ตอนที่ 8 พบหน้าครอบครัวสามี

1866 คำ
“ท่านแม่” ร่างเล็กตื่นแต่เช้าก็รีบมาหามารดาทันที นางกลัวเหลือเกินว่าเมื่อวานจะเป็นเพียงฝันดีตื่นหนึ่งของตน “ไงจ๊ะ จูจูน้อยของแม่ วันนี้แต่งตัวน่ารักเชียว” เสียงหวานทักทายลูกน้อยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สองแขนอ้ากว้างรับร่างที่วิ่งตุ๊ต๊ะมาหา เธอสั่งซื้อข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดของบุตรีใหม่หมด เพราะที่มีมันเก่าจนดูเหมือนเอาขยะมาวางก็ไม่ปาน ดังนั้นตอนนี้ในเรือนข้างจึงถูกตกแต่งอย่างงดงามสมฐานะคุณหนูตระกูลหลี่แล้ว “เหมือนกัน” มือเล็กจับอาภรณ์ของมารดาเพื่อบอกให้รู้ว่านางหมายถึงทั้งสองใส่ชุดสีเดียวกันเลย “ต่อไปแม่จะสั่งตัดชุดคู่ที่มีสีและลายเหมือนกัน เอาไว้ใส่พร้อมกับลูกดีรึไม่” คนงามก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยของเด็กในอ้อมแขน ยิ่งอยู่ด้วยกันมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรักเด็กคนนี้มากขึ้นเท่านั้น “ดี” ดวงหน้าจิ้มลิ้มซุกซบท่านแม่ของตนอย่างออดอ้อน ภาพของทั้งสองทำให้คนบางคนรู้สึกราวกับเป็นส่วนเกิน เขารู้ดีว่าตนไม่เคยเข้าหาบุตรีสักครั้ง นอกจากนี้ยังหลบเลี่ยงไม่พบหน้า นางจะจำเขาไม่ได้ก็ไม่แปลก แต่ทำไมเขากลับรู้สึกอกข้างซ้ายบีบรัดจนเจ็บไปหมด มือหนากำแน่นอย่างอดทน เขาจะไม่ยอมเป็นไปตามแผนการเรียกร้องความสนใจของอีกฝ่ายเป็นอันขาด “ยังไม่ไปอีกหรือเจ้าคะ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก” ประโยคขับไล่ไสส่งทำเอาประมุขของจวนถึงกับกรุ่นโกรธ ทั้งที่เมื่อคืนโดนลงโทษไปขนาดนั้นยังไม่เข็ดสินะ! “ถึงเจ้าไม่ไล่ข้าก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานนักหรอก” หลี่หานเย่สะบัดชายอาภรณ์เดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านแม่ กลัว” เสียงทุ้มที่ตวาดมาทำให้เด็กน้อยตัวสั่นงันงก เสียงเล็กสั่นเครือฟังดูน่าสงสารจนชายหนุ่มรู้สึกผิด “โอ๋…ไม่ต้องกลัวไปหรอกลูกรัก เดี๋ยวเราก็ไม่อยู่กับเขาแล้ว” เธอมีแผนจะมอบทางออกให้กับพวกเขาทั้งคู่ โดยที่เธอต้องได้รับสิทธิ์ในการพาเด็กคนนี้ออกจากที่นี่ไปด้วย แต่ใครจะรู้ว่าประโยคนั้นกลับลอยไปเข้าหูคนที่หยุดยืนฟังอยู่หน้าเรือนเสียก่อน ‘นี่นางคิดจะทำอะไร’ ประโยคนั้นอาจแปลได้หลายความหมาย แยกเรือนไปอยู่เรือนอื่น หรือแยกทาง…ไปอยู่ที่อื่น โดยไม่ตั้งตัววันนั้นทั้งวันกุนซือผู้เฉลียวฉลาดก็ได้แต่คิดถึงเรื่องนี้จนลืมกระทั่งนัดสำคัญที่จะแอบไปพบคนรักของตน “เราไปยกน้ำชาให้ท่านปู่กับท่านย่ากันเถอะ” ฟางเสวี่ยเจี๋ยจำได้ว่าในนิยายแนวนี้ส่วนมากจะมีธรรมเนียมยิบย่อยที่ตกทอดกันมา การยกน้ำชาให้พ่อเฒ่าแม่เฒ่าก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น แม้ส่วนมากจะมีแค่แม่เฒ่าที่คอยมารับการคารวะจากบรรดาลูกหลานในเรือนก็ตามที “ท่านปู่…ท่านย่า” หลี่เยว่จูพยายามพูดตามมารดาด้วยท่าทางน่ารักจนหญิงสาวอดใจไม่ไหวก้มลงไปฟัดแก้มนุ่มเสียอีกหนึ่งรอบ เสียงหัวเราะคิกคักดึงดูดสายตาของบ่าวไพร่ไปตลอดทาง พวกเขาไม่เคยพบเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน “คารวะพี่สะใภ้” สองเสียงทักทายจากด้านหลังทำให้สองแม่ลูกหยุดชะงัก ก่อนจะหันไปมอง ดรุณีน้อยสองนางที่มีใบหน้าราวกับพิมพ์เดียวกันกำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาสงสัยอย่างไม่คิดปิดบัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จำได้ว่าในนิยายทั้งสองคนนี้คือน้องสาวของผู้เป็นสามีของเธอ มีนามว่าหลี่เหยาและหลี่เยี่ยน อายุน้อยกว่าร่างนี้ 1-2 ปี และรังเกียจเจ้าของร่างเดิมไม่น้อยทีเดียวเชียว “ว่าไงอาเหยา อาเยี่ยน มาคารวะท่านพ่อกับท่านแม่หรือ” ถึงตอนเป็นสายฝนเธอจะอ่านนิยายเรื่องนี้หลายรอบ…แต่ก็เน้นที่ฉากแซ่บกันของคู่พระนางและคู่อื่นๆ ดังนั้นถ้าใครไม่มีตัวตนในฉากเรทอย่าหวังเลยว่าเธอจะจำรายละเอียดเบื้องลึกได้ “นี่ พี่สะใภ้เรียกพวกข้าว่าอันใดนะเจ้าคะ” ฝาแฝดคนพี่ทำหน้าราวกับเห็นผี เมื่อก่อนพวกนางโดนเรียกว่า ‘พวกเจ้า’ ไม่เคยเรียกชื่อสักครั้ง “หืม ก็อาเหยา อาเยี่ยน เช่นไรล่ะ…มีอันใดผิดปกติรึ” ผิดปกติอยู่แล้วแหละ!! ก็จำไม่ได้นี่นาว่าความสัมพันธ์ตัวละครระหว่างสองคนนี้มันเป็นยังไง “เอ่อ ไม่เจ้าค่ะ ใช่รึไม่พี่หญิง!” หลี่เยี่ยนรีบแก้สถานการณ์ให้แฝดผู้พี่ ก่อนทั้งคู่จะส่งยิ้มจืดเจื่อนมาให้คู่สนทนา “จูจู คารวะท่านอาทั้งสองสิลูก” ฟางเสวี่ยเจี๋ยเองก็เฉไฉไปทางอื่นเช่นกัน “คารวะ ท่านอา” เด็กน้อยก้มหัวหงึกๆ ราวกับตุ๊กตาตัวน้อยจนดรุณีน้อยทั้งสองอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของบิดามารดาพวกนางคงเข้าไปเล่นกับหลานสาวบ้าง “งั้นเรารีบไปกันเถิด เดี๋ยวพวกท่านจะคอยนาน” เอ่ยจบร่างบางก็ก้าวเดินนำไปก่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายไปแล้วสองแฝดจึงหันมาส่งสายตาสับสนให้กันและกันพร้อมเดินตามไป ในโถงรับแขกมีร่างของชายวัยกลางคนกำลังนั่งพูดคุยอยู่กับสตรีวัยไล่เลี่ยกัน ก่อนแขกที่เฝ้ารอจะก้าวเข้ามาพร้อมวางร่างเล็กให้ยืนอย่างมั่นคงจึงปล่อยมือ “ลูกสะใภ้คารวะท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าค่ะ” “จูจู คารวะ ท่านปู่ ท่านย่า” คนโตยอบกายลงด้วยท่าทางสง่างาม คนเล็กก้มโค้งเล็กน้อย ภาพเช่นนี้ไม่คุ้นตาเอาเสียจริงๆ “มาแล้วหรือ พวกเจ้านั่งก่อนเถิด” ว่านอันฉือยิ้มรับพลางเหลือบมองการดูแลเอาใจใส่ของลูกสะใภ้ที่มีให้กับหลานสาวของตน เสื้อผ้าอาภรณ์ดูดีขึ้นมาก หน้าตาเองก็ร่าเริงแจ่มใส ได้ข่าวว่าเปลี่ยนเครื่องเรือนในที่พักของเด็กน้อยใหม่ทั้งหมด นี่ไม่ใช่แค่การเรียกร้องความสนใจแบบธรรมดาเสียแล้ว “เสี่ยวเหยาคารวะท่านพ่อ ท่านแม่” “เสี่ยวเยี่ยนคารวะท่านพ่อ ท่านแม่” ทั้งสองมาเยี่ยมเยือนบิดามารดาเฉกเช่นทุกวันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกคือบรรยากาศรอบตัวของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเสียมากกว่า สายตาเย่อหยิ่งหายไปแล้วเหลือเพียงประกายอบอุ่นขี้เล่นในนั้น ทั้งยังท่วงท่าอ่อนช้อยแม้ยามขยับกายนั่นอีก เปลี่ยนไปราวกับคนละคน! “วันนี้เจ้ามาเยี่ยมแม่ถึงเรือน มีเรื่องอันใดรึไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตลอดมาอีกฝ่ายมาหาตนแทบนับครั้งได้ “ลูกสะใภ้เพียงมาคารวะเช้าเท่านั้นเจ้าค่ะ แล้วก็พาจูจูมาพบท่านปู่กับท่านย่าด้วย” ความจริงแล้วเพราะเธอไม่รู้ต่างหากล่ะว่าเจ้าของร่างเดิมไม่เคยทำตามธรรมเนียมเลย! “เช่นนั้นหรือ” สามีภรรยาลอบส่งความนัยผ่านสายตา ดูท่าอีกฝ่ายจะใช้บุตรเป็นเครื่องมือเป็นแน่ มิใช่ว่าพวกเขามองนางในแง่ร้าย แต่เพราะที่ผ่านมานิสัยของนางเป็นที่โจษจันไปทั้งเมืองหลวง ไม่ว่าจะนิสัยร้ายกาจ ชอบอาละวาด ด่าทอตบตีบ่าวไพร่ และอีกมากมายสารพัด…โดยเฉพาะเรื่องมากเล่ห์มารยาที่พวกเขาเจอมากับตัว “ไหนๆ ก็มาแล้ว ทานมื้อเช้ากันก่อนก็แล้วกัน” อดีตผู้นำตระกูลหลี่เอ่ยขึ้นก่อนเหล่าข้ารับใช้จะรีบจัดโต๊ะอาหารโดยเร็ว ในเมื่ออีกฝ่ายจะใช้หลานในการต่อรอง เขาก็จะลองเล่นตามน้ำดูสักครั้ง ให้รู้กันไปว่ากุนซือคู่กายของแม่ทัพใหญ่เช่นเขาจะพลาดท่าให้กับลูกไม้ตื้นๆ ……………… ……….. …. “ท่านปู่ อ้าม” มือเล็กประคองช้อนตักเนื้อตุ๋นส่งเข้าปากของกุนซือผู้เป็นมันสมองของแคว้นที่กำลังยิ้มรับด้วยความเต็มใจ “อืม อาหารที่หลานรักของปู่ป้อน อร่อยจริงๆ” เสียงทุ้มกล่าวพลางฉีกยิ้มกว้างให้กับใบหน้าจิ้มลิ้มแสนน่ารักที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างสนุกสนาน “ท่านพ่อ ให้ข้าดูแลจูจูเองดีกว่าเจ้าค่ะ” เสียงหวานทัดทานด้วยความเป็นห่วงเมื่อสองปู่หลานผลัดกันป้อนมานานเกือบเค่อ (15 นาที) แล้ว “ไม่ต้องๆ ข้าดูแลหลานเอง เจ้ารีบกินเข้าเถิด” นายท่านผู้เฒ่าปฎิเสธทันทีเพราะกำลังมีความสุข “เอ่อ จะดีหรือเจ้าคะท่านแม่” สองแฝดมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไหนบอกไม่ให้เข้าใกล้หลานสาว “เจ้ากล้าเข้าไปห้ามพ่อเจ้าอย่างนั้นหรือ” ขนาดนางเองยังอยากเข้าไปอุ้มเจ้าก้อนนุ่มบ้างเลย ดูท่าสามีของนางคงลืมหมดแล้วกระมังว่าระแวงลูกสะใภ้แค่ไหน “เจ้ากลับเรือนไปก่อนเถิด เดี๋ยวแม่จะให้สาวใช้ไปตามทีหลัง” เพราะอยากเล่นกับหลานสาวบ้างสุดท้ายฮูหยินผู้เฒ่าก็เอ่ยปากไล่แขกกลับเสียอย่างนั้น “เช่นนั้นท่านพ่อ ท่านแม่รักษาสุขภาพด้วย ลูกสะใภ้ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ…จูจู อยู่เล่นกับท่านปู่ท่านย่าก่อนนะลูกรัก อย่างอแงนะรู้ไหม” เมื่อตอบรับคำแม่สามีเสร็จ เธอจึงหันไปบอกบุตรสาวด้วยความกังวล อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นเพียงเด็กเล็กเท่านั้น “จูจู เด็กดี” เจ้าก้อนนุ่มพยักหน้าขึ้นลงจนแก้มกระเพื่อม แม้อยากจะกลับพร้อมมารดาแต่ก็ยังอยากเล่นกับท่านปู่อีกนิด “ดีมาก” ฟางเสวี่ยเจี๋ยยอบกายลงอีกครั้งก่อนจะถอยออกจากเรือนมา “ฟู่ว เหมือนต้องเล่นละครแบบรอบเดียวผ่านเลย เหนื่อยชะมัด” เธอเองก็ใช่ว่าจะมีนิสัยเรียบร้อยอ่อนหวานเหมือนพิมพ์นิยมในสมัยนี้เสียเมื่อไหร่ ที่แสดงออกไปนั่นก็เพราะเธอยังไม่อยากวุ่นวายให้มากต่างหาก ใครจะรู้ว่าวันนั้นทั้งสองผู้เฒ่าของตระกูลหลี่จะโดนเจ้าจูจูน้อยตกเสียอยู่หมัด ยามต้องปล่อยหลานให้กลับเรือนแทบจะเดินมาส่งด้วยตนเองด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ลูกสะใภ้พาหลานสาวเข้าไปคารวะเช้าทุกวัน ถ้าไม่ว่างให้คนมาแจ้งเดี๋ยวอาทั้งสองจะมาพาหลานไปด้วยตนเองไม่ต้องกังวล นั่นทำให้ฟางเสวี่ยเจี๋ยถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แบบนี้ถ้าเกิดเธอยื่นข้อเสนอให้กับผู้เป็นสามีที่รักสตรีอื่นขึ้นมาจะไม่มีปัญหาแทรกซ้อนเอาหรือ…ดูเหมือนว่าเรื่องปวดหัวอีกมากมายจะรอเธออยู่เสียแล้วสิ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม