ชายชาวต่างชาติอีกสองคนยืนป้องกันเขาไว้ข้างหลัง เตรียมพร้อมจะช่วยเหลือ แต่เหมือนชายหนุ่มกางมือออกเล็กน้อยให้จังหวะพวกเขารอก่อน
“อะไรกันยาย” สิตมนร้องทักมาแต่ไกล เป็นการเบรกพวกเขาไปในตัว สายตาทุกคู่หันไปมองเธอ
“เยส ยู อาร์” ชายผมสีน้ำตาลทองคนนั้นร้องออกมาเมื่อเห็นเธอ หัวใจของหญิงสาวหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ปริศนาเดินทางมาหาเธอที่เมืองไทย แม้อยากถามที่สุดว่าเขามาหาเธอทำไม แต่เธอก็เลี่ยงเดินไปซ้อนหลังยาย และถามเหตุการณ์จากคนเป็นยายก่อน
“เกิดอะไรขึ้นยาย”
ยายพาชี้หน้าชายหนุ่ม บอกด้วยความโกรธ “ไอ้นี่มันด่ากู”
“ยายฟังเขาออกติ เขาด่าว่าจังได๋”
“ออกตั้ว!... มันเว้าชัดขนาดนั้น กูเว้าหยังมันกะวาสิตายหมด สิตายหมด มันแซ่งกูพร้อม” ยายบอกหลานด้วยความโกรธ และเพื่อนของยายพาก็ช่วยสนับสนุนคำพูดของยายพาทุกคำ
“แม่นๆ”
“เอ้อๆ มันว่าจังซี่อีหลี”
หลังจากรู้เหตุผล สิตมนก็หันไปถามชายหนุ่ม แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ถามเขาก็บอกมาก่อน
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณชื่อ สิ ตาย หมด หรือเปล่า”
“นั่น... มันว่าจังซี่ล่ะ” ยายพาแทรก
หญิงสาวได้ยินเขาเรียกชื่อเธอก็ถึงบางอ้อ พอเขาพูดเร็วๆ มันก็เป็นคำที่อยากบอกจริงๆ เขาคงจะพยายามถามหาเธอ และเมื่อยายพูด เขาก็ย้ำเรียกชื่อเธอ กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันใหญ่โตในเวลาต่อมา
สัมผัสแปลกๆ เกิดขึ้นในความรู้สึกของหญิงสาว เดาว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องเมื่อสองสามวันก่อนแน่นอน แต่อีกความรู้สึกหนึ่งก็คัดค้าน พวกเขาจะรู้จักเธอและตามมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีใครเห็น แม้จะเป็นกล้อง วงจรปิดก็มืดมากที่จะมองเห็นหน้า หญิงสาวพยายามทำใบหน้าให้เรียบนิ่ง
สิตมนทำหน้าเรียบ มองอย่างแปลกใจ “คุณมาหาฉันทำไม”
“ผมขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”
“เราเคยรู้จักกันเหรอ”
“คุณอาจจะไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักคุณดี ถ้าคุณยังโยกโย้เรื่องมาก ทุกคนที่นี่จะได้รู้กันหมด” พอเขาพูดมาอย่างนั้นเธอก็มั่นใจว่าเป็นเรื่องของ เดลล่าแน่นอน เป็นอย่างนั้นยิ่งต้องทำเฉยที่สุด เพื่อไม่ให้พวกเขาจับพิรุธได้
“ก็ได้” หญิงสาวบอกและหันไปบอกยาย
“เขามาหาหนูเอง คงจะพูดไม่ชัด” หญิงสาวบอกยายๆ ที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆ อย่างอยากรู้ ขาไพ่ของยายเปลี่ยนความสนใจมาที่เธอ เพื่อนของยายถามขึ้น
“ผัวเบาะ”
ทุกสายตาหันมาที่หญิงสาว “บ่แมน” หญิงสาวปฏิเสธทันที
“อย่ามาตั๋ว!”
“บ่แมนดอกน่า ยังบ่มีผัว เขามาธุระ สิไปเล่นไพ่ต่อกะไปแหมะยาย” หญิงสาวบอกเป็นภาษาอีสานคล่องปรื๋อ รีบบอกให้พวกยายๆ ออกไป แต่พวกยายๆ ยังมองเธอสลับกับเขาอย่างจับผิด
“ไปได้แล้ว” หญิงสาวเร่งอีกครั้ง พวกนางจึงยอมเดินเข้าไป ยายพาไม่ลืมดึงหูเจ้าอ้วนเข้าไปลงโทษในบ้านด้วย ข้อหาที่ตาถั่วดูต้นทางไม่ดี ทำให้พวกนางตกใจและได้วิ่งออกกำลังกายอีกครั้ง
หลังจากยายเดินออกไปแล้วหญิงสาวก็หันมาหาชายหนุ่มอีกครั้ง “คุณมีธุระอะไรกับฉัน มาหาฉันทำไม แล้วรู้จักฉันได้อย่างไร ฉันจำได้ว่าไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน และคิดว่าคงไม่มีธุระกับคุณ” หญิงสาวถามเขาเป็นชุด
“ผมจะมาตามตัวคุณไปรับผิดชอบในสิ่งที่คุณก่อเอาไว้ที่อิตาลี”
“ฉันงงไปหมดแล้ว คุณหมายถึงอะไร”
“เมื่อสองสามวันก่อน คุณไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ”
“ฉันก็นอนอยู่บนเปลใต้ต้นมะม่วงหลังบ้าน อ้อ! ฉันเผลอฆ่ามดตายไปตัวนึง”
“ผมไม่มีเวลามาฟังคุณพูดเรื่องไร้สาระนะ” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม
“ไร้สาระอะไร ก็ฉันพูดเรื่องจริง” หญิงสาวยักไหล่ ยืนกรานคำเดิม
“ถ้าอย่างนั้น เจ้านายของผมก็ฆ่าเด็กน้อยคนนั้น หั่นศพ แล้วโยนทิ้งลงในชักโครกได้เลยใช่ไหม”
หัวใจของสิตมนหล่นวูบไปอยู่ที่ปลายเท้า ดวงตาสีดำขลับจากที่โตอยู่แล้วก็เบิกกว้างขึ้นอีก ลมหายใจของเธอขาดห้วงและติดขัดไปชั่วครู่ ความ ปากเก่งอวดดีเมื่อครู่เลื่อนหายไปหมดสิ้น เมื่อได้ยินประโยคที่หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่ม
เธอหลุดพิรุธออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน
“พวกสารเลว!” หญิงสาวพ่นคำด่าออกมาอย่างเผ็ดร้อน
“ไหนบอกว่าไม่เคยทำไง”
“มีคนบอกฉันว่าที่นั่นจะปลอดภัยที่สุดสำหรับเดลล่า ไม่นึกว่าจะเป็นนรกสำหรับเธอ”
“คุณจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ มีเพียงประโยคเดียวที่นายของผมสั่งมา ถ้าภายในสามวันคุณยังไปไม่ถึงคฤหาสน์คาร์ลอส นายของผมอาจจะฆ่าหั่นแขนหั่นขาหนูน้อยคนนั้น และถ่ายภาพส่งมาให้คุณวันละชิ้น ก่อนจะโยนชิ้นส่วนพวกนั้นลงในชักโครก”
ชายหนุ่มผู้แสนจะองอาจและผึ่งผายดุดเหล็กกล้า ใบหน้าคร้ามเข้มเจือด้วยไรหนวดบางๆ ระบายปลายคางหล่อเข้มจนไม่อยากละสายตา แต่ใจคอของพวกเขาช่างอำมหิตผิดมนุษย์ ดวงตาของเขาแม้จะถูกปิดทับด้วยเรย์แบนสีชา แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอไม่วางตา
“จะบ้าไปแล้วหรือไง นั่นเด็กนะ”
“คุณเองก็บ้าพอกัน ที่กล้าทิ้งลูกของตัวเองไว้ที่นั่น และหนีกลับมาอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข”
“เดลล่าไม่ใช่ลูกของฉัน”
“คุณต้องไปบอกเจ้านายของผมเอง”
“ฉันขอวิดีโอคอลคุยกับเขาได้หรือเปล่า”
“ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น อีกสามวันถ้ายังไม่เห็นหน้าคุณที่อิตาลี ผมจะส่งภาพแขนเล็กๆ ภาพแรกมาให้คุณ” ชายหนุ่มโค้งด้วยน้ำเสียงเข้ม แววตาของเขาเรียบนิ่งไม่ต่างจากน้ำเสียงมากนัก
