“แกมีอะไรจะแก้ตัวไหม” เมื่อตั้งสติได้ซึ่งก็กินเวลาไปนานหลายนาทีทีเดียว กมลก็ไม่รีรอที่จะเรียกคนทั้งคู่มาเค้นถามถึงเรื่องที่นางเพิ่งได้ยินที่ห้องรับแขกที่ชั้นล่างของบ้าน โดยมีสามีนั่งหน้าเครียดอยู่ใกล้ ๆ ทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่านรอบกายเต็มไปด้วยความเงียบ กระทั่งเสียงเข้มของคนถูกถามดังทำลายความเงียบขึ้นมา
“ไม่มีครับ” สิ้นคำตอบใบหน้าของรณพีร์ก็สะบัดไปตามแรงตบของมารดา ที่รู้สึกผิดหวังปนเสียใจไม่น้อยที่ต้องมารับรู้ถึงเรื่องที่ลูกชายกับขวัญข้าวร่วมกันปิดบังมาตลอดหลายปี
“ทำไมทำกับน้องแบบนั้น แม่ไม่เคยสอนให้แกเป็นคนแบบนี้ ไม่เคย!”หากไม่เป็นเพราะนางเกิดลืมของขวัญที่เตรียมเอาไว้ให้เพื่อนสนิทก็คงไม่มีใครยอมเปิดปากพูดถึงเรื่องบ้า ๆ นี้ และคงไม่มีใครได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคนบ้างในคืนนั้น คืนที่นางยังจดจำได้ดี เพราะเป็นคนสั่งให้ลูกชายไปรับหนูข้าวที่ถูกแม่และน้องสาวทิ้งไว้ที่บ้าน
“ผมขอโทษครับ” เห็นได้ชัดว่าคำขอโทษของลูกชายนั้นคงไม่เพียงพอต่อสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป มีแค่ทางออกเดียวเท่านั้นในตอนนี้ที่น่าจะพอทำให้นางกับสามีไม่ต้องรู้สึกผิดต่อคนที่ตายไปแล้วมากกว่าที่เป็นอยู่
“แค่คำขอโทษแกคิดว่าจะจบเรื่องทุกอย่างได้หรือไง แกต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับหนูข้าวให้เร็วที่สุด” เมื่อลูกเป็นคนเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้ด้วยตัวเอง และทางเดียวที่เหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นงานแต่งงานที่ต้องเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด
“แม่!”
“คุณป้าคะ เรื่องที่เกิดขึ้นข้าวผิดเองค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่พี” เป็นขวัญข้าวที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง เมื่อรู้สึกว่าเรื่องราวที่ควรจะเป็นความลับเริ่มบานปลายไปกันใหญ่ เรื่องมันไม่ควรจบลงแบบนั้น
“หนูข้าว”
“ข้าวรักพี่พีค่ะ แต่ไม่ว่าข้าวจะทำยังไงพี่พีก็ไม่เคยเห็นข้าวอยู่ในสายตา ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าวคนเดียวค่ะ ข้าวทำให้พี่พีโกรธจนเกิดเรื่องขึ้น ข้าวผิดเองค่ะ” แม้จะรู้ว่าการออกหน้ารับเป็นคนผิดจะยิ่งทำให้ตัวเองต้องดูแย่ในสายตาใครต่อใคร แต่เธอยอมหากนั่นมันจะช่วยทำให้เธอไม่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอ ทว่าคนถูกปกป้องกลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นใครเป็นคนเริ่มต้นและสานมันจนจบ
ย้อนกลับไปในวันนั้น
คืนสวดอภิธรรมศพคืนแรกของผู้จากไปเต็มไปด้วยบรรดาญาติสนิทและเพื่อนร่วมงานที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัย จะขาดก็แต่ลูกสาวสุดที่รักที่ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน เหตุใดถึงปล่อยให้แม่กับน้องสาวยืนรับแขกอยู่ที่หน้างานเพียงสองคน เดือดร้อนกมลที่รู้ถึงการหายไปของเด็กสาวต้องหันไปกระซิบบอกลูกชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“แม่ได้ยินว่าหนูข้าวถูกทิ้งให้อยู่เฝ้าบ้านคนเดียว พีขับรถไปรับน้องหน่อยได้ไหมลูก” นางว่าพร้อมกับมองท่าทีลูกชายไปพร้อมกัน
“ผมไม่อยากไปครับ” ซึ่งรณพีร์ก็ตอบรับกลับมาด้วยคำปฏิเสธ บอกให้รู้ว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ ที่แม้จะไม่ใช่ตัวผู้ก่อเหตุ แต่เด็กคนนั้นก็เป็นต้นเหตุทำให้คนดี ๆ อย่างลุงชัยต้องจากไป และตอนนี้เวลานี้เขาเกลียดเธอจนไม่อยากแม้แต่จะเจอหน้า
“ตาพี!”
