เรียกว่าตกใจยังน้อยไปด้วยซ้ำที่เขาจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ากันในเวลาแบบนี้ แทนที่จะอยู่ในงานศพเหมือนคนอื่น ๆ
“จะไปไหน” เพราะคนที่ตั้งใจว่าจะมารับไปวัดเลือกที่จะหันหนี การกระทำนั้นเลยให้รณพีร์รู้สึกโกรธจนต้องรั้งหล่อนไว้ด้วยการกระชากแขนไว้แรง ๆ ราวกับจะหาที่ระบายอารมณ์ของตัวเองก็ไม่ผิด
“พี่พี ข้าวเจ็บค่ะ”
“เจ็บเท่าพ่อเธอหรือเปล่า!” เพราะได้มาเห็นสถานที่เดิม ๆ ที่คนจากไปเคยเดินไปเดินมาให้ได้เห็นทุกวัน เขาจึงตวาดกลับไปด้วยประโยคที่รุนแรงพอตัว กว่าจะรู้ว่าพูดแรงไปก็สายเกินจะถอนคำพูดเสียแล้ว
“พี่พี! ข้าวไม่ได้อยากให้พ่อตายนะคะ” คนถูกกล่าวหาอธิบายทั้งน้ำตา ไม่อยากจะเชื่อว่าแม้แต่เขาก็ยังคิดว่าเธออยากให้พ่อของตัวเองตาย ทั้ง ๆ ที่ความจริงเธอคือคนที่สูญเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับ ไร้ซึ่งพ่อชีวิตของเธอจะเป็นยังไงต่อ ใครเลยจะคอยปกป้องดูแลเธอเหมือนอย่างที่ผ่านมา เขาเคยคิดจะถามกันบ้างไหมว่าเธอรู้สึกยังไงตอนนี้ จะเจ็บปวดแค่ไหนกับสิ่งที่เป็นอยู่
“แต่ก็เป็นต้นเหตุ” รณพีร์ยังคงไม่หมดสิ้นคำถากถางที่คนอื่นทำได้แค่คิด แต่เขาเป็นคนเดียวที่กล้าพอที่จะพูดมันออกมาตรง ๆ
หากไม่ใช่เพราะความเอาแต่ใจของเธอ ลุงที่เขารักและให้ความเคารพราวกับพ่อแท้ ๆ ก็คงไม่ต้องมาด่วนจากไปกะทันหันแบบนี้
“ค่ะ ข้าวผิดเอง ทั้งหมดเป็นเพราะข้าว พอใจหรือยังคะ ถ้าพอใจแล้วก็ปล่อย เกลียดกันนักต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมายุ่ง ข้าวเองก็จะไม่ไปยุ่งกับพี่เหมือนกัน” ในเมื่อเขาเกลียดเธอขนาดนี้ต่อไปก็ไม่ต้องมายุ่ง
เธอจะถือเสียว่านอกจากต้องเสียพ่อไปแล้ว เธอยังต้องมาเสียพี่ชายอย่างเขาไปด้วย ต่อไปนี้เธอจะไม่วิ่งตามเขาอีกแล้ว
“คิดว่าฉันอยากยุ่งกับคนน่ารำคาญอย่างเธอนักหรือไง จะบอกอะไรให้เอาบุญ ลองถ้าเธอไม่ได้เป็นลูกสาวของลุงชัย แม้แต่หน้าฉันก็แทบไม่อยากมอง” ความจริงที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดนั้นสร้างความตกใจแก่คนได้ฟังไม่น้อย แม้ที่ผ่านมาจะรู้ว่าเขารำคาญกันแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะพูดออกมาเหมือนอย่างวันนี้ วันที่เธอต้องมาได้ยินกับหูว่าเขาเกลียดเธอมากเหลือเกิน
“พี่พีเกลียดข้าวมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” หญิงสาวย้อนถามท่ามกลางความรู้สึกที่กำลังเลื่อนลอยไปไกล ไม่คิดจริง ๆ ว่าเขาจะเกลียดกันถึงขนาดนี้ แต่ไหน ๆ เธอก็เจ็บจนเจียนจะตายอยู่แล้ว จะเจ็บอีกสักนิดจะเป็นไร
“ใช่ ฉันเกลียด” ความโกรธผลักดันให้รณพีร์เลือกที่จะตอบกลับด้วยคำพูดที่ไม่เป็นความจริง ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเด็กคนนี้มันเป็นความรู้สึกรำคาญมากกว่าจะเกลียด แต่เพราะหล่อนปากดีใส่เขาจึงเลือกที่จะสนองกลับด้วยความเจ็บที่มากกว่า
“ข้าวเข้าใจแล้วค่ะ ขอโทษด้วยถ้าที่ผ่านมาข้าวทำตัวน่ารำคาญ นับจากนี้ไปข้าวจะไม่ยุ่งกับพี่อีก ข้าวจะเลิกรักพี่” คำพูดนั้นทำให้รณพีร์โกรธจนหน้ามืด เพราะไม่คิดว่าเด็กที่เอาแต่วิ่งตามเขามาตั้งแต่เริ่มตั้งไข่จะกล้าพูดอะไรแบบนี้ใส่หน้ากัน คำพูดเด็ดขาดของเธอทำให้คนที่เคยเป็นที่หนึ่งมาตลอดรับไม่ได้ อย่างไรก็รับไม่ได้
