“เอ่อ...ถ้างั้นคุณพอจะรู้จักสาวไฮโซที่มาจากกรุงเทพ มาเป็นอาสาพัฒนาชุมชนอยู่ที่โคกสำราญมั้ยครับ เธอตัวเล็กๆ เท่าบ่าของผม ท่าทางแก่นแก้ว เอาแต่ใจ ซนเป็นลิง อ้อ...มีจุดสังเกตง่ายๆ นะครับ ฟันข้างหน้าของเธอจะเหยินนิดๆ”
สารวัตรหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ ระงับอาการหัวเราะไว้แทบไม่อยู่เมื่อเห็นนัยน์ตาของอีกฝ่ายลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ
นีนนาราหมดความอดทนกับท่าทางยียวนกวนประสาทของอีกฝ่าย เธอรู้สึกหมั่นไส้อีตาตำรวจขี้เต๊ะตั้งแต่ลงมาจากรถแล้ว แหม...มาเป็นสารวัตรได้ไม่ถึง 1 วัน ก็ทำบ้าอำนาจบังคับให้ลุงผิวเป็นคนขับรถให้ ลงมาถึงก็ทำตาหวานใส่สาวๆ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก และที่ทำให้อารมณ์ของเธอขาดผึงก็ตรงไอ้คำพูดยียวน หาว่าเธอซนเป็นลิง แถมยังมาว่าเธอฟันเหยินด้วย หญิงสาวลุกขึ้นยืนจากท่าก้มดำนาเมื่อสักครู่รู้สึกหมั่นไส้ใบหน้าหล่อๆ เต็มกำลัง เธอสะบัดแขนสะบัดขาแรงๆ ตั้งใจให้ดินโคลนที่เลอะติดตามแขนขากระเด็นไปโดนคนบนคันนา
“เฮ้ย!”
ปวรุตม์กระโดดโหยงเหมือนกบ หลบดินโคลนที่กระเด็นมาเปื้อนใบหน้าและเครื่องแบบตำรวจที่สวมอยู่ เขาไม่ได้รังแกดินโคลนที่อีกฝ่ายสะบัดใส่ แต่กลัวจะเปื้อนเครื่องแบบแล้วซักไม่ออกเสียมากกว่า
นีนนาราหัวเราะด้วยความขบขำเมื่อปวรุตม์กระโดดหลบไปอีกทาง เธอก็เอามือจุ่มไปในโคลนเละๆ แล้วสะบัดใส่ปวรุตม์อีกครั้ง
“ยายฟันเหยิน! พอแล้ว ฉันรู้นะว่าเป็นเธอ”
ปวรุตม์กัดฟันกรอดๆ ใบหน้าหล่อๆ แดงก่ำด้วยความโมโหที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนแกล้งเอา
‘2 ครั้งแล้วนะ เรียกฉันว่าฟันเหยิน2 ครั้งแล้ว ชักจะทนไม่ไหวแล้ว’ นีนนาราขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธเธอเดินลุยโคลนไปใกล้ๆ ร่างสูงใหญ่จากนั้นก็ผลักปวรุตม์เต็มแรง
“ตูม!”
สารวัตรหนุ่มยังไม่ทันตั้งตัวก็หงายหลังตกไปยังท้องนาด้านหลัง น้ำในทุ่งนาแตกกระจาย ต้นข้าวสีเขียวขจีที่กำลังขึ้นสวยงามหักเป็นแถบเมื่อร่างสูงใหญ่ของปวรุตม์หงายท้องลงไป
ชาวบ้านที่กำลังช่วยกันดำนารวมทั้งดาบผิวต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะดาบผิวรีบวิ่งมายังสารวัตรหนุ่มกำลังจะลงไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้นแต่ถูกอีกฝ่ายห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้อง” ปวรุตม์ลุกขึ้นจากน้ำแล้วปีนขึ้นมาบนคันนา
นีนนาราหัวเราะขบขำจนตัวงอเมื่อเห็นสภาพของสารวัตรปวรุตม์ เส้นผมดำขลับที่ตัดเป็นระเบียบตอนนี้เต็มไปด้วยดินโคลน ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำมีสาหร่ายน้ำติดอยู่ เครื่องแบบตำรวจเปราะเปื้อนไปด้วยดินโคลน
“ดูไม่จืดเลยนะคุณตำรวจสุดหล่อ” นีนนาราเอ่ยเยาะเย้ยปนเสียงหัวเราะไม่สนใจอาการโกรธเป็นไฟของคนตัวใหญ่
“ยายนารา!” ปวรุตม์ตวาดเสียงดัง ใบหน้าแดงก่ำ พยายามระงับความโมโหไว้จนสุดความสามารถ
“เรียกทำไม” นีนนาราตวาดกลับ ไม่ยอมขึ้นจากท้องนา นัยน์ตาวาววับภายใต้ผ้าโพกหน้าจ้องกลับอีกฝ่ายโดยไม่ลดละ
“ขึ้นมานี่เลย” ปวรุตม์เท้าสะเอวเอ่ยสั่งลืมนึกไปว่านีนนาราไม่ใช่ลูกน้องของตนมีหรือที่สาวน้อยจะยอมทำตามง่ายๆ
“ขึ้นให้โง่! แน่จริงก็ลงมาสิหรือว่าเป็นตำรวจเจ้าสำอาง รังเกียจกลิ่นโคลนสาบควายไม่กล้าลงมา”
นีนนาราท้าแหยงๆ พร้อมกับตั้งหลักรอ
“ไม่ต้องท้า ลงไปแน่!”
