บทที่ 1 ตั้งครรภ์ 1
หญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมสวยผมยาวสยายหยักโศกเดินเข้ามาภายในงานศพที่มีผู้คนแห่แหนมาร่วมงานกันคับคั่ง เพราะผู้วายชนม์เป็นถึงอดีตนักธุรกิจที่คร่ำหวอดเชี่ยวชาญอยู่ในแวดวงเกมการค้ามานานหลายทศวรรษ ไม่เพียงเป็นที่เคารพนับน่าถือตา แต่ยังน่ายำเกรงและมากไปด้วยบารมี
ดวงตาโศกเศร้าแดงระเรื่อจับจ้องแต่รูปถ่ายของคุณปู่เอื้อ เศวตวงศ์ ด้วยความอาลัยยิ่ง ตั้งแต่เสียยายผู้เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวไป ก็มีเพียงคุณปู่นี่แหละที่คอยดูแลเธอมาตลอด วันนี้ท่านมาจากเธอไปอีกคน ชีวิตของเธอจึงไม่ต่างอะไรกับว่าวที่สายป่านขาด
นริศตาเดินมาหยุดตรงหน้ากลุ่มลูกหลานของคุณปู่เอื้อ กำลังจะยกมือไหว้ ก็ถูกอดุลย์ลูกชายคนรองของท่านตะคอกถามเสียงขุ่นเคืองว่า
“ไอ้ปกมันหายหัวไปไหน ทำไมถึงไม่มางานศพของปู่มันห๊ะ! หรือต้องรอให้ไปเชิญ”
“สวัสดีค่ะ” นริศตายกมือไหว้อย่างสุภาพ สีหน้าราบเรียบ ไม่ได้ตอบคำถามหรือแก้ตัวอะไรแทนสามี ตอนนี้อธิปกทำอะไรอยู่กับใครน่ะหรือ...
“ถามทำไมไม่ตอบ ปากอมพะนำอะไรอยู่ยะ!” ยอดทิพย์ผู้เป็นสะใภ้รองค้อนเธอควักๆ อย่างชังน้ำหน้า ก่อนที่พรวิภาภรรยาของอินทรลูกชายคนเล็กจะชิงจีบปากจีบคอตอบแทนเธอว่า
“จะตอบได้ยังไงล่ะคะพี่ทิพย์ ก็ผัวตัวดันไปขลุกอยู่แต่เมียน้อยจนบ้านช่องไม่ค่อยกลับ ภาแอบได้ยินมาว่าแม่นั่นท้องแล้ว จับเจ้าปกซะอยู่หมัดเชียว อีกหน่อยก็คงมานั่งชูคอในตำแหน่งเมียเอกแทนใครบางคน” พลางปรายตามองเธอแล้วยิ้มเยาะ
“ไม่ได้เรื่อง! แค่ผัวคนเดียวหล่อนไม่มีปัญญาล่ามโซ่รึไงแม่นาว โง่!” ยอดทิพย์ซ้ำเติมด้วยความหมั่นไส้
“ผู้ชายก็แบบนี้แหละ มีบ้านเล็กบ้านน้อยบ้างเป็นเรื่องปกติ อย่าไปคิดมากเลยนะนาว เราก็อยู่ในส่วนของเราไป” อินทรตบบ่าเธอเบาๆ พลางส่งสายตากระลิ้มกระเหลี่ย ทำเอาเมียเขาที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างๆ รีบกระชากตัวสามีมายืนอยู่อีกฝั่งของหล่อนทันที
“แล้วตกลงพรุ่งนี้มันจะมามั้ย คุณพ่อจะเผาอยู่รอมร่อแล้ว ไอ้ปกจะทำตัวเป็นหลานอกตัญญูไปถึงไหน นี่น่ะเหรอหลานชายสุดที่รัก เสียแรงที่คุณพ่อทั้งรักทั้งหลง ประเคนทั้งบริษัทและสมบัติทุกอย่างให้มันไปหมด ไม่เห็นหัวลูกๆ อย่างพวกเราเลย พอตายไปแล้วเป็นยังไงล่ะ มันเคยมาดูดำดูดีซะที่ไหน เลวจริงๆ” อดุลย์ถามย้ำอย่างหัวเสีย ส่วนภรรยาก็ช่วยขยี้ว่า
“นั่นสิ ถึงจะโกรธจะเคืองกันยังไง แต่นี่ปู่ของมันนะ มันควรมาดูใจคุณพ่อครั้งสุดท้าย เธอเองเป็นเมียก็ควรจะหัดพูดหัดเตือนผัวซะบ้าง ไม่ใช่เอาแต่มานั่งทำตัวเป็นคุณผู้หญิงเศวตวงศ์แล้วถลุงเงินไปวันๆ”
นริศตายืนนิ่งรับฟัง ไม่โต้แย้งเรื่องที่เธอมีงานทำและไม่เคยใช้เงินสามีเหมือนที่ยอดทิพย์พูดเข้าตัวเอง แต่อธิปกทำไม่ถูกไม่ควรจริงๆ ผู้คนต่างพากันมาเคารพศพร่วมส่งดวงวิญญาณคุณปู่เป็นครั้งสุดท้าย ทั้งที่ไม่เป็นญาติเกี่ยวดองกัน แต่เขาเป็นหลานชายของท่านแท้ๆ แต่กลับไม่มาให้เห็นแม้แต่เงา จะถูกรุมตำหนิก็สมควรแล้ว
“นาวจะเตือนเขาให้อีกทีค่ะว่าพรุ่งเป็นวันเผาคุณปู่”
“ไม่ใช่แค่เตือน แต่เธอต้องพามันมาให้ได้!” อดุลย์สั่งเสียงเฉียบ
“ค่ะ นาวขอตัวไปจุดธูปก่อนนะคะ” นริศตารับคำแล้วเดินเลี่ยงออกไปเพื่อตัดบท ขี้เกียจอยู่เป็นที่รองรับอารมณ์ของใครต่อใคร อธิปกรู้อยู่เต็มอกว่าการที่เขาทิ้งเธอไว้เพียงลำพังกับกลุ่มญาติที่เหมือนฝูงไฮยีนาจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาคงไม่สน เพราะทุ่มความรักความเอาใจใส่ไปให้ผู้หญิงอีกคนจนหมด เธอจึงต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยตัวเอง
คนไม่ถูกรักก็เป็นแบบนี้แหละ ต้องดูแลตัวเอง
นริศตานั่งพับเพียบตรงหน้าโลงศพของท่านที่ประดับไปด้วยดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ด้านข้างล้วนเป็นพวงหรีดที่ผู้คนส่งมาแสดงความอาลัย แต่มีพวงหนึ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษเพราะประดับด้วยดอกราชาวดีสีขาวแซมสีม่วง ส่งกลิ่นหอมเย็นๆ กระจายไปทั่ว
“คุณปู่คงดีใจที่ได้สูดกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้” เธอเอ่ยเบาๆ อย่างนึกขอบคุณ ใครกันนะช่างรู้ใจส่งดอกไม้ที่ท่านชอบมาไหว้เป็นพิเศษ