“จินเอ๋อร์ เจ้าอยากเรียนอะไร” มู่หยางหย่งเล่อก้มลงคุยกับน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับตอนที่พูดคุยกับเหล่าทหารของเขา
“ท่านพี่รู้ดีว่าข้าต้องการรู้สิ่งใด” หยวนจินมองตาพี่ชายของเขาอย่างมุ่งมั่น ความตั้งใจในการล้างแค้นให้บิดามารดาและคนในครอบครัวเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“พี่รู้ เจ้าจำที่ท่านแม่ของเจ้าพูดก่อนตายได้หรือไม่”
“จำได้ขอรับ”
“เจ้าจงจำหน้าผู้กุมความลับของเจ้าเอาไว้ให้ดี พวกเขาเป็นคนสนิทของพี่ เป็นอาจารย์ และสหาย ต่อจากนี้ไป เจ้าก็จงเรียนรู้จากพวกเขาเถิด ถามเขาในทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้ ถามในทุกเรื่องที่เจ้าสงสัย พวกเขาจะปกป้องและดูแลเจ้าเหมือนที่ปกป้องดูแลพี่ชายของเจ้า” มู่หยางหย่งเล่อมองไปยังเหล่าทหารคนสนิทของเขาอีกครั้ง หยวนจินมองตามสายตาของพี่ชาย สายตาของทั้งสองพี่น้องช่างเย็นชาเหมือนกันไม่มีผิด ความลับเรื่องชาติกำเนิดของเขาจะไม่มีทางหลุดรอดออกไปได้ หากเขากับพี่ชายไม่ยินยอม ถ้ามีผู้อื่นล่วงรู้โดยที่เขาทั้งสองไม่ได้บอกก็เท่ากับว่าคนผู้นั้นรนหาที่ตาย เหล่าทหารคนสนิทก็รู้เห็นตรงกันว่ามู่หยางหย่งเล่อต้องการตอกย้ำให้พวกเขารู้ว่ามู่หยางจินนั้นสำคัญเพียงใด คนสนิททั้งห้ามองเจ้านายเหนือหัวพร้อมกับก้มหัวรับ
“พวกเขา จะดูแลข้าได้จริงหรือท่านพี่” หยวนจินมองเหล่าทหารคนสนิททั้งห้าอย่างพิจารณา
“เหตุใดเจ้าจึงถามพี่เยี่ยงนี้” มู่หยางหย่งเล่อมองสบตาน้องชาย บัดนี้หยวนจินไม่ใช่เด็กชายที่ร่าเริงสดใสอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้แววตาของเขาช่างเย็นชาไร้ความรู้สึก จะอ่อนไหวลงบางเมื่อพูดคุยกับเขาผู้เป็นพี่ชาย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ข้าขอถามพวกท่าน เหตุใดข้าจึงพบพี่ชายข้าเพียงผู้เดียว เหตุใดตอนที่พี่ข้าตกอยู่ในอันตรายพวกท่านจึงไม่อยู่กับเขา” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ แต่ก็กระทบเข้าถึงหัวใจคนฟังทั้งหลาย
“พวกกระหม่อมสมควรตาย ที่ถวายการอารักขาไม่ดี ขอองค์ชายโปรดลงโทษด้วย” เหล่าทหารต่างก็คุกเข่าลงรอรับโทษ พวกเขารู้ดีว่าการที่ปกป้องเจ้านายเหนือหัวไม่ได้นั้นมีโทษหนักเพียงใด และพวกเขาก็สมควรได้รับโทษนั้น
“เจ้าก็ได้ยินที่พี่พูดกับพ่อของเจ้าแล้วนี่ ว่ามันเป็นข่าวลวง วันนั้นคนสนิทที่ติดตามพี่ของเจ้ามาตายเพื่อปกป้องพี่จนหมด จึงเหลือเพียงพี่ชายของเจ้าเพียงผู้เดียว เจ้าอยากให้พี่ลงโทษพวกเขาที่ไม่ได้รับบัญชาให้ติดตามพี่มาด้วยอย่างนั้นหรือ” มู่หยางหย่งเล่อยังคงพูดกับน้องชายด้วยเหตุผล เหล่าคนสนิททั้งหลายต่างมองหน้ากันและคิดในใจว่าน้องชายของเจ้านายเหนือหัวคนนี้ของเขาช่างเหมือนพระองค์ยิ่งนัก
