ตอนที่ 12 หลงยุค 1.2

1892 คำ
บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ร่างของสตรีผมสีดำยาวแผ่สยายไปตามผืนน้ำ นอนหมดสติอยู่ริมชายฝั่งไม่ไกลจากกระท่อมหลังน้อยของหนิงฮูหยินเท่าใดนัก นางสวมเสื้อผ้าแปลกตาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุคสมัยนั้น ซึ่งร่างดังกล่าวก็คือฮัวฟู่หรง ดาราสาวที่กำลังมาแรงในแผ่นดินจีนจากยุคอนาคต ที่เพิ่งจะประสบอุบัติทางรถยนต์อย่างรุนแรงจนรถคันหรูที่เธอขับขี่อยู่นั้นลอยละลิ่วข้ามราวสะพานตกลงไปในแม่น้ำเฉียนถังพร้อมกับฮัวมู่หลันพี่สาวของเธอ ทว่าจะเป็นลิขิตจากสวรรค์เบื้องบนก็มิอาจรู้ได้ เมื่อกำไลหยกซึ่งสลักชื่อตรงกับหญิงสาวที่สวมอยู่บนข้อมือของฟู่หรงนั้นเป็นของล้ำค่าประจำตระกูลอินมาตั้งแต่ยุคสามราชาห้าจักรพรรดิ ซึ่งกำไลดังกล่าวเรียกว่ากำไลหงส์ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยนั้นโดยหนึ่งในสามราชาซึ่งเป็นจอมขมังเวทย์ได้ประทานให้แก่ต้นสกุลอินพร้อมร่ายเวทย์ลงในกำไลดังกล่าว อีกทั้งกำไลหงส์อินลี่ซานนำมามอบให้ฮัวฟู่หรง ซึ่งเป็นฮูหยิน ของแม่ทัพหนุ่มด้วยตัวเองเพื่อมอบให้เป็นตัวแทนความรักของเขาที่มีต่อนางมากมายยิ่งนัก และด้วยเพราะความรักอันมั่นคงและแรงคิดถึงอย่างแรงกล้าของอินลี่ซาน จึงเป็นเหตุให้กำไลหงส์โบราณซึ่งราชาจอมขมังเวทย์สร้างขึ้นมามีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาทันใด จึงส่งผลทำให้เป็นตัวกลางคอยสื่อสารอินลี่ซานฝันเห็นฮัวฟู่หรงดาราสาวคนงาม ซึ่งเธอก็คือฮูหยินฮัวของแม่ทัพทมิฬแห่งต้าฉินในยุคอดีตที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อหกปีก่อนหลังจากถูกชายปริศนาสังหารตามคำสั่งของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเพื่อต้องการให้ฮูหยินฮัวสิ้นชีพ และกำไลหงส์ที่อินลี่ซานสวมให้กับฮูหยินของเขาได้นำร่างของฮัวฟู่หรงเลือนหายไปจากยุคอดีต ทันทีที่ลมหายใจของนางหลุดลอยออกจากร่าง พร้อมนำดวงวิญญาณกลับไปเกิดใหม่ในแผ่นดินจีนในศตวรรษที่ 21 ครั้นฟู่หรงถูกจางเถียนเถียนจ้างวานฆ่าให้กลุ่มมาเฟียวางแผนสังหาร จนทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรงเกิดขึ้นกับฮัวฟู่หรงจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตซึ่งเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในครั้งอดีตไม่มีผิดเพี้ยน และด้วยเหตุนี้เองกำไลหงส์โบราณจึงเร้นร่างของดาราสาวแสนสวยนำเธอกลับมายุคสมัยจ้านกว๋อในแผ่นดินต้าฉินอีกครั้ง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ได้ นั้นก็เพราะจักรพรรดิจอมขมังเวทย์ได้ร่ายคาถาโบราณในบทที่เรียกว่า ปกป้องชีวิตและดวงวิญญาณทั้งก่อนตายและหลังตายพร้อมหวนคืนสู่ดินแดนที่เคยจากมา ประกอบกับความรักอันมั่นคงและแรงคิดถึงของอินลี่ซานที่มีต่อฮูหยินของเขาซึ่งมีอย่างแรงกล้ายิ่งนักจึงเพิ่มอำนาจให้แก่กำไลหงส์โบราณมากขึ้นไปอีกนับเท่าทวีคูณ และบัดนี้ชีวิตของฟู่หรงกำลังดำเนินขึ้นมาอีกครั้งหลังจากถูกชายปริศนาสังหารจนสิ้นชีพไปแล้วเมื่อหกปีก่อน เพื่อนำเธอหวนคืนสู่อ้อมกอดของสามีผู้ที่ทุ่มเทความรักให้แก่ฮูหยินของเขาไปจนหมดทั้งชีวิต ท่ามกลางสายตาของหนิงฮูหยินกำลังยืนมองร่างของฟู่หรงนอนหมดสติอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยยอดหญ้า ใบหน้าหันข้างมองเห็นได้เพียงครึ่งเดียว “เหตุใดสตรีนางนี้จึงแต่งกายประหลาดชอบกลนักไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนเลย เป็นคนจากแคว้นใดกันเล่าไปทำอีท่าไหนจึงกลายเป็นศพลอยมาตามน้ำเช่นนี้”หนิงฮูหยินพูดพลางค่อยๆ เดินตรงเข้าไปที่ร่างของฟู่หรงด้วยเข้าใจว่าสิ้นชีพไปแล้วตามคำบอกเล่าของเหวินฉีผู้เป็นหลานชาย “ฉีเอ๋อร์มาช่วยย่าดึงศพนางขึ้นจากน้ำเร็วเข้า!”หนิงฮูหยินตะโกนบอกหลานชาย “ขอรับท่านย่า”เหวินฉีขานรับทันใดพร้อมรีบวิ่งตรงไปที่ร่างของฟู่หรงเพื่อช่วยหนิงฮูหยินลากร่างขึ้นมาจากน้ำที่จมอยู่อีกครึ่งตัวก่อนจะได้ยินเสียงของคนเป็นย่าดังขึ้นมาทันใด “สตรีนางนี้ยังไม่ตาย!”หนิงฮูหยินพูดขึ้นทันทีที่มือของนางจับท่อนแขนของฟู่หรงเพื่อลากร่างขึ้นมา พร้อมเสียงของหลานชายเอ่ยแทรกขึ้น “จริงเหรอท่านย่า!”เหวินฉีพูดพลางลงนั่งยองๆ พร้อมกันกับหนิงฮูหยินที่กำลังเอื้อมมือตรงเข้าจับชีพจรบริเวณลำคอ และก็พบจังหวะการเต้นของหัวใจ “นางยังไม่ตายจริงๆ”หนิงฮูหยินพูดพลางรีบใช้มือพลิกร่างของฟู่หรงที่นอนคว่ำหน้าจมอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่งให้มาอยู่ในท่านอนหงายอย่างรวดเร็ว “โอโห่!!!!”เสียงร้องอุทานของสองย่าหลานดังขึ้นมาทันใดเมื่อเห็นใบหน้างามแสนสวยของดาราสาวจากยุคอนาคต “สวยจังเลยท่านย่า!”เด็กน้อยเหวินฉีพูดกับย่าทันทีที่ได้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจนของฟู่หรง ในขณะที่คนเป็นย่าก็นิ่งงันไปชั่วขณะที่ได้เห็นใบหน้าแสนงดงามของสตรีแต่งกายประหลาด ด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีสตรีใดมีรูปโฉมงดงามมากได้ถึงเพียงนี้ “แม่นางผู้นี้งามมากจริงๆ เป็นคนจากแคว้นไหนกันนะจึงได้งามถึงเพียงนี้ หรือจะเป็นหญิงงามจากดินแดนไป่เย่วที่เล่าลือกันว่าสตรีที่มาจากดินแดนนั้นงดงามอย่างน่าตื่นตะลึง”หนิงฮูหยินพูดพลางสำรวจเสื้อผ้าที่สวมอยู่บนร่างดังกล่าว “อาภรณ์ดูรึช่างแปลกประหลาดเสียจริง”ฮูหยินเฒ่ารำพึงด้วยความแปลกใจ นางได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจพร้อมหันไปหาหลานชาย “มาช่วยย่าดึงนางขึ้นจากน้ำเร็วเข้าฉีเอ๋อร์ ก่อนที่จะมีผู้ใดมาพบเห็นเข้าเสียก่อน นางงามมากถึงเพียงนี้จะเป็นอันตรายยิ่งนัก”หนิงฮูหยินบอกหลานชาย “ขอรับ”เด็กน้อยขานรับเร็วพลันรีบตรงเข้าไปช่วยย่าดึงร่างของฟู่หรงขึ้นมาจากน้ำนำกลับไปที่กระท่อม ค่ายทหารแม่ทัพทมิฬ ร่างในชุดเกราะของอินลี่ซานกำลังยืนมองแม่น้ำเจ้ออันกว้างใหญ่ที่ไหลผ่านค่ายทหารอยู่ตรงหน้า ภายในใจเฝ้าครุ่นคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่ได้เห็นฮูหยินของเขาจากในความฝัน นางกำลังจมดิ่งลงใต้ก้นแม่น้ำที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นสถานที่แห่งหนใด แม้ในความฝันจะเห็นหน้าของนางไม่ชัดก็ตามแต่จิตใต้สำนึกของแม่ทัพผู้กล้าบอกว่าสตรีนางนั้นคือหรงเอ๋อร์ของเขา “เหตุใดความฝันนี้จึงชัดเจนยิ่งนัก หรงเอ๋อร์จมอยู่ใต้ก้นแม่น้ำแต่มันเป็นที่ไหนกันนะ! ทำอย่างไงข้าจึงจะรู้...หวังว่ามันจะไม่ใช่ความจริงเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น”อินลี่ซานยืนครุ่นคิดอยู่ภายในใจพลางทอดสายตามองไปทั่วคุ้งแม่น้ำตรงหน้า ก่อนจะได้ยินเสียงของรองแม่ทัพคนสนิทดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง “ท่านแม่ทัพทางต้าอวี๋ให้คำตอบมาแล้วขอรับ!”เหรินหาวรีบรายงานทันทีที่เดินมาถึง “รายงานมา!”แม่ทัพหนุ่มพูดออกมาโดยไม่หันกลับมามองหน้ารองแม่ทัพคนสนิท “ต้าอวี๋ยินยอมยกทั้งห้าเมืองตามที่ท่านแม่ทัพต้องการทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้นแล้วขอรับ”เหรินหาวรายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น รอยยกยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของอินลี่ซาน เมื่อได้ยินคำตอบของต้าอวี๋กลับมาเช่นนั้น “นับได้ว่าต้าอวี๋ฉลาดมากพอที่จะยกเมืองบางส่วนเพื่อรักษาชีวิตของผู้คนทั้งแคว้นเอาไว้ไม่ให้ถูกเผาทั้งเมืองจนวอดวาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดีสงครามระหว่างสองแคว้นจะได้จบลง สู้รบกันมานานติดต่อกันกว่าสองปีแล้วกองทัพของต้าฉินจะได้มีเวลาพักบ้างเสียที”แม่ทัพหนุ่มพูดพลางหันกายกลับมามองคนสนิทพร้อมเอ่ยขึ้น “กำหนดวันลงนามทำสัญญาสงบศึกของทั้งสองแคว้นในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากลงนามในสัญญาสงบศึกเสร็จสิ้นแล้วให้เคลื่อนกองทัพกลับเมืองอู่หลง และทยอยปล่อยทหารให้เดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวรอบละสามเดือน หากทหารคนใดกลับไปแล้วแต่หนีทัพไม่ยอมหวนคืน ให้จัดการลงโทษตามวินัยทหารขั้นสูงสุด เผาทั้งครอบครัวเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บรรดาทหารคนอื่นๆ อีกต่อไป”คำสั่งอย่างเหี้ยมเกรียมถูกถ่ายทอดมา “ขอรับท่านแม่ทัพ”เหรินหาวขานรับคำสั่งก่อนจะชั่งใจอยู่เพียงครู่ว่าควรจะถามดีหรือไม่ แม้ว่าจะล่วงรู้คำตอบที่ได้รับอยู่ภายในใจก็ตามแต่เพื่อความแน่ใจจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา “ครั้งนี้ท่านแม่ทัพจะเดินทางกลับเมืองหลวงด้วยหรือไม่ขอรับ”เหรินหาวตัดสินใจถามออกไป “ไม่!”คำตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความสวนกลับมาทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “ข้าจะออกสืบเบาะแสของหรงเอ๋อร์ไปตามสถานที่ต่างๆ จนกว่าจะมีคำสั่งให้ออกเคลื่อนทัพ” คำตอบของอินลี่ซานเช่นนั้นเป็นไปตามความคาดหมายของเหรินหาวไม่มีผิด “ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะอยู่ช่วยค้นหาด้วยขอรับ”เหรินหาวอาสาอย่างเต็มใจ ท่ามกลางสายตาของอินลี่ซานที่กำลังยืนมองคนสนิทเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว “เจ้าเพิ่งจะบอกกับข้าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าให้ข้าเลิกคิดที่จะค้นหาหรงเอ๋อร์ไม่ใช่เหรอ เหตุใดเมื่อครู่จึงอาสาออกมา”แม่ทัพหนุ่มถามกลับไปด้วยความอยากรู้ เหรินหาวส่งยิ้มเจื่อนๆ เมื่อถูกอินลี่ซานตั้งคำถามกลับมาเช่นนั้น “ข้าน้อยคิดน้อยไปขอรับ ขอท่านแม่ทัพได้โปรดอภัยให้ด้วยที่กล่าวเช่นนั้นออกมาเมื่อเช้า มาคิดใคร่ครวญดูแล้วเพราะท่านผูกพันธ์และรักฮูหยินมาก อีกทั้งร่องรอยของศพก็ยังไม่ปรากฏจึงน่าจะเชื่อได้ว่าฮูหยินของท่านน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ส่วนจะสามารถพิสูจน์สตรีนางใดว่าเป็นฟู่หรงตัวจริงหรือไม่ เชื่อว่าท่านแม่ทัพจะต้องมีวิธีอย่างแน่นอนขอรับ”เหรินหาวพูดออกมาจากความรู้สึกที่ออกมาจากใจอย่างแท้จริง “ขอบใจเจ้าที่ยังคิดเช่นเดียวกับข้า!”อินลี่ซานพูดพลางหันหลังกลับไปมองแม่น้ำเจ้ออันกว้างใหญ่ตรงหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น “หลังจากสงครามระหว่างสองแคว้นสิ้นสุดลงแล้ว แม่น้ำเจ้อ คือเป้าหมายแรกที่ข้าจะออกหาข่าวของหรงเอ๋อร์”อินลี่ซานพูดออกมาอย่างมีความหวัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม