เหมันต์ขับรถจิ๊บพาภรรยาและลูกชายเข้าไปในไร่ ที่นี่มีอาณาเขตกว้างขวาง เขาจึงสร้างถนนคอนกรีตเชื่อมต่อพื้นที่ต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อให้สามารถนำรถเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายขึ้น คนงานที่นี่อยู่กันอย่างเป็นครอบครัว และจงรักภักดีกับเหมันต์ยิ่งกว่าอะไร เพราะเขาให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน จัดหาสวัสดิการมาให้อย่างเพียงพอ
ระหว่างนั่งรถเหมันต์ก็ทำหน้าที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ แนะนำสถานที่ต่าง ๆ ภายในไร่ให้ภรรยาฟังอย่างละเอียด น้ำฟ้ารู้สึกเพลินตากับทัศนียภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากเป็นพิเศษ เธอเคยฝันว่าอยากมาใช้ชีวิตในไร่อย่างนี้ตั้งนานแล้ว และตอนนี้ฝันของเธอก็ได้เป็นจริงแล้ว
“พ่อเลี้ยงเก่งจังเลยนะคะ ดูแลที่นี่คนเดียวมาตลอด” เธอเอ่ยปากชม แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่สวนองุ่น ที่กว้างสุดลูกหูลูกตาอยู่ข้างทาง คนงานที่กำลังพรวนดินใส่ปุ๋ยอยู่ ต่างก็โบกมือทักทายผู้เป็นเจ้าของไร่พร้อมกับรอยยิ้ม
“ตอนแรกก็ยังไม่เก่งหรอก แต่พอทำไปได้สักระยะประสบการณ์มันจะสอนให้เราเก่งขึ้นเองยังไงล่ะ” เขาตอบคำถามได้อย่างถ่อมตัวที่สุด
“ถ้าอยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกนะคะ แม้ว่าฉันจะไม่ได้เรียนมาสูงแต่ถ้าได้ทำจริง ๆ ฉันก็พร้อมที่จะเรียนรู้ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้ผู้เป็นสามี แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ตัวจริง แต่ก็จะพยายามคิดซะว่ามาที่นี่เพื่อทำงาน และเหมันต์ก็คือนายจ้าง เธอจะพยายามทำงานช่วยนายจ้างคนนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฉันคิดไม่ผิดที่แต่งงานกับเธอจริง ๆ เอาไว้ฉันจะบอกว่าให้เธอช่วยอะไร”
“ค่ะพ่อเลี้ยง”
เหมันต์ขับรถไปยิ้มไป รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเจ้าหล่อนคนนี้ เขาลืมน้ำค้างคนนั้นไปเสียสนิทเลย เพราะเธอคนนี้ดูมีความเป็นกุลสตรีและที่สำคัญสามารถเข้ากับลูกชายเขาได้ดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตคู่ในครั้งนี้
ขับรถมาไม่นานก็มาถึงสถานที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมของคนงานในไร่ เหมันต์ตั้งใจสร้างที่นี่ไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน ในอาคารแห่งนี้ประกอบไปด้วยโรงอาหาร สำนักงานที่ใช้ทำบัญชีและจ่ายเงินเดือน รวมถึงมีห้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น เผื่อว่ามีใครได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน
ตอนนี้คนงานส่วนมากจะออกไปทำงานในไร่ บางส่วนก็เตรียมทำกับข้าวรอไว้ เพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงเวลาที่จะต้องทานมื้อเที่ยงกันแล้ว
“คนงานไปไหนหมดคะ ทำไมมีแค่สองสามคนเอง” น้ำฟ้าเดินจูงมือลูกเลี้ยงเข้ามาภายในโรงอาหาร เมื่อเห็นว่ามีคนงานเพียงไม่กี่คนจึงเอ่ยถาม
“อีกแปบคงจะเข้ามาแล้วล่ะ เพราะใกล้จะเที่ยงแล้ว”