“ข้าขอโทษที่แอบฟังท่านพี่กับท่านพ่อคุยกัน และข้าไม่ได้อยากเอาผิดหรือกล่าวโทษผู้ใด ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่าพวกเขาจะดูแลข้าได้จริงหรือ” หยวนจินพูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงอ่อนลงอย่างยอมรับในคำพูดของพี่ชาย
“พี่จึงบอกให้พวกเขาสอนในสิ่งที่เจ้าอยากรู้อย่างไรเล่า เจ้าจะได้รู้จักกับพวกเขา พี่เชื่อว่าเจ้าจะรู้ได้เองว่าใครเป็นอย่างไร การรักษาความลับของเจ้าก็เปรียบเสมือนการลงโทษพวกเขาทั้งชีวิตแล้ว”
“ขอรับ ข้าจะเรียนรู้จากพวกเขา ข้าขอฝากตัวกับพวกท่านด้วย” หยวนจินโค้งคำนับเหล่าทหารคนสนิทของพี่ชาย
“พวกเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” หยวนจินทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น ท่าทางของเขาช่างยิ่งยโสเกินเด็กแต่ก็ดูน่าเกรงขามคล้ายกับมู่หยางหย่งเล่อไม่มีผิด
“เจ้าสัญญากับพ่อแม่ของเจ้าว่าจะฟังพี่ใช่หรือไม่” มู่หยางหย่งเล่อหันกลับมาถามน้องชายอีกครั้ง หยวนจินเองก็หันมองเขาเช่นกัน
“ขอรับ ข้าจะรอวันที่ท่านพี่สอนข้า” หยวนจินไม่รบเร้าให้มากความ เขาเรียนรู้ที่จะใจเย็นและรอคอยวันที่พี่ชายบอกว่าเขาพร้อมที่จะเรียนรู้การสังหาร
“เจ้าจะได้รู้ทุกสิ่งที่พี่รู้ ได้เรียนทุกสิ่งที่เจ้าอยากเรียน”
“ขอรับท่านพี่”
“ท่านอาจารย์ ช่วยสอนทุกสิ่งที่ท่านเคยสอนข้ากับจินเอ๋อร์ด้วยเถิด” มู่หยางจินมองซ่งชีฟง
“หม่อมฉันจะทำสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งชีฟงโค้งคำนับรับบัญชาจากมู่หยางหย่งเล่อด้วยความเคารพอย่างนอบน้อม
“รายงานสถานการณ์มาเถิด เราอยากรู้ว่าหลายวันนี้เราพลาดอะไรไปบ้าง”
“หลู่หนานอ๋องก่อกบฏแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของเราส่งข่าวมาว่าหลู่หนานอ๋องยึดวังหลวงได้แล้ว ตอนนี้องค์รัชทายาทกำลังหนีออกจากพระราชวัง ส่วนฮ่องเต้กับฮองเฮายังไม่มีข่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ” จางหลงซานกล่าวรายงานด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่เพียงแต่เขาที่แสดงออกเช่นนี้ แต่ทุกคนล้วนแสดงออกเหมือนกันหมด
“ทหารของเรามีอยู่เท่าไหร่”
“ทหารของเราที่ต้าหยางมีห้าหมื่นนายพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กระหม่อมส่งเข้าไปแทรกซึมในค่ายที่ชายแดนแล้ว รอเพียงพระองค์ตัดสินใจว่าจะให้ยึดค่ายทหารกลับคืนมาเมื่อใดเท่านั้น”
“ดี รองแม่ทัพเซียว ท่านเร่งให้คนปล่อยข่าวออกไปว่าข้า มู่หยางหย่งเล่อยังไม่ตาย และกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง พวกมันต้องดักรอข้าที่ชายป่ารอยต่อของต้าหยางกับชิงฉางแน่นอน ท่านนำทหารหนึ่งหมื่นนายไปซุ่มโจมตีพวกมันที่นั่น”
“กระหม่อมรับบัญชา” เซียวซีเหวินโค้งคำนับแล้วเร่งเดินจากไป
“เยี่ยนชาง เจ้าคุมกำลังห้าพันนายอยู่ดูแลจินเอ๋อร์ บ้านหลังนี้อยู่ไม่ได้แล้ว หาที่พักใหม่รอข่าวจากเรา”
“กระหม่อมรับบัญชา”
“พรุ่งนี้เราจะยึดค่ายกลับคืน จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่พวกท่านแล้ว”
“ตั้งแต่ทราบข่าวว่าพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เหล่าทหารของเราก็กลับมาฮึกเหิมมีขวัญและกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง การศึกครั้งนี้ เราต้องชนะได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าก็หวังอย่างนั้นท่านอาจารย์ พวกท่านกลับไปพักผ่อนเถิด วันพรุ่งนี้เรายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก เยี่ยนชาง เจ้าตามเรากับน้องชายไปยังที่พัก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้พี่จะต้องออกรบ เยี่ยนชางจะอยู่ดูแลเจ้า ต้องการอะไรเจ้าจงบอกกับเขา แม่ของเจ้าบอกว่าเจ้าได้เรียนรู้มาบ้างแล้ว แต่เพราะสงครามจึงไม่ได้ไปเรียนหนังสือ และเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน”
“ขอไม่ชอบเล่นกับคนพวกนั้น พวกเขาชอบหาเรื่องข้า”
“เพราะเหตุใดพวกเขาจึงชอบหาเรื่องเจ้า เจ้าทำอะไรให้เขาไม่พอใจ”
“เพราะข้าฉลาดขอรับ”
“จะโอ้อวดเกินไปหรือไม่จินเอ๋อร์”
“ข้าเรียนรู้ไวกว่าพวกเขา ท่านอาจารย์จึงชอบข้า”
“อย่างนั้นหรือ แล้วพวกเขาหาเรื่องเจ้าอย่างไร ไหนลองเล่าให้พี่ฟังหน่อย”
“ตอนแรกพวกเขาก็แกล้งเอาแมลงมาใส่ในน้ำและอาหารของข้า แต่ข้าก็เอาใส่กลับไปให้พวกเขา พักหลังพวกเขาก็รุมตีข้า”
“รุมตีเจ้าอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าได้บอกกับท่านอาจารย์ของเจ้าหรือไม่”
“ข้าไม่ได้บอกขอรับ”
“แล้วเจ้าอยู่เฉยให้พวกเขารังแกอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ขอรับ ข้าตีพวกเขากลับ คนพวกนั้นต่างก็ได้รับบาดแผลจากฝีมือข้าขอรับ”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! สมแล้วที่เป็นน้องชายของข้า เจ้ารู้สึกเช่นไรตอนที่ตีพวกเขา” มู่หยางหย่งเล่ออดที่จะหัวเราะพอใจกับอุปนิสัยด้านนี้ของน้องชายไม่ได้
“เหตุใดท่านพี่ต้องหัวเราะขอรับ ข้าแค่ป้องกันตัวเพราะพวกเขาตีข้าก่อน ท่านพ่อสอนว่าอย่ายอมให้ใครรังแกต้องตอบโต้ แต่ท่านแม่กลับตีข้า ข้านั่งไม่ได้อยู่หลายวันเลย” หยวนจินมองพี่ชายอย่างไม่ค่อยพอใจนักที่ถูกหัวเราะเยาะเรื่องที่ท่านแม่ลงโทษเขา
“พี่แค่พอใจที่เจ้ารู้จักสู้เพื่อตนเอง ท่านพ่อเจ้าสอนให้ป้องกันตัวอย่างนั้นหรือ” มู่หยางหย่งเล่อลูบหัวหยวนจินอย่างเอ็นดูและพึงพอใจที่น้องชายของเขาทั้งฉลาดและมีไหวพริบ