บทที่ 10 อาหารเช้า

1500 คำ
“ฮัลโหล” ในเช้าวันหยุดที่นภาลัยควรจะได้พักผ่อนแต่เธอต้องตื่นแต่เช้าเพื่อรับสายโทรศัพท์ของเพื่อนสนิท (“ยัยฟ้า”) เสียงของลิลลี่ดังลอดปลายสายทำนภาลัยขมวดคิ้ว ทั้งที่เมื่อคืนเราไปปาร์ตี้และแยกจากกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แต่ทำไมเพื่อนเธอถึงได้ตื่นแต่เช้านัก “ว่า” (“คือพี่กรไม่สบายช่วยไปดูให้หน่อยได้ไหม ฉันกับแม่โทรไปก็ไม่รับ ไม่รู้จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า”) “เอ่อ...” นภาลัยที่ยังเรียกสติกลับมาได้ไม่เต็มร้อยไม่ได้ตอบรับในทันที (“ไหน ๆ วันนี้เธอก็ว่างทั้งวันนี่”) “ก็ใช่ แล้วทำไมเธอไม่ไปดูเอง” (“เอ๊ะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าวันนี้ฉันต้องบินไปอเมริกากับแม่ แล้วตอนนี้ยังไม่ได้นอนสักงีบเลยเนี่ย อีกอย่างแม่ก็รู้เรื่องที่พวกเธอคบกันแล้วด้วยจะให้เรียกคนอื่นไปดูแลได้ไง”) ลิลลี่บ่นกระปอดกระแปดก่อนจะเบาเสียงในประโยคท้ายเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ข้างกันได้ยิน (“สรุปตามนี้นะยัยฟ้า อะ ฉันต้องไปเกทแล้ว ฝากพี่กรด้วยนะ”) เพื่อนตัวแสบไม่ปล่อยให้เธอได้พูดอะไร เจ้าตัวฝากฝังพี่ชายตัวเองก่อนจะวางสายไป เฮ้อ... เอาแต่ใจกันทั้งบ้านเลยหรือไงนะ นภาลัยถอนหายใจก่อนจะพยุงร่างที่ได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางไปยังคอนโดมิเนียมที่ช่วงหนึ่งเดือนมานี้เธอมักจะถูกเจ้าของห้องเอาตัวไปที่นั่นบ่อย ๆ “มาได้ไง” และนี่คือคำทักทายของคนที่เธออุตส่าห์แหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพื่อมาหา “ยัยลี่บอกว่าพี่ไม่สบาย” นภาลัยพูดพร้อมกับลอบมองใบหน้าคมคายไปด้วย ดูจากสีหน้าไม่ค่อยดีของดราก้อนและชุดที่เขาน่าจะใส่ตั้งแต่เมื่อวานกับเส้นผมยุ่งเหยิง บ่งบอกให้รู้ว่าร่างสูงคงจะไม่สบายอย่างที่เพื่อนสนิทว่าจริง ๆ “วุ่นวายจริง ๆ” เสียงทุ้มพึมพำก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในห้องโดยที่เปิดประตูทิ้งไว้ นภาลัยจึงถือวิสาสะแทรกตัวเข้ามาด้านใน ทั้งห้องกว้างมีเพียงความมืดเพราะผ้าม่านทึบแสงสีเข้ม และเมื่อสายตาปรับกับความมืดได้เธอก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเจ้าของห้อง “พี่กรอย่าเพิ่งนอนต่อ มากินข้าวก่อน ฟ้าอุตส่าห์ซื้อโจ๊กมาให้” นภาลัยสะกิดคนที่เมื่อกลับเข้ามาในห้องก็ล้มตัวนอนที่โซฟาตัวใหญ่ และเมื่อได้มองใบหน้าคมคายใกล้ ๆ ทำให้เธอเห็นว่ายามที่ไม่ได้ลืมตาใบหน้านี้ช่างดูไร้พิษสงต่างจากปกติมาก “อะ” แต่ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้แขนเรียวก็ถูกดึงรั้งจนนภาลัยล้มฟุบทับตัวอีกคนพร้อมกับท่อนแขนกำยำที่ตวัดกอดเอวเธอไว้แน่น ทำให้ท่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มันใกล้ชิดและวาบหวิวไปโดยปริยาย “มองต่อสิ” “มะ...ไม่ได้มองสักหน่อย” นภาลัยเบือนหน้าไปทางอื่นเมื่อนัยน์ตาสีสวยกำลังมองกันอย่างหยอกเย้า “จริงเหรอ” “อะ...อื้ม ฟ้าเตรียมโจ๊กไว้ให้แล้วพี่มากินเร็ว อะ ทำไม” เสียงหวานขาดห้วงเมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างดุนดันอยู่ที่หน้าท้องเธอ และมันเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากส่วนกลางร่างกายของเขา และเหมือนว่าดราก้อนจะรู้ตัวและไม่คิดปิดบัง “ผู้ชายตอนเช้า ๆ ก็แข็งกันทั้งนั้นแหละ อ่า” “พี่กร โรคจิต ขนาดไม่สบายนะเนี่ย” นภาลัยแว้ดเสียงดัง ร่างเล็กดิ้นรนเพื่อให้ตนหลุดจากท่อนแขนใหญ่แต่เหมือนมันจะได้ผลตรงกันข้าม “ขยับตัวอีกสิ เวลาที่ท้องนุ่ม ๆ นี่เสียดสีของฉันมันเสียวชะมัด” “ยะ...หยุดพูดนะ อะ” นภาลัยแข็งทื่อเมื่อลมหายใจร้อน ๆ พ่นเข้าที่ใบหูอย่างแรงราวกับว่าเขากำลังสะกดกั้นอารมณ์ “พี่ป่วยจริงปะเนี่ย” “...” ดราก้อนมองคนบนร่างนิ่ง ๆ เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวมาสองสามวันแล้ว แต่ไม่คิดว่าน้องสาวจะเล่นใหญ่ด้วยการเรียกตัวนภาลัยให้มาเฝ้าไข้กัน ทั้งที่ความจริงดราก้อนไม่ได้เจ็บป่วยขนาดนั้นแต่สาเหตุมันก็คงมาจากการที่โทรศัพท์เขาแบตหมดตั้งแต่เมื่อคืนทำให้ครอบครัวเป็นห่วง สองแขนค่อย ๆ ปล่อยจากเอวบาง และเมื่อเป็นอิสระนภาลัยก็ดีดตัวลุกขึ้นทันที… “เธอไม่กินล่ะ” ดราก้อนถามขึ้นเมื่อตรงหน้ามีโจ๊กแค่ถ้วยเดียว “ยังไม่หิว” นภาลัยตอบขณะที่ดวงตายังกวาดมองไปรอบห้อง เธอมาที่ห้องแห่งนี้ตั้งบ่อยครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกที่นภาลัยได้สำรวจห้องเพนท์เฮ้าส์ขนาดใหญ่อย่างเต็มตา ห้องดราก้อนเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัยและมีราคา ทว่าทุกอย่างกลับดูใหม่เอี่ยมเพราะดูท่าเจ้าของห้องคงไม่ค่อยใช้งานนัก โดยเฉพาะห้องครัวที่เธอยืนอยู่ เมื่อเปิดม่านออกทำให้ห้องดับเบิ้ลวอลลุ่มที่เคยมืดครึ้มดูปลอดโปร่งขึ้นมาไม่น้อยแม้เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างจะเป็นสีดำเสียส่วนใหญ่ ส่วนการจัดสรรปันส่วนของห้องนี้ก็เรียกได้ว่าดีมากเลยทีเดียว ห้องรับแขกเพดานสูงที่ตั้งอยู่กลางห้องขนาบข้างด้วยห้องครัว โต๊ะทานอาหารแปดที่นั่ง และอีกฝั่งคือระเบียงกว้างที่สามารถนำโซฟาไปตั้งได้สบาย ๆ “อร่อยนี่” “จริงเหรอ ตอนฉันไปซื้อก็แทบก้นหม้อแล้ว” ใบหน้าหวานจึงเชิดขึ้นราวกับแมวหยิ่ง “ว่าแล้วต้องเป็นร้านอร่อยแน่ ๆ ฉันนี่เซนท์ดีจริง ๆ” คราแรกเธอคิดว่าจะมาที่นี่มือเปล่าเพื่อดูอาการอีกคนเท่านั้น แต่ก่อนถึงคอนโดมิเนียมดราก้อนดันเห็นร้านโจ๊กร้านหนึ่งจึงซื้อติดมือมาด้วย “หึ” เพราะมัวแต่มองรอบห้องนภาลัยจึงไม่รู้ว่าดราก้อนกำลังมองมาที่ตนด้วยสายตาอ่อนโยนกว่าที่ผ่านมา ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไปครู่หนึ่งและเมื่อเธอหันกลับมาก็พบสีหน้าพะอืดพะอมของคนไม่สบาย “ไหวไหม” “จะป้อนหรือไง” “ฝันไปเถอะ” “เป็นแฟนประสาอะไรใจร้ายชะมัด” “ถึงใจดีก็เท่านั้นแหละ” เพราะถูกแขวะนภาลัยจึงเผลอหลุดพูดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ ตั้งแต่ที่อเล็กซ์นอกใจนภาลัยก็กลับมาคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองไม่ดีตรงไหนหรือทำผิดพลาดอะไรไป และท่าทางเศร้าหมองแบบนั้นทำดราก้อนถึงกับถอนหายใจ ไม่รู้นภาลัยรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกทางสีหน้าทั้งหมด “อย่าคิดมาก เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่สันดานคน ถ้าคนเรามันไม่รู้จักพอต่อให้ดีแค่ไหน ทำเท่าไร ก็เติมไม่เต็ม อีกอย่างมันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบราวกับไม่มีอารมณ์ร่วม แต่หารู้ไม่ว่าประโยคพวกนั้นมันช่วยให้นภาลัยรู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด ดวงหน้าสวยเงยขึ้นสบประสานนัยน์ตาสีสวยที่เจือแววบางอย่างซึ่งเธอก็อ่านไม่ออก และดวงตาคู่นั้นราวกับมีมนต์สะกดทำให้เธอไม่อาจละสายตาออกจากเขาได้เลย เราสบตากันอยู่นานก่อนที่นภาลัยจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีบ่อยครั้งที่เธอแอบลอบมองคนตรงข้าม “อิ่มแล้วเหรอ” “อื้ม มึน ๆ เหมือนจะอ้วก” “กินสิจะได้สดชื่น” เห็นสีหน้าพะอืดพะอมแบบนั้นร่างเล็กก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำส้มคั้นสดที่เธอซื้อมาให้กับร่างสูง แต่ดราก้อนกลับเอาแต่นั่งนิ่ง หรือว่าเขาไม่ชอบดื่มน้ำผลกันนะ ถ้าอย่างนั้นก็คงช่วยไม่ได้ น้ำส้มแก้วนี่คงต้องตกเป็นของเธอแล้วล่ะ เมื่อคิดได้ดังนั้นนภาลัยก็ถือแก้วทรงสวยมาจรดริมฝีปากของตัวเอง กลิ่นหอมสดชื่นและรสชาติเปรี้ยวอมหวานทำให้นภาลัยสดชื่นไม่น้อย “ไหนว่าซื้อให้ฉัน” “เอ๊ะ เดี๋ยวสิพี่กร” แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ดื่มจนหมดแก้ว เสียงทุ้มของอีกคนที่มองกันอยู่ก่อนแล้วก็ดังขึ้น ไม่พอแค่นั้นดราก้อนยังจับมือเธอบังคับให้แก้วไปจรดริมฝีปากเขาก่อนจะดื่มมันทั้งอย่างนั้น อีกทั้งยังเป็นบริเวณเดียวกับที่เธอดื่มไปเมื่อกี้ด้วย และเป็นนภาลัยที่ต้องหลบสายตาเมื่อดราก้อนเอาแต่มองกันระหว่างดื่มน้ำส้มในมือเธอไม่หยุด ที่เขาทำไม่ต่างจากการที่เรากำลังจูบกันทางอ้อมเลยนี่... “พี่ไม่มือหรือไง” เมื่อน้ำส้มหมดแก้วดราก้อนจึงยอมปล่อยมือเธอ และนภาลัยก็ออกปากบ่นทันทีโดยที่ร่างสูงทำเพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระเท่านั้น น่าหมั่นไส้ชะมัด...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม