แก้วเจ้าจอมเริ่มงานในอีกสามวันให้หลัง แม้จะจบบัญชีมาแต่เพราะตำแหน่งที่ว่านั้นตอนนี้เต็มหมดแล้ว และทางไร่เองก็ยังไม่มีนโยบายรับคนเพิ่มในช่วงนี้ ‘คุณราม’ เลยให้เธอมาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของเขาไปก่อน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เธอได้แอบรู้มาว่าไม่เคยมีมาก่อนจนกระทั่งวันนี้ หน้าที่หลักๆ ของเธอก็ไม่มีอะไรมากนอกจากทำตามที่เขาสั่งอย่างเคร่งครัด และคอยตามเขาไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในไร่เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย บางครั้งหากมีงานสำคัญที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษก็ต้องไปกับเขาด้วย ในฐานะคู่ควง
หญิงสาวไม่ได้ติดขัดอะไรในเรื่องพวกนี้
เพราะพอจะรู้มาบ้าง ว่าเจ้านายของเธอไม่ชอบให้ผู้หญิงที่ไหนมาวุ่นวายกับเขาเกินความจำเป็น และที่เขาเลือกเธอนั้น ก็คงเพราะเธอเป็นเด็กเส้นของแม่เขา ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงให้ต้องรู้สึกใจสั่น ซึ่งเธอไม่คิดไกลเกินไปกว่านั้นอยู่แล้ว ไม่สักนิด!
เหตุผลที่ทำให้ต้องคิดแบบนั้น มีแค่อย่างเดียวคือความต่าง!
เขากับเธอต่างกันราวฟ้ากับเหว คนอย่างเขาย่อมต้องอยากได้ภรรยาที่ดี คนที่พร้อมมาเชิดหน้าชูตาอยู่แล้ว ในขณะที่เธอก็พยายามท่องจำอยู่ในใจทุกวันว่าอย่าฝันสูง คิดไกลเกินตัว แค่ที่เขาให้งาน ให้ที่พักก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าคิดฝันอะไรให้ไกลไปมากกว่านี้
“ผักส่วนใหญ่ของเราส่งออกแทบทั้งหมด เพราะได้กำไรดีกว่า ที่นี่เราแบ่งโซนปลูกอย่างชัดเจน ตรงนั้นปลูกมะเขือเทศ อยากไปดูใกล้ๆ ไหม” แน่นอนว่าเธออยาก จนไม่ลืมพยักหน้ากลับไปพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกขอบคุณเขาที่อาสาช่วยติวงานทั้งหมดให้ด้วยตัวเองทั้งๆ ที่ความจริงแล้วจะแค่เอ่ยปากสั่งให้ใครทำแทนก็ได้
พื้นที่กว่าหลายร้อยไร่นี้ถูกแบ่งออกเป็นแปลงสำหรับทำหลายอย่าง แต่รายได้หลักมาจากการส่งผักออกขายไปยังต่างประเทศ ถัดมานั้นเป็นโซนของผลไม้ตามฤดูกาล แต่ที่เธอชอบสุดเห็นจะหนีไม่พ้นคอกวัวกับคอกม้าที่ท้ายไร่ เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่มีโอกาสได้สัมผัสสัตว์ทั้งสองชนิดนี้แบบใกล้ๆ ซ้ำยังได้มีโอกาสช่วยทุกคนตั้งชื่อให้ ‘มาลี’ ลูกวัวตัวใหม่ที่เพิ่งลืมตาดูโลกเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งตอนที่เสนอชื่อไปนั้น เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคุณรามจะเลือกชื่อนี้
พอเขาบอกให้รู้ก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบ และดูเหมือนเจ้าตัวเองก็น่าจะชอบชื่อที่เธอตั้งให้อยู่เหมือนกัน เรียกหาทีไร ก็มักจะวิ่งมาหา
“ไหน จดทันรึเปล่า...” คเชนทร์ถามขึ้นอีกครั้งก่อนจะลอบยิ้มเมื่อคนข้างกายยื่นสมุดจดมาให้ดู ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิด เธอจดทุกคำที่เขาพูดเอาไว้หมด ไม่เว้นแม้แต่บางคำที่ไม่ควรต้องจดด้วยซ้ำ
มาถึงวันนี้ก็ต้องขอยอมรับว่า ‘เด็กของแม่’ เก่ง และอดทน สมคำอวดอ้าง เห็นตัวเล็ก บอบบางแบบนี้ก็เถอะ แต่เธอไม่เคยเกี่ยงงานให้ได้เห็นเลยสักครั้ง สองวันแรกเขาแกล้งลองใจด้วยการพาไปยืนตากแดดคุมคนงาน แม่คุณก็ยังยืนส่งยิ้มหวานให้กำลังใจอย่างไม่รู้เบื่อ เป็นเขาเองที่ทนเห็นภาพใบหน้าอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยเหงื่อไม่ไหว ถึงได้ลากเจ้าตัวเข้าไปนั่งตากแอร์เย็นๆ ในสำนักงาน ก่อนจะตบท้ายด้วยคำสั่งให้รออยู่ที่นั่นจนกระทั่งเลิกงาน
ปกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบให้มีใครเดินตามติดเป็นเงาแบบนี้ ขนาดบุญส่งที่ว่าสนิทๆ ก็ยังทำได้แค่คอยตามอยู่ห่างๆ เพื่อรอรับคำสั่งอีกทีเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอเป็นเด็กของแม่คนนี้ถึงได้ไม่รู้สึกแบบนั้น ในทางกลับกันเขากลับรู้สึกสบายใจที่มีเธอวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คอยชี้นิ้วถามถึงสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็น ก่อนจะตบท้ายด้วยการขอลงมือทำ เพื่อเรียนรู้งานในส่วนที่ตนเองต้องรับผิดชอบ
จะเรียกทั้งหมดนี้ว่า ‘ถูกใจ’ ก็คงไม่ผิด เพราะเขากำลังรู้สึกแบบนั้นจริงๆ และมันเป็นความรู้สึกที่ใช่ว่าจะรู้สึกกับใครง่ายๆ ด้วย
“ดูท่าวันนี้ฝนฟ้าน่าจะตกหนัก คุณรามสุดหล่อของสาวๆ ถึงได้ลงมาตรวจงานด้วยตัวเองแบบนี้ได้” เสียงเข้มของใครบางคนที่ดังขึ้น ทำให้คนสองคนที่กำลังติวงานกันอยู่ต้องพากันหันไปมอง
“นี่ไอ้ทัด! หัวงานคนงานฝั่งเหนือ” และมันยังควบตำแหน่งเพื่อนสนิทที่สุดแสนจะกวนอวัยวะเบื้องล่างของเขาอีกตำแหน่งด้วย
แม้จะไม่อยากแนะนำให้ได้รู้จัก แต่ด้วยเส้นสายของงานเขาจึงต้องทำอย่างไม่มีทางเลือก เพราะอย่างไรทั้งคู่ก็ต้องเจอกันอยู่ดี
ไม่ช้าก็เร็ว!
“สวัสดีค่ะคุณทัด” เมื่อได้รับคำแนะนำให้รู้จักคนตรงหน้าแก้วเจ้าจอม จึงรีบกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มอย่างฝากเนื้อฝากตัวเพราะรู้สึกได้เองว่าอีกหน่อยคงมีเรื่องงานคุยกับคนตรงหน้าอีกมาก
“เรียกพี่ทัดก็ได้ครับ น้องอ้อนใช่ไหม พี่ได้ยินพวกคนงานเขาพูดถึงหนูอยู่เห็นว่าน่ารัก อย่างกับเด็กมอปลาย” ตอนที่ได้ยินเขาเลือกที่จะไม่เชื่อ จนได้มาเห็นด้วยตาตัวเองวันนี้ ถ้าบอกว่าอยู่มอต้นก็เชื่อ ก็น้องหน้าอ่อนปานนั้น อีกทั้งยังตัวเล็กราวกับเด็กอายุสิบห้า นี่ถ้าไม่ติดว่าอะไรๆ ไม่ได้เล็กตามตัวไปด้วยคงปักใจเชื่อไปแล้ว
แก้วเจ้าจอมส่งยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะขอตัวกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ปล่อยให้เจ้านายคุยกับเพื่อนเขาไป
“กูขอ!” ลับหลัง ‘น้องหน้ามนคนหน้าเด็ก’ ภูมิทัดก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างไม่คิดปกปิดถึงความ ‘อยากได้’ ของตัวเอง
“ขอห่_อะไรของมึง!”
“เด็กนั่นไง กูชอบ! เห็นแล้วมันใช่ นี่มันแม่ของลูกชัดๆ ขอได้ไหมวะ รับรองจะเลี้ยงดูอย่างดี ยุงไม่ให้ไต ไรไม่ให้ตอม” มันพูดง่ายราวกับขอหมาขอแมวไปเลี้ยง ทั้งๆ ที่นั่นคือคนตัวเป็นๆ มีชีวิตจิตใจ
อีกอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ยกเธอให้ใคร เพราะเธอไม่ใช่ของเขา!
อย่างน้อยก็ตอนนี้...
“ไม่ได้ นี่เด็กแม่กู ห้ามยุ่ง!” แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกหวงอยู่ดี ยิ่งได้เห็นเจ้าตัวเที่ยวส่งยิ้มไปให้ใครต่อใครยิ่งไม่ชอบ เห็นทีเย็นนี้คงต้องกลับไปจัดการขั้นเด็ดขาด จะได้มาเสียระบบปกครองทีหลัง!
“อย่าให้กูรู้แล้วกัน! ว่าที่มึงหวง เพราะอยากเก็บเด็กมันเอาไว้เอง!” ภูมิทัดตะโกนไล่ตามหลัง ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเพื่อนหันมาอวยพรด้วยถ้อยคำหยาบคาย ที่มักชอบใช้กันบ่อยๆ ภายในกลุ่ม
พาไปไหนด้วยก็มีแต่คนขอ!