ตอนที่ 7 หลุมศพ
“ผมจะคอยจับตาดูเธอเองครับ” มือขวาหน้านิ่งอย่างมวยหันไปพูดกับนายน้อยหลังจากภรรยาหมาด ๆ พึ่งปิดประตูห้องหนังสือแต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นห้องนอนเล็กแทน
“อย่าให้เธอรู้ตัวนะมวย มึงรู้ใช่ไหมว่าไอ้มู่หยางมันเจ้าแผนการจะตาย” นำทัพใช้ท้องนิ้วชี้เคาะลงที่แก้วไวน์เหมือนคนใช้ความคิดอย่างหนัก
นำทัพในวัย 24 ปี แม้จะไม่ค่อยเอาการเอางานชอบปาร์ตี้ไปวัน ๆ แต่นั่นก็เหมือนแค่ฉากหน้าให้พวกศัตรูมันมองเข้ามาเห็นว่าทายาทแฝดทั้งสองไม่มีใครสนใจในธุรกิจของตระกูล เอาแต่เที่ยวเล่นใช้เงินพ่อแม่ไปวัน ๆ เหมือนกับที่ยายบ้านั่นพูด
เขาพอใจที่จะให้ทุกคนรู้แบบนั้น ก็ต้องมีคนรู้เท่านั้นเพราะใครที่รู้ความลับบางอย่างของเขา มันจะไม่มีสิทธิ์หายใจอยู่บนโลกนี้
“ครับ แต่เธอไม่ใช่คนโง่เลย ผมไปสืบประวัติมาแล้วครับตั้งแต่เล็กจนโตคุณวิวาห์อาศัยอยู่กับแม่ที่เป็นใบ้ครับ ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าเธอไปฮ่องกงครั้งแรก ตอนนี้ทำงานเป็นนักจัดดอกไม้ครับ”
“นักจัดดอกไม้?” นำทัพเลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ดูท่าทางหัวใจเกือบวายตอนเขายกปืนขึ้นมาตรงหน้าเธอครั้งแรก เหมือนคนอ่อนต่อโลกใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งดอกไม้จริง ๆ หวังว่ามันคงไม่ใช่แค่ภาพลวงตา
“ครับ เธอเป็นนักจัดดอกไม้ รวมไปถึงนักออกแบบสวนตามบ้าน คอนโด ห้องเช่า หรือบริษัทชื่อดังมากมายก็เคยใช้บริการคุณวันวิวาห์ให้ไปจัดสวนให้ครับ เธออยู่กับแม่แค่สองคนมีเพื่อนสนิทหนึ่งคน ชีวิตคนรอบข้างมีแค่นี้จริง ๆ ครับ ทำงานกลับบ้านใช้ชีวิตแค่นี้จริง ๆ นี่คือข้อมูลเก่าไม่ผ่านการดัดแปลงครับ”
“หมายความว่าประวัติตอนนี้ถูกดัดแปลง?”
“ครับ ไอ้มู่หย่างมันดูจะคาดหวังกับคุณวันวิวาห์มาก มันดูแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน”
“มึงก็คิดว่าเธอไม่ธรรมดา?”
“ตอนนี้ยังมองไม่ออกเลยครับ” ถ้าไอ้มู่หยางมันเลือกส่งคนไม่เป็นงานมาจริง ๆ แล้วมันจะทำแบบนั้นเพื่อเอาสะใจแค่นั้นแต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นทุกคนเลยสงสัยว่าคุณวันวิวาห์ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน
แต่อย่างที่ทราบกันว่าถ้าคุณวันวิวาห์ฝึกการต่อสู้มาจริง ๆ วันคืนเข้าหาน่าจะรู้จักวิธีหลบกระสุน แต่เธอตกใจจนลนลานไม่เหมือนคนที่ถูกฝึกมาเลยสักนิด สงสัยไอ้มู่หยางมันอยากปั่นหัวตระกูลหวังเล่น
“อย่าให้ยายนั่นรู้ความลับเราเด็ดขาด ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้มู่หยางมันคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ครับ” มือขวาคนสนิทค้อมหัวรับก่อนจะเดินกลับไปโต๊ะทำงานของตัวเอง เพราะตอนนี้ถึงเวลาเลิกงานของเขาแล้ว “อย่าเผลอไปฆ่าเธอก่อนจะรู้ความจริงนะครับ”
“กูจะพยายามว่ะมวย” ยกมือขึ้นมากุมขมับของตัวเองก่อนจะนวดมันไปมาเบา ๆ
เช้ามืดร่างสมส่วนสวมสูทสีดำเดินมายังสถานที่หนึ่งในอ้อมแขนมีดอกเดซี่สีขาว สายตาเรียบนิ่งมองไปยังหลุมศพด้านหน้าก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่รูปถ่ายผู้หญิงคนหนึ่ง รอยยิ้มที่เธอยังจำมันได้ดี ช่อดอกไม้ถูกวางไว้ตรงหน้าแต่เจ้าของร่างกลับดึงดอกไม้อีกดอกออกมาจากช่อมันแล้ววางไว้เดี่ยว ๆ หันหัวดอกไม้เบี่ยงไปอีกทาง ก่อนจะวกสายตากลับมาที่รูปถ่ายผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเดิม
“วิวาห์มาเยี่ยมค่ะ สบายดีใช่ไหม”
มีเพียงสายลมเย็นสะท้านผิวในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านมาปะทะเข้ากับผิวหน้า เจ้าของร่างยืนอยู่ตรงนั้นร่วมสิบนาทีเอาแต่มองภาพตรงหน้านิ่ง ๆ
“ตอนนี้มาหาบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ แต่วิวาห์จะพยายามมาหาให้ได้ สบายดีใช่ไหมล่ะอยู่บนนั้น ไม่ต้องห่วงนะใครทำอะไรไว้มันต้องได้รับกรรมคืนแน่นอน ฝากดูแลอีกคนด้วยนะ”
หมุนตัวเดินออกมาแต่หางตาเหลือบไปเห็นเงาดำ ๆ หลังต้นไม้ เจ้าของใบหน้าสะสวยไม่ได้สนใจก้าวขาเดินไปข้างหน้าต่อ สายลมเอื่อย ๆ ยังพัดมาโชยกรอบหน้าเรื่อย ๆ ทุกท่วงจังหวะการก้าวเดิน
‘การแก้แค้นกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว’
“ผมตามไปดูจนเห็นว่าคุณวิวาห์เอาดอกไม้ไปวางหน้าหลุมศพผู้หญิงคนหนึ่งครับ” ไมเคิลคือสายสืบของนำทัพถูกฝึกมาในโครงการของนายหญิงเหมือนกัน จนเขาเลือกมันมาทำงานด้วยตั้งแต่ห้าปีก่อน
“หลุมศพ” เจ้าของใบหน้าชวนฝันเลิกคิ้วขึ้น
“ครับ ผมสืบมาแล้วน่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่พึ่งเสียชีวิตไปเมื่อสี่ปีก่อนครับ” ไมเคิลอธิบายไปตามที่ตัวเองสืบหามาได้และตลอดหลายวันที่ผ่านมาจากการแอบตามอยู่ห่าง ๆ “จากที่ผมตามติดชีวิตของคุณวิวาห์เธอใช้ชีวิตธรรมดามากเลยครับ ไม่ได้ทำอะไรผิดแปลกไปจากกิจวัตรปกติเลยครับ”
“ไม่ใช่ว่าเพราะเธอรู้ว่ามึงตามเหรอ?” มือขวาเดินเข้ามาในห้องทำงานของเจ้านายพร้อมเอกสารหลายแฟ้ม
“เอ้า ไหนพี่บอกว่าเธอเป็นคนธรรมดา ผมถูกฝึกมาเชียวนะ” ไมเคิลหันไปโวยให้มือขวาหน้านิ่งทันที เขาก็คิดว่างานกล้วย ๆ บางทีถ้ามีศัตรูมาเก็บเมียนายน้อยยังแอบคิดเลยว่าควรเข้าไปช่วยดีไหม ไม่ใช่ว่าเขาอาจโดนเก็บแล้วเมียนายน้อยต้องเข้ามาช่วยหรอกนะ
“เรื่องนั้นยังตรวจสอบไม่ได้” นำทัพส่ายหน้าไปมาหลังจากรู้แล้วว่านักสืบสายมั่นหน้าของตัวเองน่าจะพลาดท่าให้วันวิวาห์รู้ตัวแล้ว “ไม่ต้องตามติดเธอแล้ว กูอยากรู้เต็มแก่เธอจะเอาข้อมูลอะไรไปให้พ่อตัวเอง”
“ครับนายน้อย”
“มึงไปทำงานต่อเถอะ”
หลังจากไมเคิลเดินออกไปทั้งห้องก็เหลือเพียงเจ้านายกับมือขวา นำทัพเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกมือขึ้นมาคลึงขมับ ช่วงนี้เขาไม่รู้ว่าต้องเครียดกับสถานการณ์ไหนก่อนดี โชคดีที่ตอนนี้ไอ้นักรบกับไอ้มาร์คัสรักษาตัวใกล้หายแล้ว
“ตอนเย็นมีประชุมที่ท่าเรือนะครับ”
“มึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นไหม?”
“ผมจะเตรียมตัวให้พร้อม”
เขามีลางสังหรณ์แปลก ๆ เหมือนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน แต่การที่อยู่ในวงการสีเทามานานลางสังหรณ์มักจะเกิดขึ้นจริงเสมอ
@ท่าเรือ
“ลงหน้างานแล้วเหรอวะ?” นำทัพเดินมาถึงก็เห็นว่าเพื่อนสนิทแบบตายแทนกันได้อย่างไอ้มาร์คัสมันกำลังเช็กของอยู่ก่อนแล้ว
“อืม กูเกรงใจมึงไม่อยากพักนาน” มาร์คัสหันมาพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะวางกระบอกปืนลงลังไม้หลังจากเช็กตรวจสอบเสร็จ
“เกรงใจอะไร มึงช่วยชีวิตไอ้รบไว้นะเว้ย กูสิต้องเกรงใจมึง” ร่างสูงของนำทัพเดินขึ้นบันไดเหล็กไป บนชั้นสองออกแบบเป็นห้องประชุมไว้พูดคุยกัน
“มึงไม่ควรไว้ใจใครเกินไปนะ” มาร์คัสแกล้งแหย่มุมปากยิ้มพราย หย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมองหน้าเพื่อนนิ่ง ๆ
“กูไม่ได้ไว้ใจใครง่าย ๆ หรอก แต่กูไว้ใจมึง”
“ขอบคุณนะเว้ย”
“ขนลุก” นำทัพกระตุกยิ้มก่อนจะหันไปมองแผนการส่งออกอาวุธในครั้งนี้ มีพ่อค้าคนไกลอยากลองใช้วัสดุของทางเราไปทำสงคราม แน่นอนว่าเขาทำแต่ของดีส่งออกไปเพื่อไม่ให้เสียเครดิตลูกค้าในอนาคต การทำธุรกิจต้องมองการไกลเข้าไว้
“กูจะเป็นคนเอาของไปส่งเอง”
“กูไปเองดีกว่า มึงยังไม่หายดีเท่าไหร่กระดูกเชื่อมต่อกันหรือยังเถอะ” นำทัพโบกมือปฏิเสธไปมา
“ให้กูไปเถอะ กูไม่อยากอยู่อย่างไร้ประโยชน์”
“ก็แล้วแต่มึงละกัน ถ้ามีอะไรรีบโทรมา”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” มาร์คัสกระตุกยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินออกไปจากห้องประชุม
หลังจากนำทัพกลับมาถึงห้องได้ไม่นานก็ได้รับข่าวว่าเรือที่ขนของไปถูกเหมาทั้งลำ ไม่พอไอ้มาร์คัสยังโดนโจมตีมาจากทุกทาง เขาเครียดจนนั่งไม่ติดยังดีที่ได้รับรายงานว่าไอ้มาร์คัสแค่โดนยิงเฉียด ๆ แต่ของถูกปล้นไปหมดแล้ว
“มีนักสืบของนายหญิงรายงานมาว่า เอ่อ...” มือขวาหน้านิ่งเหมือนไม่กล้าพูดต่อกับความจริงบางอย่างที่ได้รับรู้มาหมาด ๆ
“ว่าอะไร มึงก็พูดซิวะ!” คนหัวร้อนเป็นทุนเดิม ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ช่วงนี้คนรอบตัวเขาโดนลอบฆ่าติด ๆ กัน
“นักสืบรายงานมาว่า เห็นคุณวันวิวาห์อยู่แถว ๆ ท่าเรือด้วยครับ”
“มึงว่าอะไรนะ!”