ตอนที่ 3
เลี้ยงดูด้วยลำแข้ง
สัปดาห์ต่อมา
เหลือเวลาทำงานเพียงหนึ่งวัน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะมาถึง ปกติหากเป็นวันธรรมดา ทอฝันจะลางานช่วงบ่ายครึ่งชั่วโมงเพื่อไปรับลูก จากนั้นค่อยพาคิมหันต์มานั่งเล่นคอยเธอทำงานอยู่ที่ตึกออฟฟิศ ซึ่งเธอทำเป็นประจำตลอดสามปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับวันนี้ ขณะทอฝันพิมพ์ข้อมูลจัดเก็บในระบบ ลูกของเธอก็นั่งเล่นรวมอยู่กับเด็กชายหญิงอีกหลายคน
บริษัทที่เธอทำงานประกอบธุรกิจผลิตผลไม้กระป๋องส่งทั่วประเทศ ดังนั้นจึงมีรถบรรทุกวิ่งเข้าออกไม่น้อย เอกสารใบเสร็จมากมายเลยกองอยู่ที่โต๊ะ
ทอฝันแต่ละวันคีย์ข้อมูลเข้าระบบจนหัวหมุน แต่พอถึงเวลาเลิกงาน เธอก็ไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที
ณ ค่ายมวยไม่ไกลจากหมู่บ้านเธอ
ถ้าจะถามว่าทาวน์โฮมสองชั้น ทอฝันเก็บเงินดาวน์ได้ยังไง นี่คงต้องบอกว่าหาด้วยลำแข้ง เพราะเพียงแค่เงินเดือนน้อยนิดไม่พอแน่ ไหนจะเลี้ยงปากท้องตัวเองและลูก ค่าผ่อนรถค่าเช่าบ้าน แค่งานประจำไหนเลยเพียงพอ
เสียงเตะกระสอบทรายดังลั่น หากมองไปแต่ไกลจะเห็นทอฝันหวดแข้งซ้ายเข้าเต็มตีน
“…”
หลังจากซ้อมเตะได้ไม่นาน ทอฝันก็เดินเข้าไปพูดคุยกับชายสูงอายุซึ่งยืนถือไม้เรียวคุมนักมวยรุ่นเล็กคนอื่นๆ อยู่ไม่ไกล ได้ยินเธอกล่าวว่า “ครูคะ คิดว่าไฟต์นี้หนูสู้ได้มั้ย” เธอถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเปื้อนเหงื่อ ก่อนได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาว่า
“สู้ได้สิ มวยหญิงภาคเหนือ ถ้าไม่นับพวกมืออาชีพที่ขยับขึ้นไปต่อยเวทีมาตรฐาน เธอสู้ได้ทุกคน”
ทอฝันพอฟังก็ฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับเพื่อนร่วมค่ายอีกหลายคนที่ซ้อมอยู่ใกล้กันพูดหยอกเย้าเธอ
เธอเป็นนักมวย?
ใช่แล้ว ทอฝันเป็นนักมวย แถมสถิติที่ผ่านมาของเธอก็เยี่ยมยอด ขึ้นเวทีแปดครั้งชนะน็อกรวด ถือเป็นนักมวยหญิงดาวรุ่งที่น่าจับตามอง
เพียงแต่มวยหญิงไม่เหมือนกับมวยชาย คนส่วนมากไม่ค่อยให้ความสนใจ อีกทั้งเวทีให้ต่อยก็มีน้อยแสนน้อย ค่าตัวเริ่มต้นก็แค่หลักพันเท่านั้น แต่เพราะมันทำเป็นอาชีพเสริมได้ ห้าปีก่อนหลังจากคลอดคิมหันต์ เธอก็เริ่มมาฝึกซ้อมที่ค่ายแห่งนี้แล้ว
ฝึกอยู่เกือบสามปี ทอฝันถึงได้ขึ้นชกจริงครั้งแรก แต่ใครจะคาดเธอกลับชนะน็อกมาแปดไฟต์รวด จากค่าตัวไม่กี่พันก็ขยับขึ้นมาเกือบห้าหมื่นแล้ว
ดังนั้นเธอจึงกระตือรือร้นมาก ทุกวันหลังเลิกงานหากไม่ใช่วันหยุดเธอมักจะฝากลูกไว้กับคุณป้าข้างบ้าน เพื่อออกมาซ้อมมวยในค่ายจนดึก ค่อยกลับไปนอน
กระทั่งหลายวันต่อมา
ไฟต์ชกของทอฝันถูกจัดขึ้นภายในสถานบันเทิงแบบครบวงจรแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด สถานบันเทิงแห่งนี้เป็นที่นิยมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คิวชกของเธอถูกจัดให้อยู่ในคู่ที่สาม จึงทำให้พอมีเวลาทำสมาธิและเตรียมเนื้อเตรียมตัว
นอกจากคนในค่ายที่มาคอยเชียร์ เพื่อนร่วมงานที่รู้ว่าเธอเป็นนักมวยบางคนก็ยังตามมาดูการชกด้วย โดยเฉพาะฟงหัวหน้าแผนกหนุ่ม
นับจากเขารู้ว่าเธอชกมวย เขาก็ไม่เคยพลาดสักครั้งที่จะมาเอาใจช่วยแบบติดขอบเวที
นี่เป็นโถงอาคารกว้าง กึ่งกลางมีเวทีผืนผ้าใบ ส่วนของผู้ชมสามารถจุได้มากกว่าพัน
ไม่นานก็ถึงคิวของทอฝัน ตอนเดินออกจากห้องเก็บตัว ฟงก็มาดักรอเธอ ทั้งยังขยิบตาให้พร้อมกับเอ่ย "ไฟต์ติ้ง"
เธอไม่ได้สนใจเขามาก เพียงพยักหน้ายิ้มเล็กน้อย ก่อนก้าวขึ้นสังเวียน โดยมีเทรนเนอร์ในค่ายใช้เท้าและมือถ่างเชือกกั้นเวทีให้เธอมุดผ่านไป
เสียงผู้บรรยายดังลั่น คู่ชกของเธอครั้งนี้เป็นสาวต่างชาติตัวสูง ประวัติการชกก็ดีเยี่ยม ราคาต่อรองของเซียนพนันเทไปฝั่งแม่สาวตาน้ำข้าว ขนาดยังไม่ทันชก ผู้ชมข้างเวทีต่างก็พากันส่งเสียงเฮราวกับผึ้งแตกรัง
แว่วๆ ได้ยินว่า...
“น้องสาว อย่าเอาหน้าสวยๆ ไปเสี่ยงเสียโฉมเลย ถ้ามาอยู่กับพี่ รับรองมีกินมีใช้ ไม่ปล่อยให้ลำบากเจ็บเนื้อเจ็บตัว”
“…”
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ทอฝันไม่ได้ยิน เพราะเธอมัวแต่จดจ่ออยู่กับเสียงระฆังที่กำลังจะดังขึ้นมา
ทันทีที่กรรมการสับมือชก แม่ฝรั่งร่างสูงก็หวดแข้งขวา ทอฝันไม่หลบแต่เลือกที่จะยกขาซ้ายขึ้นมากันไว้ ท่วงท่าของเธอดูชิลมาก แตกต่างกลับเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นจนคนข้างเวทีแสดงสีหน้าเหยเก
แม่สาวตาน้ำข้าวหวดแรงขนาดนี้ ต่อให้เป็นผู้ชายอกสามศอก ถ้าโดนเข้าไปมีหวังได้ลงไปชักดิ้นชักงอ
ไม่นานเสียงระฆังบอกยกที่หนึ่งจบลง ทอฝันเดินเข้ามุมพร้อมกับเหงื่อไหลย้อย เสื้อกล้ามรัดรูปสีดำของเธอเปียกชุ่ม อกอูมตูมตั้งที่แม้ถูกผ้ารัดไว้จนแน่น แต่ก็ยังมองออกว่าสะท้านขึ้นลงเพราะแรงหอบหายใจ
อีกฟาก ไม่ไกลจากทางเดินไปสู่บันไดทางออกฉุกเฉิน มุมหนึ่งของผู้ชมมีร่างปริศนายืนกอดอก ข้างกายเขามีชายร่างท้วมพูดขึ้นมาว่า
“เอ่อ บอสครับ ผมว่านี่ไม่น่าจะใช่คุณฝันนะ ผมว่าบอสคงจำผิดคน”
“…”
เหมันต์ฟังลูกน้องคนสนิทตนแสดงความคิดก็ได้แต่ยืนนิ่ง เขาไม่พูดไม่จา สายตาเพียงจับจ้องไปที่หญิงสาวบนสังเวียน ในใจก็เกิดคำถามครั้งแล้วครั้งเล่า สงสัยเหลือเกิน ว่าตลอดหกปีที่ผ่านมา เธอใช้ชีวิตยังไง
นี่ไม่เหมือนทอฝันที่เขารู้จัก ในความทรงจำ เขาจำได้ว่าเธอเรียบร้อยอ่อนหวานเพียงไหน โดยเฉพาะยามหอบหายใจอยู่ใต้ร่างเขา เธอก็เหมือนลูกแมวน้อยดีๆ นี่เอง
ขณะที่ตกอยู่ในภวังค์ ระฆังยกสองก็ดังขึ้น เหมันต์เห็นทอฝันถูกคู่ชกไล่ต่อยจนถอยติดมุมพลันรู้สึกหัวใจเจ็บแปลบ แต่ผู้ชมคนอื่นๆ กับส่งเสียงเฮดังลั่น ยิ่งเป็นชาวต่างชาติพอเห็นสถานการณ์จวนเจียนจะเกิดผลลัพธ์ได้เสีย พวกเขาก็ตะโกนโห่ร้อง บอกให้แม่สาวตาน้ำข้าวไล่อัดอย่าให้อีกฝ่ายถอยหนีออกจากมุม
นี่เป็นพายุหมัดชุดใหญ่ ทอฝันโงนเงนราวกับคนเมา ใบหน้าสวยภายใต้แขนที่ยกขึ้นมาเป็นการ์ดของเธอถูกต่อยจนปรากฏรอยช้ำ ขณะที่ทุกคนต่างก็คาดเดาว่าเธอจะทนได้อีกกี่หมัดถึงล้มลงให้กรรมการนับ ใครจะคาดคิดหญิงสาวพลันบิดเท้าคราหนึ่งหมุนตัวออกจากมุมวูบ
เธอออกสเต็ปเท้าถอยหลังไปตามเชือกเพื่อหนีเอาตัวรอด โดยที่ปล่อยหมัดแย็บสั้นๆ สองสามที
แม่สาวตาน้ำข้าวมีหรือจะปล่อยโอกาสหลุดมือ
เธอพุ่งตัวตามไปพร้อมกับรัวพายุหมัดชุดใหญ่หวังปิดบัญชี ในจังหวะนั้นเหมันต์ทนดูไม่ได้ เขาแทบอยากโดดขึ้นเวทีไปหยุดการทารุณ
ในใจร้อนรุ่ม เพราะภาพที่เห็นตอนนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการเชือดเนื้อเขาออกทีละชิ้น ดังนั้นชายหนุ่มไม่รอช้า เขารีบก้าวเท้าไปข้างสังเวียนพร้อมกับหยิบผ้าขาว หวังโยนขึ้นไปให้กรรมการยุติการชกโดยทันที
เพียงแต่สิ่งไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น จังหวะที่เหมันต์แย่งผ้าจากเทรนเนอร์คนหนึ่ง เขาพอเงยหน้ามองบนเวที ก็เห็นทอฝัน ขณะถอยหลังหนีเธอตวัดแข้งขวาขึ้นก้านคออีกฝ่ายดังป้าบ ครั้งเดียวเน้นๆ จนแม่สาวตาน้ำข้าวหลับกลางอากาศหัวทิ่มตกข้างเวที
***