ปวรุตม์กัดฟันกรอดๆ ถอดรองเท้าหนังแท้เลอะโคลนกับถุงเท้าออก
“อย่าให้ฉันจับได้นะยายนารา ฉันจะตีก้นให้นั่งไม่ได้หลายวันเลย”
ปวรุตม์เอ่ยขู่ เมื่อถอดถุงเท้าเรียบร้อยก็กระโดดลงไปในทุ่งนาทันที นีนนาราตั้งหลักรออยู่แล้วพออีกฝ่ายกระโดดลงมาเธอก็โกยแนบ แต่คนขาสั้นอย่างนีนนารามีหรือจะวิ่งหนีคนสูงใหญ่ขายาวอย่างสารวัตรปวรุตม์พ้น ยิ่งวิ่งหนีลุยโคลนด้วยยิ่งทำให้วิ่งลำบาก ไม่กี่อึดใจปวรุตม์ก็คว้าร่างบอบบางนุ่มนิ่มมาได้ สารวัตรหนุ่มรวบร่างบางแล้วแบกใส่บ่าเหมือนกระสอบข้าวพาเดินขึ้นไปบนเถียงนา
“กรี๊ด!...ไอ้ปวรุตม์ ปล่อยเขานะ”
นีนนารากรีดลั่นทุ่ง มือบางทุบแผ่นหลังแข็งแกร่งหนักๆ แต่ปวรุตม์ไม่รู้สึกสะเทือนสักนิด นีนนาราชักจะมึนเมื่อถูกห้อยหัวโตงเตงนานๆ พอปวรุตม์เดินผ่านดาบผิว หญิงสาวก็เอ่ยขอความช่วยเหลือ
“ลุงผิว ช่วยนาราด้วย”
ดาบผิวหัวเราะแฮะๆ เห็นใบหน้าถมึงทึง นัยน์ตาลุกเป็นไฟน่ากลัวของสารวัตรหนุ่มแล้วใครจะกล้าเข้าไปช่วย ดาบผิวถือคติว่า ‘น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ’
“สารวัตรเบาๆ มือหน่อยนะครับ คุณนาราตัวยิ่งเล็กๆ อยู่” ดาบผิวเอ่ยกลั้วหัวเราะ เดาได้ว่าอีกไม่กี่เดือนคุณนีนนาราต้องกลายมาเป็นคุณนายตำรวจแน่นอน
สารวัตรปวรุตม์ทำหน้าถมึงทึงสาวเท้ายาวๆ เดินมาที่เถียงนาเสร็จแล้วก็โยนร่างบางลงโครมไปบนเถียงนาที่ทำเป็นเพิงพักผ่อนแบบง่ายๆ
“โอ๊ย!...เจ็บนะ โยนมาได้ไง คนนะไม่ใช่กระสอบข้าว” นาราลูบเบาๆ ตรงก้นกบที่กระแทกกับพื้นแข็งๆ ปากบางร้องโอดครวญออกมาดังๆ ด้วยความเจ็บ นาราเงยหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่ที่กำลังจ้องมองมาอย่างโกรธๆ ร่างบางระหงกระเถิบถอยหลังเมื่อร่างสูงใหญ่ถมึงทึงน่ากลัวสาวเท้าเข้าหาช้าๆ อย่างกับพรานกำลังจะล่าเนื้อ…
ปวรุตม์ทรุดตัวลงนั่งแล้วดึงร่างบางที่กระเถิบหนีให้มานอนคว่ำพาดบนตักจากนั้นมือใหญ่ก็ฟาดหนักๆ ลงไปบนก้นงามงอน
“ป๊าบ!” มือใหญ่ที่ฟาดหนักๆ ลงมาบนก้นทำเอานาราน้ำตาเล็ด หญิงสาวดิ้นขลุกขลักบนตักใหญ่อบอุ่น ปากบางตะโกนด่าไม่ได้หยุดปาก
“เจ็บ! ปล่อยนะไอ้ตำรวจบ้า ตีเขาทำไม”
“ขอโทษก่อนแล้วจะปล่อย” ปวรุตม์กัดฟันพูด
“ไม่!” นาราปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมขอโทษง่ายๆ
“ป๊าบ!” ปวรุตม์ซัดลงไปอีกครั้ง นารากัดริมฝีปากแน่นเจ็บจนน้ำตาร่วงแต่ไม่ยอมเอ่ยขอโทษ
“เฮ้อ!...ตีไปก็ตายเปล่า”
ปวรุตม์รับรู้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่หยดลงมาสัมผัสต้นขา สารวัตรหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ดึงร่างบางให้นั่งซ้อนบนตักกว้าง คนที่เจ็บใช่จะเป็นแค่นาราคนเดียว เขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยกว่าคนตัวเล็กที่กำลังซบหน้ากับอกกว้าง
“ทำไมไม่ตีให้ตายไปเลย เมื่อ 5 ปีก่อนก็ทำร้ายเขามาครั้งหนึ่งแล้ว อุตส่าห์หนีมาตั้งไกลยังจะตามมาทำร้ายเขาอีก” นาราตัดพ้อกับอกกว้างพร้อมกับสะอื้นฮักด้วยความน้อยใจ