[ น้ำพุ TALK ]
"เดี๋ยวนี้กูไม่เห็นน้องขนมปังมาหามึงเลยนะ" ไอ้บีเอ็มยืนพิงกรอบประตู เลิกคิ้วถามผมอย่างใคร่รู้
"ขนมปัง?" คิ้วหนาย่นถามถึงบุคคลที่มันเอ่ยถึง
"ก็น้องข้างบ้านมึงไง หายเงียบไปเลย"
"ไม่รู้ดิ" ผมตอบตามความจริง เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากวันนั้นซีเซียหายไปไหน จะบอกเธอหลบหน้าผมก็คงจะใช่มั้ง
ต่อให้ผมบอกว่ายังอยากเป็นเหมือนเดิม แต่เธอก็อาจจะใช้เวลาสักนิด ผมปรายสายตาไปมองยังบ้านหลังข้างๆ ที่ตอนนี้เงียบเชียบเหมือนไร้ผู้คนภายในบ้าน
"กูหิวแล้วว่ะ ไปหาไรกินกันดีไหมวะ" ไอ้บีเอ็มพูดขึ้นทำลายความคิดของผมให้หยุดลง
ผมพยักตอบรับมันเบาๆ เป็นการเห็นด้วย ก่อนที่เราสองคนจะออกไปหาซื้ออะไรมากินกันที่หน้าซอยของหมู่บ้าน
"มึงดูดิคนนั้นแม่งสวย" ในระหว่างที่รออาหารกันอยู่ สายตายิ่งกว่าเหยี่ยวของไอ้บีเอ็มก็หันควับมาที่ผมให้พยักเพยิดหน้าขึ้นมองตามสายตาของมัน ไปยังอีกฝั่งของถนนที่มีผู้หญิงหนึ่งคนเดินอยู่
"เหรอวะ" ผมตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ สวยไหมนะเหรอ? ไม่รู้สิ ผมไม่ได้ใส่ใจมองถึงขนาดนั้น
"อะไรของมึงวะ ไม่มีส่วนร่วมเลยไอ้เวร แล้วนี่มึงจะไปไหนวะ!" ไอ้บีเอ็มตะโกนเรียกผมเสียงดังลั่น ในตอนที่ผมผุดตัวลุกขึ้นเดิน โดยที่ไม่รอฟังที่มันกำลังพร่ำพูดให้จบประโยคเสียก่อน
"ซีเซีย" มือหนายื่นไปจับข้อแขนบางเอาไว้ จนเธอสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นผม
"เอ่อ... พี่พุเองเหรอคะ" ดวงหน้าสวยแย้มยิ้มให้กันอย่างเช่นทุกที หากแต่ครั้งนี้ผมกลับเห็นรอยยิ้มนั้นดูฝืนๆ ขึ้นมาแทน
"ไม่เจอกันหลายวัน พี่คิดว่าเราไม่อยู่บ้าน"
"พอดีปิดเทอมแล้วเซียเลยไปเที่ยวกับเพื่อนมาน่ะค่ะ ช่วงนี้ก็คงไม่อยู่บ้านบ่อย"
"งั้นหรอกเหรอ" ผมยิ้มตอบ เพราะคิดว่าเธอจะหลบหน้ากันเสียอีก
"ทำไมคะ ไม่มีเสียแล้วพี่พุเหงาเหรอคะ" คนตัวเล็กสบตาถามอย่างติดตลก ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองสายตาของเธอในตอนนี้กลับดูจริงจัง รอฟังคำตอบจากผมอยู่
"ก็ไม่หรอก เที่ยวให้สนุกนะครับ"
"จะไม่เหงา หรือคิดถึงเซียใช่ไหมคะถ้าเซียไม่อยู่จริงๆ " เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น ดวงตาใสยังคงไม่ละไปจากผม ราวกับว่าเธอต้องการคำตอบที่แน่ชัด
"อืม พี่ไม่เหงาหรอก เพื่อนๆ แวะเวียนมาจนปวดหัวแล้วมากกว่า" ถามว่าเหงาไหมนะเหรอ ผมอาจจะแค่ชินที่ได้เจอเธอทุกวันมากกว่า พอไม่เจอมันก็เลยดูขาดบางอย่างไป
"....."
"ยังไงก็ขอให้สนุกนะ" ผมยื่นมือออกไปลูบกลุ่มผมของคนตัวเล็กอย่างเอ็นดูอย่างเช่นทุกที
ซีเซียก้มหน้าลงมองพื้นไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา ผมดึงมือของตัวเองกลับเมื่อเห็นว่าอีกคนยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองกันสักที
"....."
"ซีเซีย.."
"ชอบนะคะ เซียชอบพี่พุมากนะ" เสียงที่ฟังดูสั่นเครือเอ่ยขึ้นบอกผมเสียงแผ่ว แต่เพราะเราสองคนอยู่ใกล้กันมากเลยทำให้ผมได้ยินที่เธอพูดได้ชัดเจน
"....."
"เซียแค่อยากบอกพี่พุเท่านั้น พี่พุไม่ต้องตอบอะไรกลับมานะคะ"
"....."
"ฟู้ววว~ เอาเป็นว่าแล้วเจอกันนะคะ ต่อให้ไม่เหงาไม่คิดถึงเซียในตอนที่เซียไม่อยู่ แต่เซียจะคิดถึงพี่นะคะ ลาก่อนค่ะ" คนตัวเล็กพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนที่จะร่ายคำพูดออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยรอยยิ้ม
"....." ไม่รู้ทำไม คำพูดพวกนั้นมันเหมือนกับเธอกำลังเจ็บปวดมากมายกลับส่งมาถึงผม ซีเซียก้าวเท้าเดินออกไปจากผม แผ่นหลังบางที่ค่อยๆ ห่างออกไปมันทำให้ผมอยากเรียกรั้งเธอเอาไว้ แต่หากผมทำแบบนั้นลงไป ก็ไม่ต่างจากที่ผมให้ความหวังเธออีกครั้ง
เสี้ยววินาทีที่ผมได้แต่เก็บความคิดเหล่านั้นเอาไว้ในใจ พลันใบหน้าสวยของซีเซียก็หันกลับมามองกันด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มขยับขึ้นพูดบางอย่างที่ผมไม่อาจได้ยิน ก่อนที่เธอจะระบายยิ้มกว้างให้ผมอีกครั้งแล้วเบือนหน้าหันกลับไปในที่สุด
"พี่พุวันนี้ก็หล่อมากนะคะ" ประโยคนี้ผุดขึ้นในหัวเมื่อผมอ่านปากของเธอที่หันมาบอกกัน ก่อนที่เธอจะเดินจากไป
ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่ยิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้งที่เธอชอบพูดประโยคนี้ ก่อนหน้านี้ผมแค่คิดว่าเธอเป็นเด็กสดใส ขี้เล่นถึงได้กล้าหยอกเล่นกับผมเหมือนกับบีอาร์ แต่ว่ากลับไม่ใช่ วันนี้สายตาและคำพูดของเธอมันไม่ได้แสดงออกว่าล้อเล่นเลยสักนิด
[ ซีเซีย TALK ]
ฉันเดินออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาอีกครั้ง อุตส่าห์ตั้งใจหลบหน้าเขาจนกว่าฉันจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ และเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่ต้องรู้สึกเสียใจแบบนี้อีก ทว่าวันนี้เขากลับมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน ความรู้สึกที่ได้รับในวันนั้นก็ก่อตัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ฉันคิดว่าตัวเองเข้มแข็งแล้วในวันที่ไม่ได้เจอหน้าเขา คิดเอาไว้ว่าสักวันฉันจะกลับมาพูดคุยหยอกล้อเล่นกับเขา ทำตัวเป็นเพื่อนบ้านแสนดีได้อีกครั้ง แต่เปล่าเลย ฉันไม่ได้เข้มแข็งมากขนาดนั้น การที่เลี่ยงเจอเขาอาจจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับฉันกับพี่น้ำพุก็ได้
เพราะต่อให้ฉันไม่อยู่เขาก็ไม่ได้คิดถึงฉัน หรือรู้สึกเหงานี่จริงไหม? เพราะจะอยู่หรือไม่อยู่ยังไงฉันก็ไม่ได้สำคัญอยู่ดี
ปึก! หน้าผากถูกชนเข้ากับบางอย่างตรงหน้าเข้าเต็มๆ เป็นเพราะฉันไม่ทันระวังและเดินก้มหน้า เหตุเพราะไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของตัวเอง
"เดินยังไงวะ ไม่มีตา..."
"ขอโทษค่ะ"
"เธอ ยัยเด็กใหม่" น้ำเสียงที่เอ่ยถามเหมือนคนรู้จักดังขึ้นเหนือศีรษะของฉัน
"....." ดวงตาใสช้อนตาขึ้นมองอีกคนที่ตีหน้ายักษ์ใส่อยู่ตรงหน้า แต่เพียงเขาเห็นว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่เท่านั้นแหละ ก็ลุกลี้ลุกลนหันซ้ายหัยขวาราวกับตัวเองเป็นฝ่ายผิดซะอย่างงั้น
"เฮ้ย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ยจะร้องไห้ทำไมวะ" พัตเตอร์ขยี้ผมตัวเองแรงๆ พลางหันมองรอบข้างที่ตอนนี้มีคนพากันหันมามองยังเราสองคนอยู่ เขาไม่ได้มองที่ฉันร้องไห้หรอก แต่ที่เขาสนใจเพราะเสียงโวยวายของพัตเตอร์ต่างหาก
"ฉันจะร้องไห้นายมายุ่งอะไรด้วยเล่า ฮื้ออ~ " ยิ่งอยากหยุดร้องเท่าไหร่ ก็เหมือนสมองจะสั่งการตรงกันข้ามมากเท่านั้น
"โธ่เว้ย! มากับฉัน" พัตเตอร์สบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากระทืบเท้าแรงๆ อย่างขัดใจก่อนจะคว้าข้อมือฉันแล้วออกแรงกระชากให้เดินตามเขาไป
เราสองคนมานั่งแกว่งชิงช้าในสวนสาธารณะใกล้หมู่บ้าน ตอนนี้ฉันหยุดร้องไห้แล้วแต่ก็ยังคงมีคราบน้ำตาบนใบหน้าให้ได้เห็นอยู่ว่าเพิ่งการร้องไห้มา
พัตเตอร์ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขากลับนั่งรอเป็นเพื่อนฉันจนฉันร้องไห้เสร็จอยู่ข้างๆ น่าแปลกจังคนที่ฉันเกลียดขี้หน้าตั้งแต่วันแรกที่เจอ กลับเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างฉันในวันที่รู้สึกแย่
"ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจนะที่อยู่เป็นเพื่อน" ฉันเอ่ยบอกกับคนข้างๆ เสียงเบา
พัตเตอร์หันมาเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วทำสีหน้ายุ่งยากใจออกมา ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็เกาท้อยทอยตัวเองเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่
"ฉันไม่ได้นั่งเป็นเพื่อนเธอสักหน่อย แค่อากาศมันดีเลยนั่งไปเรื่อยก็เท่านั้น"
"งั้นเหรอ แต่ยังไงก็ขอบคุณนายอยู่ดี"
"ขอบคุณทำไมพร่ำเพื่อ บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย" คนตัวโตกอดอกมองฉันตาเขม็ง ไม่ยอมรับว่าที่จริงแล้วเขาเองก็เป็นคนมีน้ำใจ แค่ทำตัวเป็นเด็กเกเรให้คนอื่นกลัวก็เท่านั้น
"ไม่ชอบให้ขอบคุณเหรอ?"
"ไม่... ก็ไม่เชิง ฉันแค่ไม่เคยมีใครมาพูดขอบคุณด้วยแค่นั้น"