“ถึงขนาดนี้ แม่ยังมองว่าเด็กนั่นเป็นคนน่าสงสารอยู่อีกเหรอครับ ถ้าไม่ใช่เพราะความเอาแต่ใจของเธอลุงชัยก็คงไม่ตาย”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะตาพี เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น แกคิดจริง ๆ เหรอว่าน้องอยากให้พ่อของตัวเองตาย” แม้ใครต่อใครจะคิดแบบนั้นแต่กมลกลับเห็นต่างไป
คนที่ใจสลายที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหนูข้าว ที่ตั้งแต่เล็กจนโตเด็กคนนั้นมีแต่พ่อที่รักและให้ความอบอุ่น เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับและก้าวเดินต่อไป อย่างน้อยก็เพื่อที่คนจากไปจะได้หมดห่วง
“ไม่เอาน่าคุณ ถ้าลูกมันไม่อยากไปก็อย่าไปบังคับมันเลย หนูข้าวไม่เป็นไรหรอก เด็กคนนั้นเข้มแข็งกว่าที่เราทุกคนคิด ส่วนแกตาพี ถ้าไม่คิดจะทำตามสัญญาก็อย่าเที่ยวไปรับปากใครง่าย ๆ ว่าจะดูแลลูกสาวของเขา เกิดเป็นลูกผู้ชายถ้าพูดแล้วทำไม่ได้ก็อย่าพูดมันเลยเสียจะดีกว่า” คำพูดของผู้เป็นพ่อที่ดังขึ้นมานั้นทำให้รณพีร์ถึงกับพูดไม่ออก หนนี้เขาไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาเถียงต่อได้ เพราะทุกคำที่ท่านพูดล้วนแล้วแต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น มันทำให้เขาต้องหันกลับไปมองรูปถ่ายหน้าศพของคนที่จากไปอย่างคิดไม่ตก
‘ถ้าวันหนึ่งลุงไม่อยู่แล้ว พีสัญญากับลุงได้ไหมว่าจะช่วยดูแลน้อง ๆ แทนลุง โดยเฉพาะข้าว’
‘อย่าพูดแบบนี้สิครับลุง’
‘ชีวิตคนเรามันเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกนะพี ลุงแค่อยากมั่นใจ ว่าถ้าวันหนึ่งลุงเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะมีคนดูแลยัยขวัญกับยัยข้าวแทนลุง พีรับปากลุงได้ไหมว่าจะไม่ทิ้งน้องโดยเฉพาะข้าว’ ห่วงเดียวที่มีเห็นจะหนีไม่พ้นลูกสาวคนโตที่ไม่ได้รับความรักเท่าเทียมกับคนที่เป็นน้องสาว หากขาดเขาไปสักคนลูกสาวคนโตอย่างขวัญข้าวก็คงหมดที่พึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ครั้นจะฝากฝังเรื่องนี้กับภรรยาก็เห็นจะไม่ช่วยอะไร เพราะอีกฝ่ายรักแต่ลูกสาวคนเล็ก เห็นจะมีก็แต่เด็กคนนี้เท่านั้นที่เขาพอจะฝากฝังให้ช่วยดูแลลูกสาวที่น่าสงสาร และเขาก็เชื่อว่าเด็กคนนี้จะไม่มีวันทำให้เขาต้องผิดหวัง
‘ผมสัญญาครับ ผมจะดูแลน้อง ๆ ให้เอง ลุงไม่ต้องห่วงขวัญกับข้าวนะครับ’ใช่! นั่นเป็นคำสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับคนที่ตอนนี้เวลานี้ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ยิ่งคิดถึงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจของท่านในวันนั้น ความรู้สึกผิดก็แล่นสู่กลางใจแทบจะทันที ผมขอโทษครับลุง
เป็นอีกครั้งที่เธอถูกทิ้งไว้ที่บ้านขณะที่ทุกคนอยู่ที่วัดกันหมด ขวัญข้าวไม่ได้โกรธหรือโทษใคร เพราะรู้ดีว่าการจากไปของพ่อส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะเธอ ไม่ผิดที่แม่กับน้องสาวจะเกลียดกันจนไม่อยากมองหน้า ไม่ผิดที่ทุกคนจะคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมาจากเธอ
หญิงสาวยังคงยืนแน่นิ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน สถานที่สุดท้ายที่เธอได้เจอพ่อ ได้กอดได้หอมก่อนที่ท่านจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เพียงเพราะแค่อยากทำให้เธอหยุดร้องไห้ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นโดยที่เธอไม่ทันจะได้เตรียมใจสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกินกว่าใครจะมาเข้าใจได้ จากนี้ชีวิตเธอจะเป็นยังไง เธอจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ในเมื่อคนที่เป็นดั่งที่พึ่งสุดท้ายของชีวิตได้จากไปแล้ว
หญิงสาวคิดก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวตั้งใจจะกลับเข้าบ้าน มันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูไม้หน้าบ้านถูกเปิดด้วยฝีมือของคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ ในเวลานี้ได้
“พี่พี!”