“คุณจะไม่เชื่อหรือไม่ตามไปก็ได้ แต่เจ้านายผมเป็นมาเฟียผู้มีอิทธิพลมืด พวกเราสามารถแบกปืนไปถล่มฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่เกรงกลัว นับประสาอะไรกับเด็กคนเดียวที่ยังพูดไม่ได้” ชายหนุ่มใช้ชื่อของเจ้านายมาอ้างเพื่อให้หญิงสาวกลัว
พวกเขาหันหลังกลับออกไปหลังจากพูดไม่กี่ประโยคกับเธอ ทิ้งไว้เพียงความเวิ้งว้าง หญิงสาวแทบสติหลุด ทำอะไรไม่ถูก ในที่สุดเธอก็วิ่งไป ดักหน้าพวกเขา เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดและตัดสินใจ เวลาเพียงสามวันคงไม่สามารถจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินได้เอง
“เดี๋ยว!” หญิงสาวร้องเรียกเสียงดังลั่น
ชายฉกรรจ์สองคนหันกลับมามอง “ฉันจะไปกับพวกนาย รอฉันเก็บของสิบนาที”
อดัมซ่อนยิ้มอย่างพอใจเมื่อเขาสามารถพาเธอกลับไปด้วยได้ อย่างน้อยเขาก็พาเธอกลับไปได้ทันตามกำหนดเวลาที่เจ้านายให้ไว้ การจัดฉากเล่าเรื่องก็ช่วยสร้างสถานการณ์ให้หญิงสาวตื่นกลัวได้มากกว่าพูดความจริง หากซันเซสรู้เรื่องที่เขากุขึ้นมา ชะตากรรมของเขาคือตกงานสถานเดียว ไม่แตกต่างจากพาหญิงสาวกลับไปไม่ทัน
เขาได้แต่ภาวนาและขอโทษเจ้านายในใจ ขออย่าให้ซันเซสได้ถามถึงเหตุผลที่เขาสามารถพาเธอกลับไปได้เลย
ภาพของหญิงสาวกระจายเกลื่อนอยู่บนที่นอน ทุกอิริยาบถและทุกท่วงท่าที่อดัมรายงานสดมาจากเมืองไทย มองจากในภาพเขาก็มองเห็นความดื้อรั้นจากปลายจมูก อีกทั้งริมฝีปากเล็กแบนของเธอก็เป็นลักษณะของผู้หญิงที่ปากจัดไม่น้อย
สีผิวของเธอสะดุดตาของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตสีดำขลับรับกับผมยาวสยายเลยกลางแผ่นหลัง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยพอสมควร เขาไม่แปลกใจหากว่าเธอจะเป็นคนของคาซ่า กรุ๊ป เพราะเขาเพิ่งเห็นคนลักษณะแบบนี้ที่ คาซ่า กรุ๊ปเมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ่งต้องรอบคอบ เมื่อพาแม่นกต่อเข้ามาถึงถิ่นของเขา
ซันเซสเฝ้ารอการมาของหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากที่อดัมรายงานว่าเธอจะกลับไปพร้อมกับพวกเขาด้วยในเที่ยวบินเดียวกัน
เมื่อวานเขาพาสาวน้อยเดลล่าไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาล เพราะหลักฐานที่ติดตัวเธอมาทำให้เขามั่นใจว่าเด็กน้อยต้องมีสายเลือดของเขาอยู่ในตัว คนที่พาเธอมาจะต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดี บางทีอาจจะรู้ลึกซึ้งกว่า บอดีการ์ดที่อยู่กับเขาทุกวันด้วยซ้ำ
ถ้าไม่เป็นอย่างที่เขาคิด อีกแง่หนึ่งคนพวกนั้นอาจจะรู้จักเขาดี จนสร้างเรื่องขึ้นมาจูงใจให้เขาคิดว่าเธอเป็นคนของคาซ่า เขาจะได้เตรียมหาวิธีการป้องกันได้ทัน ตลบหลังคนพวกนั้นให้เจ็บแสบสาสม
กระทั่งถึงเวลาที่ชายหนุ่มเฝ้ารอ หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมกับอดัมด้วยแววตาเอาเรื่อง ในแววตาของเธอไม่มีความเกรงกลัวเขาแม้แต่นิด