ทางด้านพีรวัฒน์เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นตามลำพังกับบิดา เขาจึงเปิดปากเล่าความอึดอัดที่อยู่ในใจจนหมดสิ้น สีหน้าของเพิ่มศักดิ์ผู้เป็นพ่อเรียบเฉยหลังจากที่ได้รับรู้ความรู้สึกของลูกชาย
“แล้วพีจะให้พ่อทำยังไง?” เพิ่มศักดิ์ถามตรงๆ
“ผมอยากให้คุณพ่อช่วยตามหาน้ำหอมให้ผมหน่อยครับ ผมทำอะไรไม่ค่อยถนัด แต้วตามผมแจเลย กระดิกตัวนิดหนึ่งแต้วก็รู้แล้วว่าผมทำอะไร ผมอึดอัดจะแย่อยู่แล้วครับคุณพ่อ”
“จะให้ช่วยยังไงละก็บอกมาสิ” เพิ่มศักดิ์เองก็เอ็นดูอักษราไม่น้อย กิริยามารยาทเรียบร้อย วาจาอ่อนหวาน วางตัวดี เสียอย่างเดียวคือ จน
“ผมอยากขอให้เพื่อนคุณพ่อที่เป็นตำรวจช่วยออกตามหาน้ำหอมให้ผมครับ ผมเป็นห่วงน้ำหอมนี่ก็หายหน้าหายตาไปสามวันแล้ว โทรไปเป็นร้อยๆ รอบก็ปิดเครื่องตลอด” ความเป็นห่วงคนรักตอนนี้แน่นอกแทบจะระเบิดออกมาวันละหลายๆ รอบ
“พ่อล่ะสงสัยจริงๆ ว่าน้ำหอมจะหายไปไหน พีบอกพ่อเองไม่ใช่เหรอว่า น้ำหอมไม่มีญาติที่ไหน เป็นเด็กกำพร้าที่อยู่กับพ่อแม่บุญธรรมที่เพิ่งเสียไปเมื่อห้าปีก่อน มีเพื่อนก็ไม่มากแล้วอย่างนี้จะหายไปไหนได้”
เพิ่มศักดิ์คิดไม่ออกว่าอักษราจะหายไปดื้อๆ แบบนี้ได้อย่างไร จะไปหาญาติมิตรสหายที่ไหนก็คงไม่ใช่ จะทิ้งบ้านที่เป็นมรดกชิ้นสุดท้ายของบิดามารดาก็ไม่ใช่ใหญ่ เพราะอักษรารักบ้านหลังนี้มาก จะหนีตามผู้ชายข้อนี้ลืมไปได้เลย เขามั่นใจว่าอักษราไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้แน่นอน หากเป็นปนัดดาก็ว่าไปอย่าง
“นั่นสิครับคุณพ่อ ผมก็คิดไม่ออกว่าน้ำหอมจะไปไหน โทรไปถามชมพูกับแดน ทั้งคู่ก็ไม่รู้ไม่เห็น จะไปแจ้งความก็กลัวว่าแต้วจะอาละวาด หาว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้พานจะไม่ให้เงินเราด้วย ผมก็เลยมาหาคุณพ่อนี่แหละครับ” เพิ่มศักดิ์เข้าใจความจำเป็นของลูกชาย เพราะเงินที่จะได้จากปนัดดาสำคัญกว่าเรื่องของอักษรา หากออกตัวมากไปอาจทำให้แหล่งเงินแหล่งทองไม่พอใจเอาได้
“พ่อไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พ่อจะช่วยพีตามหาน้ำหอมเอง เราจะเริ่มต้นตรงไหนดีล่ะ?” พีรวัฒน์ยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของบิดา
“อย่างที่ผมบอกไป ผมอยากให้คุณลุงถวิลช่วยตามหาน้ำหอมครับ ผมว่ามันเป็นทางเดียวที่ผมคิดออกตอนนี้”
พีรวัฒน์อาศัยถวิล นายตำรวจยศพันโทเพื่อนสนิทของบิดาในการออกตามหาคนรัก เนื่องจากตำรวจมักมีสายลับฝีมือเยี่ยมไว้คอยรับงานอยู่แล้ว คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับงานเล็กๆ แค่นี้
“ได้ ไม่มีปัญหา พ่อจัดการให้” เพิ่มศักดิ์รับคำลูกชาย พีรวัฒน์มีสีหน้าดีขึ้น ความหนักอดหนักใจลดทอนลงไปได้ในระดับหนึ่ง แล้วเขาก็คิดว่าอีกไม่นานคงจะได้ข่าวคราวอักษรา และภาวนาให้เธอติดต่อกลับมาหาเขาในเร็ววันนี้
ด้านในครัว
ปนัดดาตั้งใจทำอาหารตามที่อรุณวดีสอนทุกอย่าง แม้ว่าจะไม่ชอบทำอาหารก็ตามที อีกทั้งต้องอดทนยืนทำอาหาร หั่นผักทำโน่นนั่นนี่ที่เธอคิดว่ามันยุ่งยาก สู้ไปนั่งรอให้อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะก็ไม่ได้ หรือไม่ก็ไปทานอาหารในร้านหรูๆ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่ต้องทนร้อนอยู่หน้าเตา
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ วันนี้ปนัดดาตั้งใจทำอาหารเพื่อคนที่ตนรัก ทุกขั้นทุกตอนของการปรุงอาหาร เธอมุ่งมั่นทำอย่างเต็มที่ ในที่สุดอาหารจานแรกในชีวิตก็เสร็จสิ้น
“เห็นหรือเปล่าหนูแต้ว ว่าการทำอาหารมันไม่ยากอย่างที่คิด”
อรุณวดีพูดขึ้นเมื่อการทำไข่ตุ๋นบรรลุเสร็จสิ้น ปนัดดามองอาหารจานแรกที่ตนทำด้วยความภาคภูมิใจ แล้วหวังว่าพีรวัฒน์จะถูกใจอาหารจานนี้
“ค่ะคุณแม่ ไม่ยากเลยค่ะ แต่ก็ไม่ง่ายนะคะ ไม่รู้ว่าพี่พีจะชอบหรือเปล่า?” ในความภาคภูมิใจปนัดดายังมีความกังวลแฝงอยู่
“ต้องชอบสิจ๊ะ ไข่ตุ๋นเป็นอาหารจานโปรดของพีเลยนะ รับรองว่าพี่จะต้องทานจนหมดชามแน่ๆ”
ว่าที่แม่สามีให้กำลังใจปนัดดา
“ค่ะคุณแม่” ว่าที่ลูกสะใภ้พอมีกำลังใจขึ้นมานิด
“เดี๋ยวแม่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ หนูแต้วช่วยดูแกงในหม้อให้แม่หน่อย ถ้าเดือดแล้วให้ใส่มะเขือจานนี้ลงไปในหม้อนะลูก”
“ค่ะคุณแม่” ปนัดดารับคำ ก่อนจะหันไปหั่นผักที่อยู่ในตะกร้า ใบหน้าสาวอาบไปด้วยรอยยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงคำชมจากปากพีรวัฒน์จากรสชาติของไข่ตุ๋นฝีมือเธอ
อรุณวดีเดินเข้าไปในห้องน้ำตามที่บอกไว้จริงๆ แต่ไม่ได้เดินกลับไปในครัวเหมือนที่ควรจะเป็น นางกลับเดินไปยังห้องนั่งเล่นแทน เนื่องจากมีเรื่องหนึ่งจะบอกลูกชาย
“คุยอะไรกันอยู่สองพ่อลูก หน้าตาเคร่งเครียดเชียว” อรุณวดีทักสามีและบุตรชายหลังจากที่หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาข้างสามี
“กำลังคุยกันเรื่องน้ำหอมน่ะ” เพิ่มศักดิ์ตอบภรรยา
“เรื่องน้ำหอม เรื่องอะไรคะคุณพี่?” อรุณวดีถามด้วยความฉงน พีรวัฒน์จึงทำหน้าที่เฉลยความข้องใจของมารดา
“หายไปดื้อๆ เลยเหรอ น้ำหอมอาจจะไปเที่ยวที่ไหนคนเดียวโดยที่ไม่อยากจะบอกให้ใครรู้ก็ได้นะ” อรุณวดีออกความคิดเห็นหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราว
“ที่แม่พูดมามันก็น่าคิดนะพี” เพิ่มศักดิ์เห็นด้วยกับคำพูดของภรรยา ทำไมเขาถึงลืมคิดข้อนี้ไปนะ
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับคุณพ่อ คุณแม่ ผมรู้จักนิสัยของน้ำหอมดีครับว่าไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน ยิ่งตอนนี้ยังไม่ปิดเทอม น้ำหอมไม่มีวันทิ้งเด็กๆ ไปเที่ยวแน่ๆ ครับ”
พีรวัฒน์รู้จักอักษราดีว่า มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่มากแค่ไหน ไม่มีวันทิ้งเด็กนักเรียนที่ต้องดูแลไปแบบไม่บอกกล่าวเช่นนี้ อีกทั้งช่วงเวลาเที่ยวของอักษราจะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดตามเทศกาล และช่วงปิดเทอมเท่านั้น ฉะนั้นข้อนี้ตัดทิ้งไปได้เลย
“หรือว่าน้ำหอมจะรู้เรื่องของพีกับหนูแต้ว เลยทนไม่ไหวหนีไปดื้อๆ แบบนี้”
อรุณวดีสันนิษฐานต่อ และคำพูดประโยคนี้เองที่พีรวัฒน์เนื้อแทบเต้น หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาจะทำอย่างไร แค่คิดเขาก็เกิดอาการทนไม่ได้แล้ว
“นั่นสิ หรือว่ามันจะเป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ” เพิ่มศักดิ์พูดเสริม
“คุณพ่อคุณแม่อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมยิ่งใจคอไม่ดีอยู่ด้วย” ผู้เป็นลูกร้อนตัว
“พ่อว่ามันก็น่าคิดนะ ถ้าไม่อย่างนั้นจะติดต่อน้ำหอมไม่ได้เหรอ”
“เอาอย่างนี้ดีกว่านะ เรายังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แน่นอนก็อย่าเพิ่งไปคิดมัน ให้สารวัตรถวิลจัดการตามที่พีต้องการก่อน ได้เรื่องกันยังไงตอนนั้นค่อยคิดกันอีกที เอาเรื่องที่สมควรทำที่สุดก่อนดีกว่า” อรุณวดีคิดว่าเรื่องอักษราไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องรีบจัดการมากกว่า