“น้ำหน้าอย่างเธอเลิกรักฉันไม่ได้หรอกขวัญข้าว” เธอไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจผิด ๆ แบบนี้มาจากที่ไหน แต่มันใช่ เขาพูดถูก เธอไม่มีวันเลิกรักเขาได้ แต่อย่างน้อยมันก็แค่ตอนนี้เท่านั้น
วันหนึ่งหากเธอเจ็บปวดเพราะเขามากพอ เธอเชื่อว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะรู้สึกรักผู้ชายคนนี้ แม้จะไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไร แต่เธอเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น เพราะเขาไม่เคยมองมาที่เธอเลย
ไม่มีประโยชน์ที่จะมัวไปเฝ้ารอความรักจากคนที่ไม่มีวันมารัก สุดท้ายแล้วเธอจะได้แค่ความรู้สึกเสียเวลากลับมา
“ข้าวจะทำให้ได้ค่ะ สักวันข้าวต้องได้เจอผู้ชายที่ข้าวจะรักมากกว่าที่ข้าวเคยรักพี่ แล้วถ้าวันนั้นมาถึงเมื่อไรแม้แต่หน้าพี่ข้าวก็จะไม่แล…อื้อ” ครั้งนี้รณพีร์ไม่ทนฟังจนจบ เขากระชากแม่ตัวดีเข้าหาก่อนจะทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเขาเองยังตกใจนั่นคือการปิดเสียงอันน่ารำคาญของหล่อนด้วยจูบรุนแรงนานนับนาที ก่อนจะผละออกพร้อม ๆ กับใบหน้าที่สะบัดไปตามแรงตบทันทีที่เจ้าตัวได้รับอิสระ
“คนเลว!” ขวัญข้าวตวาดคนใจร้ายที่เพิ่งจะช่วงชิงจูบแรกในชีวิตของเธอไปอย่างป่าเถื่อน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะรักเขามากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยคิดอยากให้เขาทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้กับเธอเลยสักครั้ง
“ฉันเลวได้ไม่ถึงครึ่งของเธอหรอก พ่อตายได้ยังไม่ทันข้ามคืนก็คิดจะมีผัว ฉันถามจริง ๆ เถอะ ตกลงแล้วเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่ จะใสซื่อหรือจะร่านก็เลือกเอาสักอย่าง” ท่าทีที่เหมือนจะขยะแขยงกันเหลือเกินของอีกฝ่ายที่กำลังแสดงออกมาให้ได้เห็นนั้นยิ่งทำให้รู้สึกอยากสั่งสอน อารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นทำให้เขาตวาดถามก่อนจะกระชากร่างบอบบางเข้าหาตัวอย่างแรง กักขังคนปากดีเอาไว้ด้วยอ้อมแขนที่รัดแน่นจนเธอต้องร้องประท้วงขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บ หากแต่ความเจ็บที่กายกลับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บที่ใจ
“ข้าวจะเป็นแบบไหนมันก็เรื่องของข้าว ปล่อย! ข้าวบอกให้ปล่อยไง”นอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยกันแล้วนั้นยังรัดเธอแน่นขึ้นทำให้เธอหยุดต่อต้าน เพราะสำนึกได้ว่ายิ่งทำแบบนั้นมันก็ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจของเขา และนั่นหมายถึงเธอต้องเจ็บตัวมากขึ้นไปด้วย
“ฉันปล่อยแน่ คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้ผู้หญิงน่ารำคาญอย่างเธอนักหรือไง”เพราะจิตใต้สำนึกสั่งการรวดเร็วกว่าสมอง กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ตอนที่ได้เห็นร่างของคนในอ้อมแขนถูกเหวี่ยงล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นนั่นแล้ว
