ความหนาวทำให้จิตใจเหมือนจะล่องลอยออกไปไกล ก่อนที่ความอบอุ่นจะเรียกสติของกลับคืนมาอีกครั้ง ความอับอายเป็นสิ่งแรกที่พลักดันให้ขยับหนี แต่ก็เป็นเขาที่ฉุดรั้งแขนเธอเอาไว้
“จะขยับไปไหน!”
“อะ..อ้อนไปนั่งอีกฝั่งดีกว่าค่ะ” เธออายที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้พร้อมกับเขา แม้ทุกอย่างมันจะมืดจนมองอะไรไม่เห็น แต่จิตสำนึกกลับบอกให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกับเขาไม่มีอะไรติดกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เธอกลัว
กลัวทั้งเขา กลัวทั้งใจตัวเอง!
“ไม่ไว้ใจฉัน...” คิดไปในทางอื่นไม่ได้จริงๆ เลยต้องถามไปตรงๆ ซ้ำยังรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยกับท่าทีหวาดกลัวของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาให้ได้เห็น แม้เธอจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ก็เหมือนพูด
“ไม่ใช่นะคะ อ้อนไม่ได้...”
“ช่างเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ!” ในเมื่อไม่อยากใกล้ เขาก็จะไม่เข้าใกล้ แล้วอย่ามาร้องขอความอบอุ่นจากเขาทีหลังก็แล้วกัน!
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วไม่อาจทราบได้ แต่ฟ้าฝนก็ยังไม่หยุดตกง่ายๆ คนที่หลบไปนั่งอยู่อีกฝั่งของกระท่อมก็เงียบจนผิดปกติ ความเป็นห่วงทำให้คนที่ก่อนหน้านี้เคยตั้งใจว่าจะ ‘ไม่เข้าใกล้’ พาตัวเองขยับเข้าไปหา ก่อนจะพบกับความเย็นจากร่างบาง
“หนาวจนตัวซีดแล้วยังอวดเก่ง มันน่านัก!” หนนี้เขาตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตัก ไม่สนต่อเสียงร้องที่ดังสวนขึ้น หวังจะให้ความใหญ่โตของร่างกายตัวเอง ให้ความอบอุ่นแก่คนอวดดี
“คะ...คุณราม ปล่อยอ้อนค่ะ!” ความใกล้ชิดที่มากกว่าหนก่อนทำให้เกิดเสียงร้องห้ามขึ้น แต่เหมือนครั้งนี้จะเปล่าประโยชน์
“ถ้ายังไม่หยุดพูดฉันจะทำยิ่งกว่ากอด จะลองไหม!” คำขู่นี้ของเขาได้ผลแทบจะทันที เพราะมันทำให้คนที่ดิ้นไปมาหยุดชะงัก ด้วยกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่ปากขู่จริงๆ ซึ่งเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงจนไม่รู้
ว่าสิ่งนั้นที่ว่ามันคืออะไร!
“คุณราม...”
“เงียบ! แล้วนั่งเฉยๆ” นี่เหมือนจะเป็นการเตือนครั้งสุดท้ายของเขา เธอจึงไม่กล้าที่จะขัดขืน แม้จะอายแสนอายเหลือเกินที่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้กับเขา ความใกล้ชิดขนาดนี้ทำให้เธอรู้สึกถึง ’เขา’ ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะบางส่วนที่กำลังดุนดันอยู่ที่บั้นท้าย
“ถ้าง่วงก็หลับตา เราคงต้องอยู่แบบนี้กันไปจนถึงเช้า” เขาเลือกที่จะบอกไปตามความจริง เพราะไม่อยากให้ความหวังเธออีก
ส่วนร่างกายที่มันกำลังต่อสู้อยู่กับความต้องการนั้นคือสิ่งที่อยู่เหนือความคาดฝัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ‘บางส่วน’ ในร่างกายมันจะทำปฏิกิริยาตอบโต้ เมื่อมีร่างนุ่มนิ่มมานั่งปักหลักอยู่บนตักแบบนี้
เขาห้ามให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ควบคุมได้!
อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ตอนที่ความเป็นห่วงลอยเหนือทุกสิ่ง..
เช้าตรู่เห็นจะได้ กว่าจะมีใครบางคนมาร้องตะโกนเรียกที่หน้ากระท่อม คเชนทร์เป็นคนแรกที่รู้สึกตื่นขึ้นก่อนจะตะโกนสวนกลับออกไปเพื่อห้ามไม่ให้ใครเข้ามา เพราะกลัวจะมาเห็นภาพที่เขาไม่อยากให้ใครเห็นเข้า...
ความขาวเนียนหมดจดทำให้ตื่นเต็มตา ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ยังพอมีสติหลงเหลืออยู่คว้าเอาเสื้อมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของคนในอ้อมกอดไว้ด้วยไม่อยากเอาเปรียบเธอไปมากกว่านี้
“อ้อน! เช้าแล้วตื่นเถอะ” เสียงเรียกเบาๆ ของเขาปลุกคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวให้ตื่นขึ้น และเธอคงลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในสภาพปกติถึงได้ลุกพรวดขึ้น นั่นมันทำให้เสื้อของคลุมร่วงลงบนตัก เนินเนื้ออวบอิ่มขนาดใหญ่เกินตัวที่ปลายยอดนั้นเป็นสีชมพูระเรื่อเปิดเผยต่อสายตาทันที มันทำให้เขาแข็งเป็นหิน แม้จะบอกตัวเองให้เบือนหน้าหนีเสีย แต่ร่างกายกลับไม่ยอมฟังคำสั่ง!
“คุณราม...เป็นอะไรรึเปล่าคะ” เพราะสายตาของเขามันหยุดยิ่งอยู่ในที่ที่ไม่ควรหยุด แก้วเจ้าจอมจึงอดก้มมองตามไม่ได้ก่อนที่เธอจะกรีดร้องขึ้นเมื่อเห็นสภาพของตัวเองเข้า
“กรี๊ดดดด”
“เกิดอะไรขึ้นครับนาย!” เป็นบุญส่งที่ตะโกนขึ้นและคงเข้ามาแล้ว หากไม่มีเสียงตะโกนของผู้เป็นนายดังสวนกลับไปเสียก่อน
“รออยู่ข้างนอกนั่นแหละ ไม่มีอะไร!” เขาว่าก่อนจะรั้งคนสติแตกเข้ามาใกล้ โมโหเสียจนนึกอยากจะบีบคอเล็กๆ นี่ให้รู้แล้วรู้รอด
“หยุด! แล้วฟัง!” เสียงที่เต็มไปด้วยความทรงอำนาจทำให้แก้วเจ้าจอมหยุดร้อง แต่ถึงอย่างนั้นก็มองคนฉวยโอกาสด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้ ไม่คิดเลย!
“ฉันไม่ได้จะฉวยโอกาส แต่เพราะไม่มีทางเลือกเลยต้องทำ คิดสิว่าถ้าไม่ทำแบบนี้เราจะรอดมาถึงเช้าไหม” เขาพยายามบอกให้รู้ถึงเหตุผลของการกระทำแต่เหมือนอีกคนจะไม่อยากรับฟังเท่าไหร่ สายตาที่จ้องมองกันเหมือนเขาเป็นฆาตกรโรคจิตก็ไม่ปาน!
“แต่คุณรามก็ไม่ควร...”
“หรือจะให้ฉันปล่อยเธอนอนหนาวเป็นปอดบวมตาย!” เป็นแบบนั้นยังจะดีเสียกว่า ถึงจะรู้ว่าที่เขาทำไปเพราะอยากช่วย แต่เธอก็อาย จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอยู่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขาเห็นอะไรไปบ้าง แล้วเห็นไปมากแค่ไหนแล้วนั้นไม่อาจรู้ได้เลย และเธอก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากถาม เพราะกลัวคำตอบที่ได้มาจะยิ่งทำให้ไม่กล้าสู้หน้าเขาไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็มากพอแล้ว!
“รีบใส่เสื้อผ้าซะ ก่อนที่จะมีใครโผล่เข้ามา” กระทั่งเขาทิ้งทวนไว้อย่างนั้น เธอจึงขยับไปหาเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกถอดกองไว้
“คะ...คุณรามหันไปก่อนสิคะ! อ้อนจะได้ใส่เสื้อผ้า!” ก่อนจะไปกำชับบอกเพราะไม่อยากอวดเรือนร่างให้เขาได้เห็นเป็นหนที่สอง
“เรื่องมากจริง!” ทั้งเมื่อวานและเมื่อครู่ก็เห็นหมดแล้ว
ยังจะมาอายอะไรอีก
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่สุดท้ายคเชนทร์ก็ยอมหันหลังให้ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ก่อนจะจูงมือเธอออกมาจากกระท่อม ถึงได้รู้ว่าเมื่อวานป้าฟางไม่ค่อยสบาย เลยเข้านอนแต่หัววันทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขากับแก้วเจ้าจอมติดฝนอยู่ที่นี่ กว่าทุกคนจะรู้เรื่อง และพากันออกตามหาก็เกือบเช้า ซึ่งเขาไม่เอาผิดใครในเรื่องนี้เพราะถือว่าเป็นตัวเองที่ไม่รอบคอบ ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน เลยทำให้ติดต่อใครไม่ได้
“โถแม่คุณของป้า ขวัญเอ้ยขวัญมานะคะ ไปค่ะขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวป้าทำข้าวต้มร้อนๆ ขึ้นไปให้ คุณรามด้วยนะคะ” เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบกับนางฟางที่ยืนรออยู่ด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนคนที่นางห่วงมากที่สุด มันจะไม่ใช่เขาเหมือนทุกที!
“ขอบคุณค่ะป้าฟาง” แก้วเจ้าจอมรับคำพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินตามเจ้าของบ้านขึ้นมายังชั้นบน และไม่ลืมเรียกเขาเอาไว้เพราะมีบางคำที่อยากจะบอก
“คะ...คุณรามคะ” เมื่อเขาหยุดเดินถึงได้รวบรวมความกล้า
“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยอ้อนเมื่อคืน” เมื่อได้สติเธอก็คิดได้ว่าเขาคงไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ถึงได้ช่วยเธอให้คลายหนาวด้วยวิธีนั้น และเธอไม่ควรแสดงท่าทีแบบนั้นใส่คนที่เพิ่งช่วยชีวิตเธอเอาไว้