Chapter 3
ทะเล้ ทะเล (1)
"ยะ แย่แล้ว!"
คำแรกที่เปล่งออกมาจากปากหลังจากตื่นนอน เมื่อเจ้าตัวดูเวลาแล้วเห็นว่าเข็มสั้นชี้ที่เลขห้า นั่นแสดงว่าเลยเวลานัดมามากแล้ว...ดากานดาพรวดพราดลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวและอาบน้ำแต่งตัว...ไปหัวหินตามคำรบเร้าของเด็กๆ ซึ่งปราชญ์ให้หล่อนไปด้วยเพราะเขาตามใจลูกๆ ที่อ้อนขอให้คุณอาตามติดไปเที่ยวทะเลด้วยกัน
"ตื่นช้าแบบนี้ ป่านนี้พี่ปราชญ์ต้องโมโหแล้วแน่ๆ เลย โธ่...ทำไมเป็นคนแบบนี้นะกานดา"
คิดไปแต่งตัวไป ใบหน้าของเขาลอยเด่นทำให้ยิ่งเร่งรีบมากกว่าเดิม หล่อนใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงสำหรับการอาบน้ำแต่งตัว คิดเอาไว้ว่าจะไปแต่งหน้าในรถเพราะกลัวคนรอจะหงุดหงิด และพานให้ถูกดุจนหมดอารมณ์เที่ยวไปเสียก่อน
ดากานดาลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้อง แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดไปอย่างรีบเร่ง เพียงลงมาถึงส่วนกลางของบ้าน ก็เห็นเขานั่งรออยู่กับเด็กๆ ตรงพื้นที่รับรองแขกด้วยท่าทีที่ยากจะคาดเดาว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน
"เย้ๆ คุณอามาแล้ว ไปกันเถอะค่ะปาป๊าขา"
ปราชญ์ยกมือขึ้นมาดูเวลา แววตาคมกล้าเหลือบมองคนที่ช้ากว่าใครเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากแต่ทำให้คนมาช้าถึงกับไม่กล้าสบตา
"หนึ่งชั่วโมงกับอีกสามสิบเก้านาที...นั่นคือเวลาที่ต้องสูญเสียไปเพราะเธอ มัวทำอะไรอยู่ฮึกานดา"
"ขะ ขอโทษค่ะ นาฬิกามันไม่ปลุกนี่คะ"
"นั่นคือคำแก้ตัวของคนไร้วินัย ทำไมต้องพึ่งนาฬิกาปลุก ทำไมไม่หัดให้เป็นนิสัยล่ะฮึ!"
"กานดาสำนึกผิดแล้ว อย่าโกรธเลยนะคะ ยิ่งพี่ปราบต์มัวโกรธ ก็จะยิ่งเสียเวลานะคะ ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวถึงหัวหินสายนะ"
"พี่มีเวลาแค่สองวัน อุตส่าห์นัดตีสี่ แต่เธอก็ทำเสียเรื่องซะนี่...เฮ้อ...ยายเด็กไร้วินัย"
"แล้ว..ทำไมไม่ปลุกคะ ปล่อยให้เลยเวลามาตั้งชั่วโมง"
"ผิดแล้วยังเถียงข้างๆ คูๆ หน้าที่ตัวเองทำไมต้องให้คนอื่นรับผิดชอบล่ะครับ"
น้ำเสียงเขาไม่ตลกด้วย มือใหญ่แย่งกระเป๋าเสื้อผ้าของหล่อนไปจากมือ ก่อนจะคว้าของตัวเองมาไว้ในมืออีกข้าง เพื่อที่จะลากไปยังรถที่ขับมาจอดรอหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว
"กานดาทำเองได้ค่ะ เกรงใจพี่ปราชญ์"
"ไม่เป็นไร เธออุ้มน้องธามตามไปก็แล้วกัน"
มองไปทางเด็กในบ้านให้ส่งลูกชายคนเล็กให้ดากานดา
เพื่อให้อีกฝ่ายถือสัมภาระของเด็กๆ ตามไปที่รถ
ดากานดารับหลานมาไว้ในอ้อมกอดก่อนมองตามร่างสูงที่ลากกระเป๋าเดินนำไปก่อนหน้า...รู้สึกไม่คุ้นชิน กับการที่มีใครสักคนมาเดินลากกระเป๋าให้ คล้ายกับตนคือคนพิเศษในหัวใจที่เขาต้องคอยบริการ
"พร้อมหรือยังครับสาวๆ เราจะไปกันล่ะนะ"
"เย้ๆ ไปค่า"
ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้สาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างหลัง ส่วนที่นั่งข้างๆ คนขับคือดากานดา บนตักของหล่อนคือลูกชายของเขาที่อยู่ในอาการร่าเริงไม่ต่างไปจากสาวน้อยลลิน
รถเคลื่อนที่ออกจากบ้านเมื่อทุกอย่างพร้อม...ท่ามกลางล้อรถที่กำลังหมุนจนรถแล่นผ่านรั้วบ้านไปอย่างไม่รีบเร่ง ใจของคนขับก็ประหวัดไปถึงใครบางคนอีกครั้ง
'ถ้าคุณไปด้วย...ผมจะมีความสุขมากๆ เลยนะลิน...'