แม้จะรู้สึกผิดที่เผลอทำให้ลูกสาวของคนที่ตนเองรักและเคารพเสียยิ่งกว่าพ่อแท้ ๆ ได้รับบาดเจ็บ แต่พอมาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แทนที่จะเดินเข้าไปช่วยรณพีร์กลับเลือกที่จะยืนมองดูภาพตรงหน้าอยู่เฉย ๆ ทำราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันทั้งนั้น
ลุงชัยคือคนที่เข้าใจเขามากที่สุด เขาไม่อยากเรียนหมอ ท่านก็อุตส่าห์ไปช่วยพูดให้จนในที่สุดพ่อกับแม่ก็ยอมให้เขาได้เลือกเรียนคณะที่อยากเรียน มาวันนี้ท่านไม่อยู่แล้ว ต่อจากนี้ไปใครกันจะอยู่ให้กำลังใจในวันที่เขารู้สึกท้อแท้ ใครกันที่จะคอยบอกให้สู้ในวันที่แม้แต่เรี่ยวแรงจะไปต่อยังแทบไม่มี เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้สึกใจสลายกับการจากไปของท่าน และคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะทนมองหน้าคนที่เป็นต้นเหตุหลักของเรื่อง อย่างน้อยก็เวลานี้
“เกลียดข้าวมากเลยเหรอคะ ข้าวไปทำอะไรให้ ฮึก! ทำไมทุกคนถึงได้พากันเกลียดแต่ข้าว ทำไมถึงคิดว่าข้าวจะมีความสุขที่ได้เห็นพ่อตัวเองต้องตาย” คนที่ตั้งใจว่าจะเดินหนีชะงักฝีเท้าลงเมื่อเจอเข้ากับประโยคที่แม้แต่เขาเองก็ให้คำตอบเธอไม่ได้
“ตอบข้าวมาสิคะ ตอบข้าวมา” เพราะเขาเอาแต่เงียบขวัญข้าวจึงรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้น ก่อนจะปรี่เข้าไปทุบตีคนใจร้ายให้สาสมกับความเจ็บปวดที่เธอกำลังได้รับอยู่
“หยุด! ฉันบอกให้หยุดไงขวัญข้าว”
“ไม่! ข้าวไม่หยุด ข้าวเกลียดพี่ ได้ยินไหมว่าข้าวเกลียด…อื้อ” คำว่าเกลียดของคนที่เคยพร่ำบอกว่ารักเขาอย่างนั้นรักเขาอย่างนี้ทำให้รณพีร์โกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
กว่าจะได้สติเขาก็พบว่าตัวเองเผลออุ้มคนปากเก่งเข้ามาในบ้านแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนเขาไม่ทันได้คิดถึงผลที่อาจจะตามมาหลังจากนี้ นาทีนี้เขารู้เพียงแต่ว่าการได้สั่งสอนให้คนที่บัดนี้ถูกกดให้ล้มลงไปนอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่นได้รู้สำนึกว่าไม่ควรยั่วยุเขาด้วยคำว่าเกลียด เพราะว่าเธอไม่มีสิทธิ์พูดมันกับเขา
“พี่พี ปล่อยข้าว อื้อ” เป็นครั้งแรกที่ขวัญข้าวรู้สึกกลัวรณพีร์อย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน จูบที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์รุนแรงของเขาทำให้เธอดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต หากแต่เธอก็ทำได้แค่นั้น เพราะเรี่ยวแรงของเธอกับเขามันช่างต่างกันเหลือเกิน
“เธอแส่หาเรื่องเอง จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้รู้ว่ามันไม่ได้เกิดจากความรัก จำไว้!” คำพูดนั้นสิ้นสุดลงไปพร้อม ๆ กับสติที่เหลืออยู่ เขายังคงซุกไซ้จูบไปทั่ววงหน้าอ่อนหวานอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่อีกฝ่ายก็ขัดขืนสุดกำลังเช่นกัน หากแต่เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของเธอนั้นกลับไม่ช่วยอะไร