หลังจากพาภรรยาสาวชาวกรุงไปแนะนำให้คนงานในไร่ได้รู้จักแล้ว ในช่วงเย็นของวันเดียวกันเหมันต์ก็ได้เอ่ยปากชวนฉัตรชัยมาทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน ในขณะที่น้ำฟ้าไปเป็นลูกมือช่วยป้าบัวทำกับข้าวในครัว เหมันต์ก็ปล่อยให้แขกนั่งรออยู่ในห้องรับแขกเพียงลำพัง ส่วนเจ้าตัวแอบย่องขึ้นมาบนห้องนอน เพื่อค้นหาของสำคัญอะไรบางอย่าง ที่จะสามารถยืนยันได้ว่าเธอคือภรรยาตัวปลอม
เหมันต์พยายามค้นหากระเป๋าสตางค์ของน้ำฟ้าในตู้เสื้อผ้า เมื่อเจอแล้วเจ้าตัวก็ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนจะรีบเปิดมันออกมาดู เขาอยากจะรู้ความจริงว่าเจ้าหล่อนเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้หน้าตาเหมือนน้ำค้างเจ้าสาวตัวจริงของเขาราวกับคนเดียวกัน
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร”
เหมันต์หยิบบัตรประชาชนของน้ำฟ้าออกมาจากกระเป๋าสตางค์สีชมพูพาสเทล ก่อนจะตั้งใจกวาดสายตาอ่านชื่อที่ปรากฏบนบัตรออกเสียง
“นางสาวธารา ภัทรกุล”
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเหมันต์ก็มั่นใจ ว่าสองคนนี้ต้องเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแน่นอน เพราะเขาจำทั้งชื่อและนามสกุลของน้ำค้างได้ดี แต่สิ่งที่ยังค้างคาใจในตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าน้ำค้างตัวจริงไปอยู่ไหน ทำไมถึงได้ให้เธอคนนี้เข้ามาสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทนในวันนั้น ฝาแฝดคู่นี้กำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่งั้นเหรอ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“พ่อเลี้ยงคะตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ” เป็นน้ำฟ้านั่นเองที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เหมันต์ล็อกประตูไว้ ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่เคยล็อก นอกจากจะกำลังร่วมกิจกรรมรักกันอยู่เท่านั้น
“เดี๋ยวฉันตามลงไป” ชายหนุ่มตะโกนออกไป ก่อนจะรีบเก็บบัตรประชาชนของน้ำฟ้าไว้ในกระเป๋าสตางค์เช่นเดิม
“ค่ะพ่อเลี้ยง” เมื่ออีกฝ่ายตอบออกมาอย่างนั้น น้ำฟ้าก็เดินลงไปรอด้านล่างทันที
ตอนนี้บนโต๊ะทานอาหาร มีจานกับข้าวหลากหลายเมนูวางไว้รอเรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็เพียงผู้เป็นเจ้าของบ้าน ที่ยังไม่ลงมาเสียที
ทั้งสามชีวิตที่นั่งรออยู่บนโต๊ะอาหาร ต่างก็สนทนากันไปพลาง ๆ คนที่นั่งข้างน้ำฟ้าก็คือคิมหันต์ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็คือฉัตรชัยนั่นเอง
“นี่คุณน้ำค้างทำเองหมดเลยเหรอครับเนี่ย”
“ก็ไม่หรอกค่ะ ส่วนมากฉันจะเป็นลูกมือช่วยป้าบัวค่ะ”
“ดูท่าทางคุณน้ำค้างจะชอบทำอาหารนะครับ”
“ใช่ค่ะ ตอนอยู่กรุงเทพฉันเคยเป็นผู้ช่วยกุ๊กมาก่อน”
“ว่าแล้ว” ฉัตรชัยยิ้มน้อย ๆ ออกมา
“ว่าแล้วนี่หมายความว่ายังไงคะ” น้ำฟ้าเลิกคิ้วถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ก็ดูคุณมีน้ำมีนวลยังไงล่ะครับ”
“ฉันดูอ้วนขนาดนั้นเลยเหรอคะ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย” เธอเอ่ยแล้วก็ยกมือขึ้นมาจับต้นแขนตัวเองบีบเบา ๆ
“เปล่าครับ แค่นี้กำลังพอดีเลยล่ะ”
“ออค่ะ” น้ำฟ้าตอบรับสั้น ๆ เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเสียมารยาท วิจารณ์เรื่องสรีระของผู้หญิงต่อหน้าอย่างนี้มาก่อนเลย
“ว่าแต่ทำไมพ่อเลี้ยงยังไม่ลงมาอีกล่ะครับ”
“ฉันก็ไม่ทราบค่ะ เห็นว่าจะตามลงมานะ” เธอตอบพลางชะเง้อหน้ามองไปยังทางเดิน ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังเดินมาพอดี “อ้อ มานั่นแล้วค่ะ”
เหมันต์เดินยิ้มมาแต่ไกล ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ แล้วหันไปเอ่ยกับแขกที่เชิญมาร่วมทานมื้อเย็นในวันนี้
“ขอโทษคุณฉัตรชัยด้วยนะครับที่ลงมาช้า”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ว้าว! วันนี้กับข้าวน่าทานทั้งนั้นเลย ฝีมือคุณหมดเลยหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ส่วนมากจะช่วยเป็นลูกมือให้ป้าบัวค่ะ ถามเหมือนกับคุณฉัตรชัยเลย ฉันตอบเป็นครั้งที่สองแล้วนะเนี่ย”
“อ้าวเหรอ...โทษทีเอาเป็นว่าเรามาเริ่มทานกันเลยดีกว่าเนาะ”
เหมันต์โปรยยิ้มให้กับสมาชิกร่วมโต๊ะ จากนั้นทุกคนก็เริ่มลงมือทานมื้อเย็นกัน
“อันนี้กุ้งตัวโต ๆ ของน้องคิมนะครับ” น้ำฟ้าตักกุ้งที่แกะเปลือกออกจนหมด ในถ้วยต้มยำน้ำใสให้กับเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างกัน
“ขอบคุณครับคุณแม่” คิมหันต์ยิ้มตาตี่ให้ ก่อนจะจัดการกับกุ้งตัวนั้น
“แล้วผมล่ะครับไม่ตักให้บ้างเหรอ” เหมันต์ปรายตามองภรรยาสาวอย่างงอน ๆ
“คุณไม่ใช่เด็กซะหน่อย ตักทานเองได้นี่นา” แม้คำพูดคำจาเหมือนว่าจะปฏิเสธ แต่ทว่าเจ้าหล่อนกลับเอื้อมมือไปตักพะแนงเนื้อให้กับสามี แต่ไม่จบแค่นั้นน้ำฟ้าตักใส่จานให้ฉัตรชัยด้วยอีกคน
“ขอบคุณนะครับคุณน้ำค้าง” ฉัตรชัยส่งยิ้มให้
“ไม่เป็นไรค่ะ จะได้ทั่วถึงกันยังไงล่ะ”
“เธอพูดบ้าอะไร ห้ามพูดอย่างนี้ให้ฉันได้ยินอีกเด็ดขาดเลยนะ” เหมันต์ไม่ชอบใจนักที่ภรรยาเอ่ยคำว่า ‘ทั่วถึง’ ต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้
“ทำไมล่ะคะฉันพูดผิดตรงไหน เราก็นั่งกันอยู่แค่นี้เอง น้องคิมคิดเหมือนแม่ไหมคะ” น้ำฟ้าไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ แต่กลับหันมาถามความคิดเห็นจากลูกเลี้ยง
“ใช่ครับ น้องคิมไม่เห็นว่ามันจะน่าเกลียดตรงไหนเลย”
“ห้ามก็คือห้าม จะพูดจะจาอะไร ต่อไปก็ระวังด้วยละกัน โชคดีที่บนโต๊ะมีแค่คุณฉัตรชัย” เหมันต์ไม่ยอมท่าเดียว จะให้น้ำฟ้ายอมเอ่ยปากรับคำเสียให้ได้
“ผมเองก็คิดว่าไม่ได้น่าเกลียดตรงไหนเลยนะครับ กลับมารอบนี้คุณน้ำค้างเธอดูน่ารักอ่อนหวานขึ้นเยอะ ราวกับคนละคนเลยล่ะครับ” ฉัตรชัยเอ่ยอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
“เอ่อ...ดูออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณฉัตรชัย”
“ใช่ครับ...ผมว่าพ่อเลี้ยงเองก็น่าจะสังเกตเห็น ถึงความเปลี่ยนแปลงของคุณนะครับ”
“อ้าวเหรอ! ทำไมผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย เมียผมยังคงน่ารักในสายตาผมเหมือนเดิมเลย” เหมันต์ตอบหน้านิ่ง ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ฉัตรชัยเอ่ย เพราะกลัวว่าจะทำให้น้ำฟ้าคิดมากและเริ่มระแวงในตัวเขาจนเกินไป
“อ้าว! สงสัยผมคิดไปเองคนเดียวล่ะมั้งครับ” ฉัตรชัยหน้าเสียเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านไม่ได้มีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน
“น้องคิมก็คิดเหมือนคุณอาครับ” คิมหันต์เอ่ยก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับแม่เลี้ยง
“ยังไงคะน้องคิม” เธอถาม
“ก็คุณแม่ใจดีขึ้นไงครับ”
“นึกว่าเรื่องอะไร น้องคิมเป็นเด็กดีแม่ก็เลยใจดีด้วยไงล่ะ แต่ถ้าวันไหนน้องคิมดื้อคุณแม่ก็จะเลิกใจดีด้วย ฉะนั้นน้องคิมต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนนะคะ”
“ครับคุณแม่”
น้ำฟ้ายกมือเรียวขึ้นไปลูบกลางกระหม่อมของเด็กชายเบา ๆ อย่างเอ็นดู เหมันต์เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มตาม ก่อนจะหันหน้าไปถามเรื่องงานกับฉัตรชัยบ้าง
“คุณฉัตรชัยครับการเข้าเวรยามตอนนี้มีปัญหาอะไรไหม”
“ก็ไม่มีนะครับ ผมสั่งให้คนงานไปเฝ้าประจำตามจุดเสี่ยงต่าง ๆ และให้ออกตรวจสลับผลัดเปลี่ยนกันทุกชั่วโมงเลย” ฉัตรชัยรายงานความคืบหน้าให้ฟัง
ที่ต้องเข้มงวดเรื่องการเฝ้ายามในตอนกลางคืน นั่นเพราะช่วงหลังมานี้มีโจรเข้ามาขโมยผลผลิตในไร่ไปขายอยู่บ่อยครั้ง มาถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าโจรพวกนั้นคือกลุ่มไหน เพราะที่นี่เป็นพื้นที่กว้างขวาง ทำให้การตรวจตราอาจจะยังไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร