รุ่งเช้า
ริสาตื่นแต่เช้ามาช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธอทำทุกอย่างเหมือนอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ถือตัวตนว่าเป็นเจ้านายใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้คนรับใช้ที่เป็นหญิงกลางคนอย่างป้าบัวรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยคนนี้เป็นยิ่งนัก ช่างแตกต่างกับรมย์ฤดีแม่ของเธอเหลือเกิน ที่วางท่าเป็นคุณนาย ชี้นิ้วใช้งานราวเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง
หญิงสาวรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวกับต้มจืดเต้าหู้อ่อนหมูสับใส่ตำลึงที่โต๊ะอาหารในครัว เมื่อเรียบร้อยเธอก็ยกมือไหว้และกล่าวลาป้าบัว
“ หนูไปเรียนก่อนนะคะป้าบัว ”
“ อุ๊ย ไม่ต้องไหว้ป้าหรอกค่ะคุณริสา ”
“ ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องไหว้ มีสัมมาคารวะผู้ใหญ่จะได้เรียนเก่ง ย่าสอนหนูไว้ค่ะ ” เธอพูดพลางยิ้มตาหยีอย่างน่าเอ็นดู ป้าบัวก็พลอยยิ้มไปด้วยเช่นกัน
“ ถ้าอย่างนั้นป้าก็ขอให้คุณริสาเรียนเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างดังที่ปรารถนานะคะ ” ริสายกมือท่วมหัว
“ สาธุ ขอบคุณนะคะ ”
“ แล้วจะไปยังไงกันล่ะคะ ”
“ เดี๋ยวเดินไปนั่งรถเมล์ที่ปากซอยค่ะ ”
“ คุณเรียนที่เดียวกับคุณวินใช่ไหมคะ ”
“ ใช่ค่ะ ” หญิงสาวตอบแล้วหน้าร้อนฉ่า ทันทีที่ได้ยินชื่อเขาแล้วนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ทั้งภาพที่เขาทำอย่างร้อนแรงกับผู้หญิงคนนั้น และเรื่องที่เธอช่วยตัวเองหลายครั้งหลายคราด้วยการจินตนาการถึงเขา
หล่อนสลัดศีรษะราวกับจะให้เรื่องราวเหล่านั้นหล่นหาย ทว่าทุกสิ่งอย่างกลับชัดเจน กลางหว่างขาเปียกชื้นจนรู้สึกได้
“ บ้าเอ๊ย ” เธอก่นด่าตัวเอง แล้วรีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกจากบ้านในทันที
หลังจากนั้นราวยี่สิบนาที ร่างท้วมของนายวิชัยก็เดินโอบไหล่เคียงคู่กันมากับสาวใหญ่ภรรยาอย่างเป็นทางการคนใหม่อย่างรมย์รดี
“ ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ ” ป้าบัวที่รออยู่แล้วรีบเอ่ยถามเจ้านาย เขาพยักหน้ารับ
“ เอาเลยบัว หิวแล้ว เมื่อคืนหนักไปหน่อย ” ว่าพลางหันไปยิ้มกับรมย์รดีที่ส่งสายตายั่วยวนกลับไปอย่างไม่อาย เป็นป้าบัวเสียอีกที่ต้องรีบกลับเข้าไปในครัวเพราะอดรนทนไม่ไหวกับกิริยาของผู้เป็นนาย
“ ประเจิดประเจ้ออย่างกับเด็กวัยรุ่น อย่างว่าแหละ ได้ผู้หญิงแบบนั้นมาก็เลยไม่รู้จักกาลเทศะล่ะมั้ง กลายเป็นคนละคนไปเลยนะ คุณวิชัย เห้อ แม่กับลูกก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงจริ๊ง ” บ่นไปพลางเตรียมอาหารไปพลางแล้วเรียกเด็กสาวใช้อีกคนมาช่วยยกออกไปตั้งโต๊ะ
“ มาแล้วค่า วันนี้มีแกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ตำลึงแล้วก็ผัดเปรี้ยวหวานกุ้ง นี่ก็ผัดมะเขือยาวปลาเค็มค่า ”
“ แหม หอมน่ากินจริง ๆ ” นายวิชัยชมก่อนหยิบช้อนส้อมเตรียมรับประทาน ทว่ามีเสียงหนึ่งดังสอดขึ้น
“ อะไรกัน อาหารเช้าแค่นี้เหรอ ไม่มีชุดเบรคฟาสท์แบบฝรั่ง พวกไข่ดาว เบค่อน ฮอทดอกหรือไง ” เป็นรมย์รดีนั่นเองที่ขึ้นเสียง เธอคาดหวังว่าในบ้านคนรวยแบบนี้น่าจะมีอาหารเช้าแบบฝรั่งหรูหราทานกับกาแฟแต่กลับพบกับข้าวธรรมดา ๆ เสียนี่
ได้ผัวร่ำผัวรวยกว่าผัวคนไหน ๆ ใครจะอยากกินอาหารแบบแกงถุงที่หาซื้อได้ในตลาดทั่วไปเหมือนเดิมล่ะ
“ เอ่อ ฉันขอโทษนะคะ ถ้าคุณรมย์ฤดีอยากจะทานแบบนั้น พรุ่งนี้ฉันจะจัดให้ค่ะ ”
“ จัดให้เมียรักของผมหน่อยนะบัว ก็ทำกับข้าวปกติชุดหนึ่งแล้วเพิ่มแบบฝรั่งไปอีกชุดหนึ่งก็แล้วกัน ” นายวิชัยเอ่ย แต่ก็เต็มไปด้วยความเกรงอกเกรงใจแม่บ้าน
“ โอ๊ย จะไปทำให้มันยุ่งยากทำไม ก็ทานกันแบบฝรั่งกันหมดเลยสิคะที่รัก จะได้ชิน เผื่อเวลาเราไปเที่ยวเมืองนอกหลาย ๆ วันไงคะ ไอ้อาหารพื้น ๆ น่ะเลิกทำไปเลยค่ะ หากินตามร้านข้าวแกงก็ได้ ”
“ แต่ผมจะกิน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามสั่งยกเลิกอะไรในบ้านนี้ทั้งนั้น ! ” เสียงเข้มเอ่ยมาจากบนบันได ที่ชายหนุ่มในชุดนักศึกษากำลังเดินลงมา รมย์ฤดีหันขวับไปมอง แม้ไม่ได้โต้ตอบอะไรแต่สายตาก็แสดงออกอยู่ดีว่าเคืองขุ่น
“ เอาล่ะ ๆ อย่ามีเรื่องมีราวแต่เช้าเลย ก็ตามนั้นละกันบัว ทำอาหารเป็นสองชุด ไทยชุด ฝรั่งชุด แล้วรมย์อยากกินอะไร ชอบอะไรก็ลิสท์รายการมาบอก เดี๋ยวบัวเค้าจะได้จัดให้ ดีไหม ”
“ ดีค่ะ รมย์น่ะชอบทานกุ้งแม่น้ำ ปูทะเล อะไรพวกนั้นมากเลยค่ะ ”
“ ของแพง ๆ สินะ ” เสียงเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ นั่นทำให้บรรยากาศเริ่มมาคุ
“ อะไรของแกตาวิน อย่าทำให้บรรยากาศในบ้านแย่นักเลย เช้า ๆ แทนที่จะสดชื่น แล้วนี่หนูริสาไปไหน ยังไม่ลงมาเหรอ ”
“ ลงมาตั้งแต่ตีห้าครึ่งแล้วค่ะ มาช่วยบัวเตรียมอาหาร แกงจืดนั่นก็ฝีมือคุณริสานะคะ ช่วยทำและทานเสร็จก็เดินออกไปนั่งรถเมล์ไปเรียนแล้วค่ะ ” ป้าบัวตอบ
“ ตายแล้ว ผมก็ลืมไปเสียสนิทเลยว่าริสาต้องไปเรียน เป็นผู้หญิงขึ้นรถเมล์ไปไหนมาไหนมันไม่ค่อยจะปลอดภัยสักเท่าไรเลยเนี่ย ” นายวิชัยว่า รมย์ฤดีจึงได้โอกาสสอดขึ้น
“ ถ้าอย่างนั้นคุณซื้อรถให้ลูกสักคันสิคะ ไม่ต้องเอาแพงเท่าบีเอ็มของรมย์ก็ได้ คุณจะได้ประหยัดเงินลง ”
คำพูดนี้ทำให้ธาวินชะงักเท้าไว้ทั้งที่กำลังจะก้าวออกจากประตูบ้านก่อนหันมาตวาด
“ อะไรนะ นี่คุณพ่อเอาเงินคุณแม่ไปผลาญซื้อบีเอ็มให้ผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอ ! ”
“ หยุดนะตาวิน ! ” นายวิชัยตวาดกลับพร้อมลุกจากเก้าอี้ แต่ผู้เป็นลูกชายก็มิได้กลัวเกรง สาวเท้าเข้ามาใกล้
“ มันจะมากเกินไปแล้วนะ เงินทองฉันก็หาของฉันเอง แม่แกจะมีอะไร นั่งปั้นหน้าทำท่าผู้ดีไปวัน ๆ กินสมบัติเก่าคุณตาคุณยายมันก็หมดไป ถ้าไม่มีฉันทำธุรกิจขึ้นมาแล้วจะมีวันนี้เหรอ ”
“ แล้วถ้าไม่มีสมบัติของคุณแม่ที่เป็นมรดกจากคุณตาคุณยาย คุณพ่อจะได้มีวันนี้เหรอ แถมที่ทางที่เป็นของคุณแม่ คุณพ่อก็เอาไปขายเอาเงินมาบำรุงบำเรอผู้หญิงชั้นต่ำ คิดว่าผมไม่รู้หรือไง อีกหน่อยมันทั้งแม่ทั้งลูกก็ปอกลอกคุณพ่อจนหมดตัว ! ”
เพี้ยะ !
ฝ่ามือหนัก ๆ ฟาดเข้าที่ซีกหน้าด้านหนึ่งของใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นบุตรชายจนหน้าหัน เขาหันมาสบตาผู้เป็นพ่อนิ่ง ๆ เลยไปจ้องผู้หญิงคนนั้นที่ยืนเกาะแขนพ่อเขาอยู่ด้านหลังด้วยด้วยสายตาแข็งกร้าวเคียดแค้น
“ คุณคะ ใจเย็น ๆ เถอะค่ะ อย่าถึงกับต้องลงไม้ลงมือกับลูกเลย ” หล่อนว่าเหมือนห้ามปราม แต่ธาวินเห็นแววตาสาแก่ใจที่ส่งมาให้แวบหนึ่งชัดเจน
“ ตั้งแต่เกิดมาคุณพ่อไม่เคยแตะต้องผมแม้แต่ปลายนิ้ว แต่คุณพ่อทำเพราะผู้หญิงคนนี้ เพราะมัน จำไว้เลยนะ ใครทำผมเจ็บ ผมจะทำคืนให้แม่งเจ็บเป็นสิบเท่า จำไว้ ! ” เขาว่าอย่างเจ็บใจก่อนหันหลังเดินไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วทันที แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังตะโกนไล่หลัง
“ ก็เพราะแกมันเป็นแบบนี้ เอาแต่ใจ ไม่เคยเข้าใจคนอื่นบ้าง เอาตัวเองเป็นที่ตั้งฝ่ายเดียว แกมันก็เหมือนแม่ของแกไม่มีผิด ! ”