ดากานดาลอบมองเสี้ยวหน้าคนขับอยู่เป็นระยะ สีหน้าและการเงียบของเขาทำให้คนมองรู้เท่าทันความคิดในใจ
"คิดถึง...พี่ลินเหรอคะ"
เพียงเท่านั้น แววตาขุ่นขวางก็ตวัดมองทันควัน
"อย่ายุ่งเรื่องนี้จะได้มั้ย! แล้วก็...อย่าเอ่ยถึงลินอีก รู้มั้ยว่าเธอน่ะ...ทำตัวน่ารำคาญชะมัด"
"ขอโทษค่ะ..."
"ถ้าถามอะไรไม่เข้าท่าอีกครั้ง พี่จะทิ้งเธอไว้กลางทาง"
ดากานดารีบเบือนหน้ากลับไม่กล้ามองหน้าเขาอีก ขณะที่สายตาทอดมองไปข้างหน้าท่ามกลางฟ้าที่เริ่มสาง หูได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจหนักๆ ตามมาด้วยความเงียบ ดีที่ได้เสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาวช่วยขับไล่ความอึดอัด ไม่อย่างนั้นหล่อนคงเป็นบ้าตายถ้าต้องนั่งรถไปกับคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จนถึงหัวหิน เขาเป็นผู้ชายที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนปรับตัวตามไม่ทัน
"ไปเที่ยวทะเลเหรอคะ"
อลินนับหนึ่งถึงสิบในใจ สูดลมหายใจให้ลึกหลังทราบจากแม่สามีว่าปราชญ์พาเด็กๆ ไปเที่ยวทะเลโดยที่ตนไม่รู้ และสิ่งที่ทำให้ไม่พอใจหนักนั่นคือเขาพาดากานดาไปด้วย ที่สำคัญ...ทุกวันนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมียอย่างหล่อนต้องการอะไร ทำไมจึงเป็นฝ่ายขอหย่า ทั้งที่ความจริงมันคือการลองใจผู้ชายเช่นเขาว่าจะคิดได้หรือไม่ หล่อนไม่ได้อยากหย่ากับเขาจริงๆ ดังที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ
"ว่าจะมารับเด็กๆ ไปเยี่ยมคุณตาคุณยายเสียหน่อย ปราชญ์น่าจะบอกลินสักนิดว่าจะพาลูกไปเที่ยวทะเล"
"แม่ก็นึกว่าคุยกันแล้ว แต่ลินไม่ไปเอง"
ปรียานุชทำหน้าปั้นยาก หล่อนเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องบาดหมางของสองคนผัวเมียสักเท่าไหร่นัก รู้เพียงแต่ว่ากำลังเจรจากันเรื่องฝ่ายหญิงขอหย่า ก่อนหน้านั้นเคยขอร้องอลินมาแล้วว่าให้ตัดสินใจให้ดีๆ หากแต่ว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะทำตามความต้องการตัวเอง
"ปราชญ์เขาชวนกานดาไปเหรอคะ"
"กานดาไปในฐานะพี่เลี้ยงจ้ะ ไปเลี้ยงน้องให้ตาปราชญ์ แล้วลลินก็อ้อนด้วยแหละ อยากให้คุณอาไปด้วย"
อลินแค่นยิ้ม ลึกๆ รู้สึกหึงหวงเขาขึ้นมาเสียดื้อๆ เหตุเพราะดากานดากับสามีเธอไม่ได้เป็นพี่น้องตามสายเลือด อะไรๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ หล่อนเชื่อเช่นนั้น เพราะดากานดาเป็นคนสวยที่มีผู้ชายตามจีบหลายคน
"แล้วเขาจะกลับวันไหนคะ"
"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วล่ะจ้ะ เพราะตาปราชญ์หยุดยาวไม่ได้"
"ถ้าอย่างนั้นลินกลับก่อนนะคะ"
ยกมือไหว้แล้วหันหลังทำท่าจะเดินกลับออกไปทางเก่า หากแต่เสียงของปรียานุชทำให้อลินหันกลับมา
"จะให้แม่บอกตาปราชญ์มั้ยจ๊ะว่าหนูมาที่นี่"
ยืนนิ่งคล้ายครุ่นคิด หากแต่ทิฐิในใจทำให้หล่อนส่ายหัวปฏิเสธ
"ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวลินคุยกับเขาเอง"
หล่อนโกหก จะไม่มีการคุยอะไรทั้งนั้น หล่อนจะรอให้เขาเป็นฝ่ายโทร.หาเพื่องอนง้อ ความหยิ่งทะนงทำให้ยิ่งโกรธสามีตัวเองมากขึ้น ใจก็ได้แต่รอให้เขาง้อด้วยเรื่องที่เคยออดอ้อนเอาไว้ เรื่องการลงทุนและซื้อบ้านราคาสามสิบล้านเพื่อแยกออกไปอยู่แบบครอบครัวเดี่ยวไม่ยุ่งกับใคร และเขาเคยปฏิเสธจนทะเลาะกันมาแล้ว เหตุเพราะผู้ชายมัธยัสถ์แบบเขานั้นกลับมองว่าไม่จำเป็น การลงทุนมีความเสี่ยงและบ้านที่หล่อนจะซื้อนั้นมีราคาแพงเกินไป
ริมทะเลปราณบุรีมีร้านอาหารหลายร้านให้เลือกแวะ ก่อนเข้าที่พักปราชญ์พาดากานดาและเด็กๆ มาหาข้าวกลางวันทานเพราะเลยเที่ยงมานานแล้ว...ตรงโต๊ะนั่งที่รับลมทะเลแบบเต็มๆ ดากานดานั่งฝั่งตรงกันข้ามกับปราชญ์ บนตักคือลูกชายของเขาที่กำลังนอนดูดนมจากขวดอย่างเพลิดเพลินในอารมณ์
"ส่งน้องมาให้พี่แล้วเธอก็กินข้าวก่อน...ผลัดกัน..."
ดากานดามองคนพูดเทน้ำจากขวดล้างมือทั้งสองข้างแล้วใช้กระดาษเช็ดจนแห้ง ก่อนเขาจะลุกเดินอ้อมโต๊ะมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ
"พี่ปราชญ์ทานก่อนเถอะค่ะ จะได้คอยตักอาหารให้ลลิน ด้วย"
เขาสื่อความหมายทางสายตาว่าอย่าดื้อ พร้อมทั้งยื่นแขนทั้งสองข้างมาข้างหน้า เพื่อให้หล่อนส่งลูกชายไปให้เขารับช่วงต่อชั่วคราว
"เธอนั่นแหละกินก่อน แล้วก็ช่วยดูแลลลินด้วย"
"ก็ได้ค่ะ"
เมื่อเขายืนกรานหล่อนจึงไม่อยากขัดใจ รีบส่งหนูน้อยให้คุณพ่อรับหน้าที่ดูแลชั่วคราว
"อาหารมาแล้ว เดี๋ยวคุณอาตักให้นะคะ"
อาหารทยอยมาจนเต็มโต๊ะ ดากานดาคว้าช้อนและส้อมมาถือไว้ ทำท่าจะตักหมึกชิ้นโตผัดไข่เค็มให้สาวน้อยที่นั่งรอด้วยความหิว หากแต่ต้องชะงัก เมื่อเสียงเข้มแทรกขึ้น
"ล้างมือก่อนสิกานดา มือเธอจับอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ สอนไม่รู้จักจำ"
"ค่ะๆ"
"ถ้าเป็นเด็กจะจับตีก้นเสียให้เข็ด"
คนถูกดุทำหน้าม่อย ก้มหน้าก้มตาล้างมือท่ามกลางสายตาคมกล้าที่จ้องมองในทุกๆ การเคลื่อนไหว
"ลลินด้วยครับ ให้คุณอาล้างมือให้ก่อนนะ"
"ค่ะปาป๊า"
สาวน้อยทำตามอย่างไม่ขัดขืน ลุกจากเก้าอี้มาหยุดยืนข้างๆ คุณอา น้ำสะอาดถูกเทออกจากขวดใส่มือเล็กๆ ขาวสะอาด ชะล้างสิ่งสกปรกลงบนพื้นทราย
'ไม่น่ามีพี่ชายเป็นหมอเลยกานดา หมอเป็นเหมือนกันหมดมั้ยนะ สะอาดเกิ๊น'
คิดในใจไม่กล้าคิดดัง สายตาก็ลอบมองเขาอุ้มลูกชายไว้แนบอกสลับกับมองหลานสาว อนาคตเขาอาจเป็นคุณพ่อลูกสองเมียขอหย่า...คิดไปไกล...ถ้าไม่มีหล่อนแล้วใครจะช่วยเลี้ยงลูกให้เขาได้ นี่คือเหตุผลที่ยังไม่ยอมไปหางานทำ
อยากเอ่ยปากบอกเขาเรื่องพี่เลี้ยงเด็กแต่ก็ไม่กล้า ยอมรับว่าไม่ไว้ใจคนนอกกลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายหลาน ข่าวก็มีให้เห็นอยู่มากในเรื่องนี้ หากแต่ชีวิตของหล่อนก็จมปลักอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้ เมื่ออนาคตนั้นก็คือการรีบหางานที่มั่นคงทำ ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป เมื่อคิดมาถึงตรงนี้...หล่อนคิดว่าจะทำตัวเป็นกาวใจให้คนสองคนหันหน้ามาคุยกันดีๆ เพื่อเห็นแก่ลูกๆ ทั้งสอง ให้ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัวตามเดิม