10

1474 คำ
“จริงๆ แม่ก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาดูแลหรอกนะ ไม่อยากเป็นภาระ        แค่เห็นลูกๆ หลานๆ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแค่นี้ก็พอใจแล้ว เพราะบรรยากาศแบบนี้แม่น่ะรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน” ยายกิ่งแก้วพูดแล้วยิ้มกว้างอย่างมีความสุขตามที่พูดจริงๆ “เดี๋ยวผมคงต้องหาเวลามาเยี่ยมคุณยายบ่อยๆ แล้วสิครับ” รัชวินทร์เองก็รู้สึกผิดที่ไม่เคยมาเยี่ยมตากับยายเลยตลอดหลายปี เขามีเงิน มีงาน มีหน้ามีตาในสังคม สิ่งนอกกายพวกนั้นอาจจะทำให้มีความสุข แต่เขาเพิ่งตระหนักว่าครอบครัวสำคัญที่สุดในเวลานี้ “เราน่ะพักร้อนไม่ใช่เหรอ” คุณยายพูดดักคอหลายชายคนเดียว “ใช่ครับ... กะว่าจะพักยาวเลยครับ ทำงานมาไม่เคยพักเลย” เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าทำงานหนักมาตลอดหลายปี จริงๆ เรื่องของพิมพ์สิริก็มีส่วนด้วย แต่ไม่เท่ากับว่าเขาอยากพักผ่อนเช่นเดียวกัน พูดแล้วก็ปลายตามองคนข้างๆ ที่นั่งเรียบร้อยไม่พูดไม่จา ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี “เอ๊ะ! อะไรถึงทำให้เราอยู่นานล่ะนี่ ไม่เคยอยู่ที่ไหนติดเลยไม่ใช่เหรอ”  แม้จะทำงานทำการแล้วแต่หลานชายตัวดีก็ชอบท่องเที่ยวเหมือนคุณปู่คุณย่านั่นแหละ เรียกว่าชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่เสมอๆ ไม่เคยอยู่กับที่ รัชวินทร์เคยพูดเสมอว่าการได้ทำงานทำให้เรามีคุณค่าและมันเป็นความท้าทายที่ทำให้ชีวิตเราไม่น่าเบื่อจำเจหรือขาดรสชาติ “ผมก็อยากพักผ่อนบ้างสิครับคุณยาย บางทีที่นี่อาจจะมีอะไรน่าสนใจก็ได้” ขณะพูดสายตาของเขายังจับจ้องที่แก้วกัลยา กลิ่นกายของเธอหอมจรุงจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว อยากเอาจมูกไปชนกับพวงแก้มเนียน กักกอดร่างของเธอเอาไว้แนบอก “บ้านป่าแบบนี้มีอะไรน่าสนใจด้วยเหรอเราหืม... ตาราร์ด” คุณยายแกล้งถาม หมั่นไส้พ่อหลานชายตัวดีตงิดๆ “ก็อย่างเช่น... นางไม้สวยๆ ยังไงละครับคุณยาย” ปากพูดแต่สายตามองคนข้างๆ ไม่วาง แก้วกัลยารู้สึกประหม่าหน้าร้อนผ่าวก้มหน้างุด แทบมุดใต้โต๊ะ “เหลวไหลจริงเชียว นางไม้นางสวรรค์อะไรกัน” การะเกดว่าเข้าให้ “รับประทานอาหารกันดีกว่าจ้ะ คงหิวกันแล้ว” คุณยายกิ่งแก้วเชื้อเชิญลูกๆ หลานๆ ก่อนจะหันไปตักยำเห็ดของโปรดให้คุณตา คุณตาก็ไม่น้อยหน้า    ตักแกงเลียงให้คุณยายเพราะรู้ว่าคุณยายชอบรับประทานผัก “ตาราร์ดตักกับข้าวให้น้องบ้างสิ น้องตักไม่ถึง” การะเกดชี้ชวนบอกลูกชายเมื่อเห็นรัชวินทร์เอาแต่จ้องคนข้างๆ ไม่ยอมแตะอะไร คนถูกจ้องก็เอาแต่ก้มหน้างุด ช่างน่าแกล้งเสียนักคู่นี้ “ครับแม่” รีบรับคำแล้วจัดการตักกับข้าวให้หญิงสาว “ขอบคุณค่ะ” แก้วกัลยากล่าวขอบคุณเสียงอ่อนหวาน “เราก็ตักให้พี่เขาด้วยสิ กับข้าวทางนี้พี่เขาตักไม่ถึง” คุณยายบอกเด็กสาวอย่างปรานี แก้วกัลยามองอาหารตรงหน้า จึงตักปลาช่อนลุยสวนให้ชายหนุ่ม “ลองชิมดูสิตาราร์ด ปลาช่อนเราเลี้ยงเอง ตาของเราว่างๆ ก็เอาปลามาปล่อยในบ่อ รับรองว่าไม่คาว เนื้อหวานเชียว” คุณยายพูดเสียงนิ่ม “อร่อยครับคุณยาย” รัชวินทร์ตักเข้าปากเป็นคำแรก แล้วพยักหน้าพออกพอใจ “หนูแก้วก็ทำอร่อย เสียดายวันนี้ไม่สบาย วันหลังเราคงได้กินฝีมือน้อง” คุณยายมองเด็กสาวในอุปการะแล้วยิ้ม “ผมอยากกินฝีมือหลานสาวของคุณยายอยู่เหมือนกันครับ เห็นมัมชมว่าทำอาหารเก่ง แถมยังอร่อยอีกด้วย” เขาพูดแล้วมองแก้มนวลของคนข้างๆ อยากจะหอมแก้มนวลนั้นสักฟอดนัก ถ้าไม่ติดว่ามีคนอื่นๆ นั่งอยู่ด้วย “รับรองว่าเราจะติดใจ เพราะหนูแก้วได้วิชามาจากคุณยายเลยทำอาหารอร่อยแบบนี้” การะเกดเอ่ยชมว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ “ถ้าพี่ราร์ดได้ชิม คงอยากพาน้องแก้วไปเป็นแม่บ้านแน่ครับ อาหารฝีมือน้องแก้วอร่อยสุดยอดครับ” ชัชวินทร์พูดแล้วยักคิ้วให้คนอื่นๆ ก่อนจะตักอาหารรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย “ขนาดนั้นเชียว...” รู้ดีว่าน้องชายพูดเป็นนัยน์ แต่รัชวินทร์ก็รับมุข “ออกเรือนไปสามีจะได้รักจะได้เมตตา” คุณยายกิ่งแก้วพูดแล้วอมยิ้ม “คุณยายขา... แก้วอยากอยู่รับใช้คุณตากับคุณยายมากกว่า” แก้วกัลยาพูดเป็นครั้งแรกเพราะชอบเป็นผู้ฟังมากกว่า แต่เรื่องออกเรือนเธอยังไม่อยากคิด แม้ถึงที่สุดก็ต้องทำตามความต้องการของผู้มีพระคุณ หากท่านเห็นว่ามีผู้ชายที่ดีพร้อมมาทาบทามสู่ขอ และท่านอยากจะยกเธอให้อย่างถูกต้องตามประเพณี “ได้ยังไงกัน ยายกับตาไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่ปี ต่อไปหนูก็ต้องออกเรือนมีครอบครัว จะได้มีคนดูแล มีลูกมีเต้า ตอนแก่หนูจะอยู่คนเดียวได้ยังไงกันจ๊ะ” คุณยายพูดแล้วนึกห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม “ค่ะคุณยาย” แก้วกัลยารับคำเสียงแผ่วเบาอย่างเกรงใจ เธอสำนึกตัวเองดีว่าเป็นแค่ผู้อาศัย ผู้มีพระคุณอย่างคุณยายและคุณตารักและเอ็นดูเมตตาเธอมาก ท่านก็คงอยากให้เธอได้ออกเรือนไปกับคนดีๆ ที่ท่านเลือกให้ ซึ่งเธอไม่ขัดข้องเพราะอยากตอบแทนบุญคุณของพวกท่าน ไม่ว่าอะไรที่จะทำให้พวกท่านมีความสุข เธอยินดีและเต็มใจที่จะทำมันอย่างเต็มที่ แต่ก็อยากชะลอเรื่องนี้ให้นานที่สุด จะได้อยู่ดูแลผู้มีพระคุณไปนานๆ รัชวินทร์ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ พึงพอใจในคำตอบแรกของแก้วกัลยา แต่พอประโยคต่อมาที่หญิงสาวตอบรับอย่างว่านอนสอนง่าย กลับขัดอารมณ์ตัวเองยิ่งนัก คุณยายก็กระไร อยากจะให้หลานสาวออกเรือนเสียจริง แม้เขาพอจะเข้าใจว่าหนุ่มสาวต่างจังหวัดแต่งงานกันเร็ว แต่นี่มันก็หมดยุคคลุมถุงชนแล้วนี่นา    เหตุใดแก้วกัลยาจึงไม่ปฏิเสธไปบ้างเล่า ฟังแล้วน่าขัดใจเสียเหลือเกิน “ตาราร์ดน่ะเพื่อนเยอะ อยากจะให้แนะนำให้น้องได้รู้จักบ้าง แต่ไม่รู้จะไว้ใจได้หรือเปล่า ถ้าเจ้าชู้ประตูดินเหมือนเราไม่เอานะ มัมห่วงน้อง กลัวจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า” การะเกดพูดบ้าง แกล้งแหย่บุตรชายที่เอาแต่นั่งจ้องคนข้างๆ จนแทบไม่แตะต้องอาหารอะไรแม้แต่น้อย “โธ่... มัมครับ เพื่อนผมเจ้าชู้ แต่ผมไม่ได้เจ้าชู้เสียหน่อย” พูดออกตัว อยากจะบอกคนข้างๆ ไปพร้อมๆ กัน “ไม่เจ้าชู้น้อยแต่เจ้าชู้มากเลยน่ะเรา” การะเกดค้อนให้พ่อตัวดี ยิ้มอย่างชอบใจเมื่อคอยจับสังเกตอาการของลูกชาย “พูดซะผมหมดความดีเลย” พอรัชวินทร์พูดแบบนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น มีเพียงแก้วกัลยาเท่านั้นที่ยิ้มน้อยๆ กินข้าวเงียบๆ ไม่มีปากเสียง รัชวินทร์มองคนข้างๆ อย่างเผลอไผล ขนาดกินข้าวยังน่ารัก เธอค่อยๆ ละเลียดกินทีละนิดๆ เคี้ยวเบาๆ แล้วกลืน เขามองแทบไม่กะพริบตาเลยเห็นทุกอิริยาบถของเธอ       โดยไม่รู้ว่าคนรอบข้างแอบอมยิ้มอย่างมีความสุขมากแค่ไหน ผู้หญิงอะไรกินก็ยังน่ารัก เธอค่อยๆ กลืนกินอย่างเชื่องช้า เขามอง          ริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างกระหาย ชัชวินทร์มองอาการของพี่ชายแล้วส่ายหน้า แบบนี้เขาเรียกว่า... รักเขาเข้าแล้วเต็มเปา!!! อาหารเย็นดำเนินไปอย่างอบอุ่น จนเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย     ก่อนจะทยอยกันมานั่งจิบน้ำชากันต่อ พูดคุยเรื่องสรรพเพเหระ สลับกับเสียงหัวเราะเมื่อชัชวินทร์ขยันเล่าเรื่องขำขันให้ทุกคนฟัง แตกต่างจากพี่ชายที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เอาแต่เงียบ พูดคำตอบคำ สายตาเอาแต่จ้องมองคนตัวเล็กไม่วางแทบไม่ได้มองไปทางไหนเลย พอถูกถามก็เออออไปเรื่อย ไม่ก็ตอบแบบขอไปที จนคนอื่นๆ เอาแต่ยิ้มขำอาการของรัชวินทร์ มีแต่แก้วกัลยาเท่านั้นที่เอาแต่ก้มหน้างุดแทบจะมุดดินหนีเมื่อรับรู้ได้ว่าถูกจ้องมองเอาๆ จากชายหนุ่มที่ตามติดมานั่งใกล้ๆ เธอเสียทุกทีไป “ง่วงหรือยังหนูแก้ว” การะเกดถามอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นแก้วกัลยาเอาแต่นั่งเงียบ ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีตลอด ใครถามอะไรก็รับคำเสียงนุ่ม มีบางครั้งแสดงความคิดเห็นบ้าง แต่ไม่ขัดคอคนอื่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม