วันแรกของการเริ่มงานใน รพ. ของทั้งสองคริส โดยทั้งหนุ่มขับรถไปส่งฝากรักที่ร้านดอกไม้ก่อน แถมทั้งสองคนยังช่วยฝากรักเปิดร้านดอกไม้ และแน่นอนคริสโตเฟอร์ไม่ลืมเอาเด็กรับใช้ที่บ้านมาช่วยงานฝากรักที่ร้านด้วย เพื่อฝากรักจะได้มีผู้ช่วยและเพื่อนในร้านและเป็นหูเป็นตาให้เขาด้วย หรือพูดง่ายๆคือสายลับของคริสโตเฟอร์นั้นเอง โดยเธอจะรายงานทุกเรื่องเกี่ยวกับฝากรักให้เขาได้รับรู้ไม่พลาด ถือว่าเป็นเงาตามตัวฝากรักก็ว่าได้
" บุญมีอย่าลืมที่ฉันสั่งเด็ดขาด เข้าใจไหม?" คริสโตเฟอร์ถามบุญมีออกมาด้วยความแน่ใจว่า เธอห้ามพลาดแม้แต่ก้าวเดียว บุญมีพยักหน้ารับอย่างเดียว เพราะคริสโตเฟอร์คือเจ้านายแด๊ดและมัมของคริสโตเฟอร์ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ยายแก่ของเธอ เธอเลยอยากตอบท่านลูกผู้มีพระคุณทุกอย่าง เสร็จแล้วคริสโตเฟอร์ก็เดินออกไปทันที โดยได้ทิ้งโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถถ่ายรูปได้คมชัดที่สุดให้บุญมี
ตอนนี้ทั้งสองคริสได้มาถึงที่ รพ. ทั้งสองคนเปิดประตูรถพร้อมกับเท้าใหญ่สวมรองเท้าหนังขัดมันวาวก้าวออกมาจากรถเก๋งหรู คุณหมอสาวและพยาบาลสาวๆต่างหันหน้ามามองเป็นตาเดียว ทั้งสองคริสเดินตรงไปด้านในทันที
" หล่อมากอ่ะแก " เสียงพยาบาลพูดกันตามทางเดินและอาคารของ รพ. พวกเธอเห็นรูปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าหล่อ แต่พอเจอตัวจริงหล่อมาก ได้ท่านรองมาเยอะแถมผสมมัมมัสอีกด้วย ผมสีบรอนซ์ ดวงตาของคริสเตียนสีทอง แต่ดวงตาของคริสโตเฟอร์สีน้ำทะเล คิ้วดกดำหนา จมูกโด่ง ปากบางสีคว่ำๆเหมือนสูบบุหรี่เลย หมอสาวภักดิ์พิงได้ยินก็หันมามองทันที เพราะเธอการเห็นรูปของทั้งสองคริสเช่นกัน แถมเธอไปเจอที่ร้านดอกไม้ด้วย นี้เขาเรียกว่าเนื้อคู่อยู่แค่ปลายจมูกใช่ไหมเนี่ย
" หน้าตาก็งั้นแหละ แค่เป็นลูกของท่านรองก็เลยดูเด่น มีคนเกรงใจก็แค่นั้น" เสียงหมอบางคนก็พูดออกมาแบบอิจฉาเช่นกัน หมอภักดิ์พิงหันไปมองพลางปากคว่ำ เพราะนั้นคือหมอผ่าตัดที่ฝีมือดีคนหนึ่งใน รพ. เหมือนกัน ' หมอชัยชนะ '
" ก็จริงอย่างพี่ชัยพูดแหละครับ สาวๆอย่ามองว่าหล่อมากเลย คนอื่นหล่อกว่าก็เยอะ รวยกว่าแยะ เก่งกว่าอีกหลายขุมมองกันบ้างครับสาวๆ " หมอสุดยอดเพื่อนชี้หมอชัยชนะพูดขึ้น เพราะพวกเขาก็ใช่ว่าจนซะที่ไหน ครอบครัวรวยไม่แพ้ใคร ที่บ้านมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพียงแค่พวกเขาไม่ชอบทำงานบริหาร แต่อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แค่นั้นเอง พยาบาลสาวและหมอสาวต่างมองทั้งสองคนเเล้วเดินแตกหนีหายไปหมด
" เหม็นอะไรไมีรู้นะคะ เพราะรู้สึกว่าไม่มีใครยืนอยู่ที่นี่ได้เลย อิอิ" หมอภักดิ์พิงพูดออกมาพร้อมกับเดินหนีหายไปเช่นกัน ทั้งหมอชัยชนะและหมอสุดยอดหันมาหน้ากันแล้วถอนหายใจแรงๆ
" หรือมันจริงว่ะ ลองให้มันสองคนเป็นลูกตาสีตาสาสิว่ะ จะมีใครให้ความสนใจหรือมองมันไหม" หมอชัยชนะพูดออกมาเสียงดังด้วยความหงุดหงิด
" หึหึ เผอิญกูไม่ใช่ไง?" เสียงของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลังของทั้งสองหมอที่ยืนบ่นอยู่ด้วยอารมณ์หงุดหงิดมากๆเลย หมอชัยชนะและหมอสุดยอดหันไปมองทันที ทั้งสองคริสยืนอยู่ด้านหลังยิ้มเหี้ยมๆส่งให้ทั้งสองหมอเช่นกัน หมอชัยชนะกับหมอสุดยอดอ้าปากหวอ
" หมอคริสเตียนกับหมอคริสโตเฟอร์ สวัสดีครับ" ทั้งสองคนรีบกล่าวทักทายทันที เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เพราะแค่นี้ก็ทำหน้าไม่ถูกอยู่ คริสโตเฟอร์และคริสเตียนเดินเข้ามาใกล้ๆหมอทั้งสองคน มือหนายกขึ้นมาตบไหล่ของทั้งหมอชัยชนะและหมอสุดยอดคนละข้างเบาๆ
" สวัสดีครับชี้แนะด้วยนะครับ อาจจะกวน.....ไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ก็ลูกท่านรองนะครับ หึหึ" คริสเตียนกล่าวทักทายเบาๆ พร้อมบีบไหล่ของหมอสุดยอดเบาๆ ส่วนคริสโตเฟอร์ปลายตามองหน้าหมอชัยชนะเฉยๆไม่พูดอะไรเลย เพราะพี่ชายพูดไปหมดแล้ว
ตุบ! คริสโตเฟอร์เดินหัวไหล่ของหมอชัยชนะ พร้อมกับเดินผ่านไปทันที เพื่อไปรายงานตัวกับหัวหน้าแผนก ทั้งสองหมอมองตามหลังแล้วพูดอะไรไม่ออก
" ก็แค่ลูกท่านรองเวกัสจะเก่งอะไรว่ะ " ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมๆกัน
ห้องทำงานของท่านรองเวกัส
" มากันแล้วเหรอ?" ท่านรองเรียกทักทั้งสองคริสที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของท่าน โดยในห้องมีหมอสูงวัยอยู่สองคน และ ผอ. เควินนั่งอยู่ด้วย
" สวัสดีครับ ผอ. ท่านรอง ลุงหมอทั้งสอง" ทั้งสองคริสยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายบุคคลทั้งสี่คนในห้อง ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนยกมือรับไหว้ทันที
" ทั้งสองคนมานั่งนี้ก่อน " ท่านรองเรียกให้ทั้งสองคริสไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามลุงหมอ ทั้งสองคริสพยักหน้ารับพร้อมเดินไปนั่งลงเก้าอี้ตรงกันข้ามลุงหมอทันที
" อาทิตย์แรกผมจะให้พวกคุณสองคน เดินตามลุงหมอทั้งสองคน เพื่อเรียนรู้อะไรเป็นอะไร เสร็จแล้วอาทิตย์ที่สองผมถึงจะให้พวกคุณสองคนเริ่มงานจริง " ท่านรองหันหน้าไปมองหน้าทั้งสองคริสแล้วบอกให้เข้าใจ ทั้งสองคริสพยักหน้า
" ครับท่านรอง" ทั้งสองคริสตอบพร้อมกันอย่างเข้าใจ แล้วทั้งหกคนก็มีการพูดคุยถามเรื่องการรักษา และอะไรอีกมากมายเยอะแยะ ก่อนที่ทั้งสองคริสจะได้แยกย้ายกันดูห้องทำงานของตัวเอง และเดินตามหลังลุงหมอเพื่อเรียนรู้งานเหมือนเด็กฝึกงาน
คอนโดของละมุน
" น้องมุนเหนื่อยที่สุดเลยค่ะ พี่เซอร์ขาาา" ละมุนหันไปมองหน้ามูสส์เซอร์ที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงกว้าง เขาก็เหนื่อยเช่นกัน เพราะไปสิงคโปร์คือไปเที่ยวอย่างเดียว ไม่ได้ไปทำงานตามที่โกหกฝากรักเอาไว้เลย แค่พากละมุนสาวน้อยแสนขี้อ้อนไปเที่่ยวพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศบนเตียงเป็นที่อื่นบ้างแค่นั้น
" พี่ก็เหนื่อยครับ " มูสส์เซอร์ตอบพลางหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ละมุนคลานขึ้นมาที่เตียงนอนกว้าง พร้อมนอนกอดคนตัวโต ใบหน้าสวยซบอกแกร่งของมูสส์เซอร์ เธอชอบผู้ชายรวยๆแบบนี้แหละดีไม่ต้องทำงานก็มีเงินซื้อของแบรนด์เยอะแยะ แถมกระเป๋าหนักจ่านไม่อั้นเลย เธอะเก็บเงินเอาไว้เยอะๆแล้วแก่มาเธอจะได้สบายไม่ลำบาก
" พี่เซอร์ไม่รีบไปหาพี่รักเหรอคะ ปานนี้ไม่คิดถึงพี่แย่แล้วเหรอ อิอิ" ละมุนแกล้งถามมูสส์เซอร์ออกมา ละมุนพลางคิดแล้วเธออยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงออกให้หมดปาก เธอกับมูสส์เซอร์เลือกของฝากมาฝากฝากรัก ราคา 10 ดอลล่าร์ ซึ่งมันคือก้อนหินสีน้ำเงินก้อนเท่ากำปั้นของผู้ชาย ก้อนหินสีน้ำเงินที่เป็นตะปุ่มตะป่ำมีคราบดินติดอยู่เพราะมันเก่าล้างไม่ออกหรือว่าคนขายขี้เกียจล้างก็ไม่รู้ ดูแล้วไม่สวย แต่มันเหมาะสมกับฝากรักมากๆ ราคาถูกแต่ของที่ได้ใหญ่ม๊ากมาก ' อย่างที่บอกฝากรักเหมาะสมกับของห้าบาทสิบบาทจริงๆ '
" พี่คิดว่าเย็นก่อนครับ เพราะตอนนี้พี่เมื่อยมากเลยๆ ขอนอนพักก่อนนะครับ" มูสส์เซอร์ตอบเสียงแผ่วเบาพร้อมหลับตาลง ละมุนก็เช่นกัน เพราะพรุ่งนี้เธอต้องไปทำงาน เพราะเธอลางานกับฝากรักหนึ่งอาทิตย์บอกว่าป่วยภูมิแพ้ ฝากรักก็ให้ลาเลย ไม่ต้องมีใบแพทย์หรืออะไรมากมาย
ตอนเย็นที่ร้านขายดอกไม้ ' สุดที่รัก'
ติ่งๆๆๆ เสียงประตูร้านดอกไม้ของฝากรักดังขึ้น บุญมีเงยหน้าไปมองทันที เพราะร้านใกล้ปิดแล้ว เธอกำลังจะเก็บดอกไม้เข้าไปด้านในห้องเก็บดอกไม้เฉพาะ
" สวัสดีค่ะคุณลูกค้าต้องการดอกไม้แบบไหนคะ?" บุญมีถามออกมาน้ำเสียงอ่อนโยนสุขภาพ มูสส์เซอร์ปลายตามองพลางเหยียดยิ้มเหยียดๆให้บุญมี
" ฉันเป็นแฟนเจ้าของร้านนี้" มูสส์เซอร์พูดออกมาเสียงดังฟังชัด บุญมีถึงกับหน้าเจื่อนๆเพราะเธอไม่คิดว่าฝากรักจะมีแฟนแล้ว
" แฟนของฉันไปไหน ?" มูสส์เซอร์ถามบุญมีอีกรอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาแสดงออกให้เห็นว่าไม่อยากคุยกับบุญมีเป็นอย่างมาก บุญมีก้มหน้าลงมองพื้น เธอดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เป็นมิตรกับเธอเลย
" พี่มูสส์ค่ะ " เสียงหวานของฝากรักดังมาจากหลังร้าน มูสส์เซอร์หันไปมองพร้อมกับรอยยิ้มหวานให้ฝากรัก บุญมีมองหน้ามูสส์เซอร์แล้วส่ายหน้า บุญมีแอบเดินออกมาหลบอยู่ด้านหลังร้านเพื่อจะได้เก็บภาพส่งให้คริสโตเฟอร์ เธอปล่อยให้ฝากรักและแฟนหนุ่มได้คุยกันตามสบาย
" พี่คิดถึงรักที่สุดเลยครับ " มูสส์เซอร์ทำหน้าออดอ้อนใส่ฝากรัก พร้อมพูดออกมาให้เธอเห็นใจ ฝากรักยิ้มให้เล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าควรดีใจกับคำพูดของผู้ชายคนนี้หรือเปล่า เพราะเธอเริ่มสัมผัสอะไรได้บ้างอย่างบ้างแล้ว เพราะคำว่างานของมูสส์เซอร์มันอาจเป็นขออ้างก็ได้ เพราะมีแฟนที่ขอนอนด้วยแล้วไม่ให้แฟนหนุ่มก็นอกใจ อีกอย่างเธอไม่ได้สด ซิงแล้ว เธอไม่กล้าจะคบกับเขาแบบแฟนแล้วตอนนี้ ฝากรักพลางคิดแล้วสับสน มูสส์เซอร์เดินมาใกล้ๆฝากรักมือหนายื่นไปจับมือเล็กของฝากรักมากุมเอาไว้
" พี่งานยุ่งมากๆเลยครับ ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่มีเวลาดูโทรศัพท์เลย พี่ขอโทษนะครับที่รัก สุดที่รักของพี่" มูสส์เซอร์ พยายามดึงคำพูดออกมาให้ดูดีทีสุด เพื่อให้ฝากรักเชื่อ ฝากรักยิ้มหน้าแดงอายๆ หัวใจเต้นแรง ถึงแม้เธอคิดว่าอาจจะเป็นคำโกหกที่ออกมาจากปากหยัก ฝากรักมองดูแววตาของมูสส์เซอร์ในตอนนี้เหมือนมันมีอะไรแปลกๆ หรือเธอจะคิดมากไปเองก็ไม่รู้
" เวอร์แล้วค่ะพี่มูสส์" ฝากรักพูดออกมาเอียงอาย เพราะคำพูดของผู้ชายตรงหน้า มูสส์เซอร์มองการกระทำของฝากรักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย พลางเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน แต่ก็แค่แป๊บเดียวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานให้ฝากรักเหมือนเดิม ' ก็แค่ประโยคไม่กี่คำก็เชื่อนี้เขาเรียกว่าโคตรโง่หรือซุปเปอร์โง่ว่ะ '
" พี่มีของฝากมาฝากสุดหัวใจพี่ด้วยนะครับ" มูสส์เซอร์บอกฝากรัก พร้อมมือหนาชูมือถุงกระดาษที่เขาซื้อจากห้างดังเพื่ออวดฝากรัก เพื่อให้เธอเข้าใจว่าเขาซื้อของแพงมาฝากเธอ
" อะไรคะพี่มูสส์" ฝากรักถามด้วยความอยากรู้ มูสส์เซอร์ยื่นถุุงกระดาษให้ฝากรัก มือเล็กๆยื่นไปรับมาพร้อมล้วงเข้าไปในถุงเพื่อดูว่าเป็นอะไร มือเล็กหยิบหินสีน้ำเงินขึ้นมา ฝากรักมองหินสีน้ำเงินแปลกๆ แต่เธอคิดว่ามันคือของฝากเธอเลยไม่คิดอะไร เพราะของฝากราคาถูกหรือแพงมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาหรือสิ่งของที่เขาให้ มูสส์เซอร์มองหน้าฝากรักแล้วทำหน้าเศร้าสลดลง
" ไม่ชอบเหรอสุดดวงใจของพี่ พี่คิดว่าเหมาะสมกับสุดดวงใจของพี่สุดเลยนะครับ" มูสส์เซอร์พูดออกมาน้ำเสียงเศร้าสร้อย ฝากรักยิ้มหวานให้พลางส่ายหน้า เธออยากให้เขาเรียกรักเฉยๆ เธออยากบอกลดสถานะกับมูสส์เซอร์เป็นที่สุดในตอนนี้ เพราะเธอไม่เหมาะอะไรกับเขาแล้ว
หมับ! มือหนาของใครบางคนดึงมือของฝากรักข้างหนึ่ง ฝากรักตกใจอ้าปากหวอ มูสส์เซอร์ทำหน้างงงวย
" นี้เงินค่าหินสับปะรังเคของมึง" เสียงบุคคลที่สามดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของมูสส์เซอร์ คริสโตเฟอร์รีบเดินเข้ามาดึงมือของมูสส์เซอร์ที่กุมมือฝากรักไม่ยอมปล่อยเลย คริสโตเฟอร์กันฝากรักไปยืนด้านหลังของเขาทันที มือหนายัดเงินห้าพันบาทลงในกระเป๋าเสื้อของมูสส์เซอร์
" มึงเป็นใครว่ะ " มูสส์เซอร์ถามด้วยความสงสัย คริสโตเฟอร์แสยะยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับสายตาดุดันน่ากลัว ฝากรักมองแผ่นหลังของคริสโตเฟอร์ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงโครมคราม มือเล็กเย็นมากๆ
" มึงคิดว่าไงล่ะ?" คริสโตเฟอร์ถามกวนๆกลับไปพร้อมดึงคนตัวเล็กออกไปจากนอกร้าน
หมับ! มือหนาของมูสส์เซอร์คว้าข้อมือเล็กของฝากรักเอาไว้ คริสโตเฟอร์มองที่มือของทั้งสอง เขาขบกรามแน่นๆมองหน้าฝากรักที่ตอนนี้ ซีดเป็นไก่ต้ม เพราะกลัวคริสโตเฟอร์ในตอนนี้มากๆ เขาเหมือนปีศาจร้าย
ตุบ! เท้าใหญ่ถีบเข้าที่หน้าท้องแบนของมูสส์เซอร์แรงๆ มูสส์เซอร์ถึงกับล้มลงไปกองกับพื้น คริสโตเฟอร์เหยียดยิ้มพร้อมดึงฝากรักออกไปจากร้านทันที เพราะบุญมีจะปิดร้านแทนฝากรักและนอนที่ร้านเลย
" กล้าให้ผู้ชายจับมือเหรอฝากรัก?" คริสโตเฟอร์เค้นเสียงออกมาถามฝากรักเยือกเย็น ฝากรักอ้าปากหวอ หัวใจร่วงหล่นลงไปตาตุ่มทันที ' งานเข้าแล้วไงรักเอ๊ย'
" เป็นลมทันไหม?" ฝากรักถามคริสโตเฟอร์กับคืน คริสโตเฟอร์ยิ้มเหี้ยมที่มุมปาก มองหน้าของฝากรักนิ่งๆ ไร้อารมณ์ขำกะบคำพูดของคนตัวเล็กตรงหน้า
" หึหึ " เสียงหัวเราะเยือกเย็นที่ลำคอหนา ฝากรักได้ยินแล้วขนลุกขนพอง