“อ้อ ฉันลืมไปว่ายังไม่ถึงเวลาพัก” ว่าแล้วน้ำฟ้าก็ปรายตามองไปรอบ ๆ ที่นี่อากาศเย็นสบายดีเหลือเกิน แม้จะไม่ได้ติดแอร์เหมือนโรงอาหารในบริษัทใหญ่โต แต่ทว่ามันกลับรู้สึกสดชื่นกว่ามาก เพราะใช้ความเย็นจากธรรมชาติ ต้นไม้ที่ห้อมล้อมพื้นที่โดยรอบ ทำให้อากาศเย็นสบายและไร้มลพิษเหมือนเฉกเช่นในเมืองกรุงอีกด้วย
“จะเข้าไปในสำนักงานด้วยกันไหม หรือเธอจะเดินเล่นแถวนี้รอ”
“ฉันขอเดินดูแถวนี้รอก็ได้ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขา
“แล้วน้องคิมล่ะ” เหมันต์โน้มตัวลงไปถามลูกชาย
“น้องคิมจะอยู่กับคุณแม่ครับ”
“ถ้างั้นก็อย่าดื้อนะ เดี๋ยวพ่อมา”
“ครับคุณพ่อ”
“ฝากน้องคิมด้วยนะ เดี๋ยวฉันมา”
“ค่ะพ่อเลี้ยง”
เหมันต์ส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปในสำนักงาน ซึ่งอยู่อีกมุมของอาคารหลังนี้
เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว น้ำฟ้าก็หาเรื่องคุยกับลูกเลี้ยงทันที เธอยังไม่รู้จักที่นี่เลยคงจะต้องให้เจ้าตัวเล็กเป็นไกด์นำทางซะแล้วล่ะ
“น้อมคิมมาที่นี่บ่อยไหมคะ”
“บ่อยครับ น้องคิมมากับคุณพ่อ”
“ถ้าอย่างนั้นพาแม่ไปเดินเล่นแถวนี้ได้ไหม”
“ได้สิครับ ถ้าอย่างนั้นตามน้องคิมมาเลย”
ว่าแล้วคิมหันต์ก็เดินจูงมือแม่เลี้ยงสุดสวย พาเดินออกไปจากโรงอาหาร ตรงไปยังโรงเรือนกล้วยไม้ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เหมันต์สร้างที่นี่ให้กับ ‘อิงฟ้า’ ภรรยาคนก่อน นั่นเพราะเธอเป็นคนที่ชอบดอกกล้วยไม้มาก
กล้วยไม้หลากหลายพันธุ์กำลังออกดอกบานสะพรั่ง เห็นอย่างนั้นน้ำฟ้าก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภาพที่เห็น นอกจากสวนผลไม้แล้วเธอเพิ่งรู้ว่ายังมีโรงเรือนกล้วยไม้อย่างนี้ด้วย ยิ่งได้เข้ามาเห็น เธอยิ่งอยากจะเข้ามาที่ไร่ทุกวันเสียเหลือเกิน เพราะคิดว่ายังมีสถานที่อีกตั้งมากมายที่น่าสนใจรออยู่
“ที่นี่สวยจังเลยค่ะน้องคิม”
“คุณพ่อสร้างที่นี่ให้คุณแม่อิงฟ้าครับ” ได้ยินอย่างนั้นน้ำฟ้าก็ก้มลงไปมองหน้าเด็กชายทันที
“คุณแม่ของน้องคิมไปไหนแล้วล่ะครับ” น้ำฟ้ารู้ดีว่าไม่ควรจะถามคำถามนี้กับเด็ก แต่ทว่ากลับอดใจไม่ได้ เพราะเธอเองก็อยากรู้เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
“คุณแม่อยู่ใกล้ ๆ นี่เองล่ะครับ” ได้ยินอย่างนั้นน้ำฟ้าก็ขมวดคิ้ว มองด้วยความสงสัยทันที
“ใกล้ ๆ หมายความว่ายังไงคะน้องคิม”
“นั่นไงครับ คุณแม่อยู่ที่นั่น” คิมหันต์ชี้ไปยังพื้นที่ข้างโรงเรือนกล้วยไม้
น้ำฟ้าหันไปมองก็เจอแท่นหินอ่อนขนาดใหญ่คล้ายกับหลุมฝังศพตามหลักศาสนาคริสต์ มีไม้กางเขนตั้งตระหง่านอยู่ด้านบน รอบ ๆ นั้นเต็มไปด้วยสวนดอกไม้ที่พร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่ง เห็นอย่างนั้นน้ำฟ้าก็พอจะเดาออกว่ามันคืออะไร เจ้าหล่อนหันกลับมามองหน้าเด็กชายก่อนจะโอบกอดเอาไว้ทันที เธอรู้สึกเห็นใจคิมหันต์ที่แม่ต้องมาจากไปตั้งแต่ยังเด็กขนาดนี้
“เราไปหาคุณแม่น้องคิมกันไหมครับ”
“ไปสิครับ น้องคิมคิดถึงคุณแม่อยู่เหมือนกัน” ว่าแล้วคิมหันต์ก็เดินเข้าไปเด็ดดอกกล้วยไม้ออกมาสองช่อ ก่อนจะยื่นให้น้ำฟ้าหนึ่งช่อ
“ขอบใจจ้ะ”
“เวลาน้องคิมมาหาคุณแม่ ก็จะเอาดอกกล้วยไม้ไปให้ทุกครั้ง คุณแม่ชอบดอกกล้วยไม้มากครับ”
“เข้าใจแล้วจ้ะ” น้ำค้างส่งยิ้มให้
ทั้งสองเดินจูงมือกันไปยังสุสานของอิงฟ้า เธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อสองปีก่อนหน้านี้ ตอนแรกเหมันต์ตั้งใจว่าจะไม่คิดมีใครอีกแล้ว แต่ทว่าเขากลับหลงเสน่ห์สาวน้อยที่ชื่อน้ำค้าง เมื่อครั้งไปเที่ยวในผับแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
“คุณแม่ครับวันนี้น้องคิมเอาดอกกล้วยไม้มาฝากคุณแม่อีกแล้ว” น้ำค้างเห็นการกระทำของคิมหันต์ที่มีต่อมารดาตนเอง เธอแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เด็กคนนี้ช่างเป็นเด็กที่มีจิตใจเข้มแข็งมากเหลือเกิน เกินกว่าเด็กที่เธอเคยเห็นมา
“สวัสดีค่ะคุณอิงฟ้า ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ฉันสัญญาว่าจะดูแลน้องคิมให้ได้ที่สุด คุณไม่ต้องห่วงนะคะ” ว่าแล้วน้ำฟ้าก็วางช่อดอกกล้วยไม้ไว้หน้าสุสานของอิงฟ้า กวาดสายตาอ่านชื่อที่สลักอยู่บนหินอ่อนไปด้วย
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ แม่น้ำค้างดีกับน้องคิมและคุณพ่อมาก น้องคิมจะชวนแม่น้ำค้างมาหาคุณแม่ทุกวันนะครับ”
น้ำฟ้ายิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจ เธอเริ่มจะรักเด็กคนนี้เหมือนลูกแท้ ๆ เสียแล้ว ตั้งใจว่าในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่จะดูแลคิมหันต์ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อยู่ที่นี่เองตามหาตั้งนาน” เสียงทุ้มที่คุ้นหูของเหมันต์ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทั้งสองแม่ลูกหันกลับไปมองทันที เหมันต์ไม่ได้มาคนเดียวกลับมีใครบางคนเดินมาด้วย
“ขอโทษค่ะที่ฉันมาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต”
“ทำไมต้องขออนุญาตด้วยล่ะ ที่นี่ไม่ใช่เขตหวงห้ามเสียหน่อย” เหมันต์ตอบ
“แต่ที่นี่เป็นสุสานของเมียคุณ ฉันนึกว่าคุณจะห้ามซะอีก”
“ไม่หรอก...ใจจริงฉันว่าจะพาเธอมาอยู่เหมือนกัน แต่น้องคิมดันพามาก่อนซะงั้น”
“ก็น้องคิมคิดถึงคุณแม่นี่นา” คิมหันต์เอ่ยขณะลุกขึ้นยืนเดินไปจับมือผู้เป็นพ่อไว้
“พ่อขอโทษที่ไม่ได้มาซะนาน”
“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ วันนี้คุณแม่น้ำฟ้าสัญญากับคุณแม่อิงฟ้าแล้วว่าจะดูแลน้องคิมแทน” ได้ยินอย่างนั้น เหมันต์ก็ส่งสายตาคมจ้องมองใบหน้าสวยทันที
น้ำฟ้าได้แต่ส่งยิ้มให้ ก่อนจะหันไปสนใจมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างสามีตนเอง
“อ้อ...ฉันลืมแนะนำเลย นี่คุณฉัตรชัยเป็นผู้จัดการไร่”
“สวัสดีค่ะคุณฉัตรชัย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“สวัสดีครับแม่เลี้ยง ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
“เราเข้าไปในโรงอาหารกันเถอะ ตอนนี้คนงานเริ่มทยอยเข้ามาทานข้าวกันแล้ว” เหมันต์บอกกับทุกคน
“ค่ะ” น้ำฟ้าตอบรับ พลางส่งยิ้มหวานให้
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเริ่มพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มรู้สึกดีที่มีกันและกันอยู่ข้าง ๆ แต่ทว่าความจริงที่น้ำฟ้าไม่ใช่เจ้าสาวที่เหมันต์หมายปองตั้งแต่แรก ทำให้เธอเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าห้ามเผลอใจให้กับผู้ชายคนนี้ เพราะถึงยังไงเธอเองก็ต้องเป็นฝ่ายเดินจากเขาไปในสักวันอยู่ดี