“จ้าแต่ไม่เลือกใครสักคน มันเป็นอะไรสงสัยมากเลยนะเนี่ย” คำพูดประโยคนี้ออกจะแทงใจดำของชัญญา หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย ก้มหน้าลงนิด ๆ แล้วเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ความจริงก็มีคนที่ชอบแล้วล่ะ แต่”
“แต่อะไร” แพรดาวรีบหันหน้ามาทำตาวาวด้วยสนใจในทันที อยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนคนนี้ ถึงได้ปิดประตูหัวใจมานานแสนนานได้
“ก็เขาแต่งงานไปแล้วน่ะสิ” คำพูดคล้ายคนเสียดายปนอายนิด ๆ
“ฉิบหาย”
“เออ ไม่ต้องมาซ้ำเติม เป็นรักสมัยวัยรุ่นน่ะ แต่ดันลืมพี่เขาไม่ได้ ช่างมันเถอะอย่าไปพูดถึงมันเลย” หญิงสาวโบกมือทำเป็นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
“ที่ไม่ชอบใครสักทีเพราะลืมเขาไม่ได้นี่เหรอ ทำไมโง่แบบนี้นะยัยจอม” คนเป็นเพื่อนก็ซ้ำเติมเข้าให้
“บอกให้เลิกพูดไง” ชัญญาง้างที่หนีบผมใส่แพรดาว ประหนึ่งว่าถ้าพูดต่อ ผมได้ไหม้แน่นอน
“เค ๆ ยอมแล้วครับ” แพรดาวเลยต้องยกมือยอมแพ้แต่โดยดี ลึก ๆ แล้วแอบห่วงชัญญาอยู่ไม่น้อย เห็นร่าเริงสดใสแบบนี้ แต่ปิดกั้นเรื่องหัวใจเอาไว้ ชนิดที่ว่าใครก็มาแง้มไม่ออกเหมือนกัน
สองสาวเพื่อนซี้แต่งตัวสวยเซ็กซี่น่ามอง ชัญญาขับรถตัวเองพาเพื่อนมาที่ผับสุดหรูใจกลางกรุง เหตุที่เลือกสถานที่หรูหราแห่งนี้ ก็เพื่ออาหารตาอาหารใจ อีกทั้งบรรยากาศก็แสนวิเศษ ไม่วุ่นวายอีกด้วย
“ผับในโรงแรมนี่หรูหราชะมัด เหมือนตัวเองอยู่แปลกที่เลยนะจอม” แพรดาวเห็นบรรยากาศแล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปด้วย
“นาน ๆ มาเปิดหูเปิดตาบ้าง จอมก็ไม่ค่อยได้มาที่แบบนี้หรอก นี่เพราะอยากให้แพรเจอที่ที่สามารถปลดปล่อยอารมณ์แบบสบาย ๆ ได้นะเนี่ย”
“จ้าขอบใจอีกรอบ”
ผับตั้งอยู่ชั้นห้าของโรงแรม มีลานเปิดโล่งนอกผนังกระจก กับโซนด้านในที่เชื่อมต่อเข้ากับตัวโรงแรมสุดหรู แขกที่นี่ล้วนดูดีมีระดับ ชัญญาเลือกที่นี่เพราะว่าเธอต้องการให้เพื่อนรักผ่อนคลายได้เต็มที่ จะร้องไห้จะเมาอะไรก็ทำได้เลย เธอพร้อมอยู่ดูแลตลอดเวลา
ระหว่างทางที่เดินเข้ามานั้น มีชายหนุ่มหลายคนให้ความสนใจทั้งคู่อยู่ไม่น้อย แต่เพราะเพิ่งอกหักมาหมาด ๆ แพรดาวเลยปิดกั้นตัวเองไม่สนใจ ซึ่งคนเป็นเพื่อนก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ทำเพียงยิ้มให้ตามมารยาทเท่านั้น ทั้งคู่เลือกมุมนั่งโซนเปิดโล่งด้านนอก เพราะดูอากาศเย็นสบายไม่แออัดเหมือนด้านใน
“ถ้าเมาแล้วกลับคอนโดไม่ไหว เราก็เช่าห้องนอนที่นี่กันนะแพร ” ชัญญาบอกเพื่อนระหว่างเลือกเครื่องดื่ม เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเมาหนัก จนขับรถกลับไม่ได้หรือเปล่า
“ได้สิ” แพรดาวยิ้มตอบ แล้วแต่เพื่อนรักจะพาไปเลย ตอนนี้สมองของเธอคล้ายว่างเปล่า อยากดื่มให้ลืม ๆ ไปเสีย
ดนตรีเริ่มบรรเลงด้วยจังหวะช้าๆ ไปจนเร่งจังหวะสนุกสนานขึ้นเรื่อย ๆ สองสาวมีลุกขึ้นโยกย้ายส่ายสะโพกกันตามจังหวะบ้าง ตอนเมานิดหน่อยทุกอย่างก็ราบรื่นไปได้ด้วยดี ทว่าพอเมาหนักขึ้นชัญญากลับฟุบลงคาโต๊ะไปก่อนเพื่อนเสียอย่างนั้น
“ปวดหัวจัง นี่มันเหล้าอะไรทำไมมันมึนแบบนี้” คนฟุบคาโต๊ะแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
“โธ่ ไหนว่าจาดูแลกานไหนยัยจอม” แพรดาวอ้อแอ้ประสาคนเมา ตาเริ่มฉ่ำแจกยิ้มหวานไปทั่ว ชัญญาเมาแล้วชอบนิ่งหลับ แต่แพรดาวนั้นดูเหมือนจะตรงกันข้ามเลย
“จอมปายเต้นกันเพลงหนุก ๆ มาอีกแล้ว” แพรสะกิดเพื่อนแรง ๆ
“ม่ายอาว จะอ้วก”
“คออ่อนชะมัด” เพราะคิดว่าตัวเองคอแข็งกว่าเพื่อน เลยยกแก้วเหล้ากระดกเข้าคออึก ๆ แก้วแล้วแก้วเล่า คราวนี้ถึงขั้นคอพับคออ่อนตามเพื่อนไปติด ๆ อาการพะอืดพะอมทำให้แพรดาว รีบลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่ง คว้ากระเป๋าใบน้อยเดินโซเซไปทางห้องน้ำ แต่กว่าจะถึงห้องน้ำได้ก็เล่นแวะโปรยยิ้มให้คนอื่นไปทั่ว แพรดาวเข้าไปนั่งซึมในห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตัวเอียง ๆ ออกมาหลังทำธุระเสร็จแล้ว
“คุณคะไหวไหมคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเห็นแพรดาวก็นึกห่วงรีบตรงเข้ามาถาม
“ม่าย ๆ สบายดี” คนเมาก็โบกมือว่าไม่เป็นไร
“แล้วนี่จะไปไหนคะ”
“ปายนอน”
“ถ้านอนก็คงทางไปโรงแรม ทางนี้นะคะตรงออกไปเลยค่ะ” ด้วยความหวังดีจึงชี้ทางลัดไปโรงแรมให้คนเมา
“ทางหน๋าย ทางนี้เหรอ ดี ๆ ขอบจายมาก” หญิงสาวชี้นิ้วไปตรงหน้าแบบไม่ตรงทาง จำไม่ได้ว่าตัวเองมาจากทิศไหน ได้แต่คลำผนังกำแพงเดินไปตามทาง
“ช่ายกลับคอนโด” เพราะเมาหนักเลยลืมเพื่อนรักเสียสนิท นึกอยากจะกลับไปนอนท่าเดียว
“นั่นมันปาตูทางออกช่ายมั้ย ลิฟต์ต้องอยู่นั่นแน่ ๆ” คนเมาซวนเซไปเปิดประตูที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทว่ามันกลับไม่ใช่ทางออกแต่อย่างใด กลับเป็นประตูขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง แพรดาวคลำทางเดินขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ กระทั่งมาโผล่บนทางเดินโล่ง ๆ มีประตูอยู่ฝั่งขวามือของเธอด้วย
“อันนี้แน่ ๆ ปาตูจ๋าแพรมาแล้ว” หญิงสาวยืนยิ้มให้กับประตูบานตรงหน้า เอานิ้วชี้จิ้ม ๆ แล้วหรี่ตาลง ก่อนหมุนลูกบิดผลักเข้าไปสุดแรง
“เอ๋” พอเห็นเตียงนอนเท่านั้นแหละ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นตรงมุมปาก คิดไปเองว่าเธอมาถึงเตียงนอนในห้องตัวเองแล้ว สลัดส้นสูงออกจากเท้า ทิ้งกระเป๋าสะพายลงบนพื้น พุ่งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มในทันที