และก็จริงอย่างที่เธอคิด หมอกำลัง.....
“ซี๊ดดดดด เสียวจัง” เสียงหมอครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน
“หวาน ๆ หนู ซี๊ดดดดด หมอกำลังจะเสร็จแล้ว อ่าร์ววว”
น้ำหวานตกใจที่ได้ยินชื่อของเธอในตอนที่แอบดูหมอเพราะประตูปิดไม่สนิท ภาพที่เห็นน้ำหวานคือหมอยืนอยู่หน้ากระจกและถอดกางเกงให้ทิ้งลงมากองที่เท้า กางเกงในสีขาวก็ถูกดึงลงมา มือของหมอชักรูดท่อนลำเอ็นที่ใหญ่ยาวมากกว่าที่เธอเห็นของอเนกวันนี้เสียอีก
หมอใช้มือหนึ่งชักรูดลำเอ็นขึ้นลง อีกมือค้ำที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าไว้แน่น ใบหน้าแหงนมองเพดานครางออกมาไม่หยุด
“หวานจ๋า หนูหวาน หมอจะอัดใส่หนูแล้วนะ ซี๊ดดดดด”
หมอคราง พร้อมกับอัดสะโพกใส่มือตัวเอง พร้อมกับชัดรูดเร็วขึ้น จนกระทั่ง “ อ่าร์ ซี๊ดดดดด หวาน หวาน”
น้ำหวานเห็นหมอตัวเกร็งกระตุกและปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจำนวนมาก และจังหวะนั้นที่หมอลดใบหน้าลงมองกระจก ทำให้ประสานสายตากับดวงตากลมโตของน้ำหวานอย่างจัง
“หนูหวาน!!!!!” หมอร้องขึ้นอย่างตกใจ
น้ำหวานก็ตกใจ จึงรีบวิ่งออกจากห้องพักของหมอไปอย่างรีบร้อน เธอกำลังจะวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉินที่แม่นอนพักฟื้นอยู่
น้ำหวานกึ่งเดินกึ่งวิ่งมา และยกมือขึ้นทาบอก จนทำให้รู้ว่า
“เอะ กระดุมเสื้อหลุดตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”
น้ำหวานก้มมองอกอวบๆ ที่แม่ให้มาของตัวเอง ก่อนจะเห็นว่ามันเปิดเผยให้เนินเนื้อที่อยู่ใต้เสื้อชั้นในลูกไม้เซ็กซี่สีชมพู
“นี่สินะ ที่ทำให้หมอต้องทำแบบนั้น หนูไม่ได้อ่อยหมอนะคะ”
น้ำหวานพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะกลัดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย และรีบเดินไปหาแม่ต่อไป
“อ้าว..หวานมาแล้วเหรอ แล้วหมอว่ายังไงบ้างล่ะ”
ป้าอารีถามขึ้นเมื่อเห็นน้ำหวานกลับออกมาจากห้องหมอ
“หมอบอกว่าแม่ต้องผ่าตัดค่ะป้า อาจจะใช้เงินถึง 3 แสน เพราะถ้ารอคิวผ่าตัดที่โรงพยาบาลรัฐบาล แม่อาจจะอาการแย่ก่อนได้ ต้องส่งแม่ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชน” น้ำหวานบอกป้าอารีไปตามตรง และถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“แล้วหวานมีเงินเหรอลูก 3 แสนเชียวนะ”
ป้าอารีได้ยินก็พลอยตกใจไปด้วย เพราะรู้ฐานะการเงินของสองแม่ลูกดี
น้ำทิพย์เปิดร้านกาแฟเล็กที่หน้าบ้าน ขายน้ำหวาน กาแฟ และขนมไทยเล็กๆ น้อย ๆ ส่วนน้ำหวานก็ทั้งเรียน ทั้งทำงานพิเศษที่ผับ ถ้าวันหยุดน้ำหวานก็มาช่วยน้ำทิพย์ขายกาแฟที่ร้าน ซึ่งก็พอขายได้เพราะราคาไม่แพง นอกจากนี้น้ำทิพย์ยังมีฝีมือในการทำขนมไทยทุกชนิด โดยจะทำให้ป้าอารีนำไปขายที่ตลาดนัดใกล้บ้าน หรือเดินขายตามสถานที่ละแลกนี้รวมทั้งที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย แต่ถึงจะทำงานเพื่อหารายได้ทุกทาง มันก็แค่พอกินพอใช้ และผ่อนค่าจำนองบ้าน ต้องใช้หนี้ที่ก่อไว้เพราะสามีเลวๆ คนนั้น...
“หนูมีแค่ 5 หมื่นค่ะป้า แต่จะลองไปถามนายคมเดชดูเผื่อเขาจะมีมาช่วยแม่บ้าง” เธอบอกออกไปทั้งที่รู้ว่าคงยาก แต่ก็อยากจะลองดู
“มันจะดีเหรอน้ำหวาน ป้าว่ามันอันตรายเกินไปนะ” ป้าอารีรีบบอก หญิงสาวอย่างไม่เห็นด้วย นางไม่คิดว่านายคมเดชจะช่วย
“มันจำเป็นค่ะป้า แต่หวานจะระวังตัวนะคะ” น้ำหวานก็รู้ว่ามันอันตราย แต่ก็จำเป็นที่จะต้องเสี่ยง
คมเดชเลิกกับแม่เธอเมื่อ 9 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีสายใยเชื่อมกันอยู่คือน้ำมนต์ลูกของเขากับน้ำทิพย์นั่นเอง
ส่วนสาเหตุที่เลิกกันก็เพราะ.......