RIKKIE : 2
ผมอยู่ที่เซอร์กิตหรือสนามแข่งรถระดับนานาชาติแห่งหนึ่งแถวปริมณฑล มีรายการแข่งรถเล็กๆ ถูกจัดขึ้นและทีมของเราก็เข้าร่วม รายการแข่งรถบนดินแบบนี้ส่วนใหญ่จะให้สมาชิกทีมที่เป็นทางการลง
พวกผมห้าคนไม่สิตอนนี้มีแค่สี่คนซึ่งเป็นตัวนำหลักของทีมจะปรากฏตัวเฉพาะการแข่งใต้ดินเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงแข่งรถในอุโมงค์นะครับ ถึงแม้บางครั้งจะมีเส้นทางลอดใต้อุโมงค์ก็เถอะ
แดดตอนเช้าร้อนเปรี้ยงอย่างกับตอนตะวันตรงหัวทั้งที่เวลานี้เพิ่งจะเก้าโมงเช้าหน่อยๆ คนดูไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เพราะไม่ใช่งานแข่งใหญ่อะไร แต่ดูเหมือนจะถ่ายทอดสดทางช่องเคเบิ้ลสักอย่าง ผมจำรายละเอียดไม่ได้เพราะไอ้เรซเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด
“อ้าวริกกี้ ว่างเหรอวะ นึกว่าไปสำรวจเส้นทางขึ้นเขาเพชรบูรณ์กับเฮียหมูซะอีก”
แฮคกำลังตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์รถหันมามองผมอย่างแปลกใจ เด็กคนอื่นๆ ภายในเต็นท์ก็พลอยหันมายกมือไหว้ผมด้วย
ผมแค่พยักหน้าให้ทุกคนแล้วพูดกับแฮคเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เดี๋ยวไปพร้อมมึง”
แฮคมันพยักหน้ารู้เรื่องแบบไม่ใส่ใจ ไม่ซักอะไรอีกหันไปสนใจงานตรงหน้าและคุยกับลูกมือใกล้ๆ อย่างจริงจัง
ระหว่างที่ผมเดินดูความเรียบร้อยและพูดคุยกับนักแข่งของทีมที่จะลงสนามในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
พอหยิบมาดูก็เห็นชื่อ ‘เก่งกาจ’ เด่นหราอยู่บนจอ
“ว่าไงวะ”
(ไอ้ริกกี้ ฟังแล้วอย่าโกรธนะโว้ย)
อะไรของมัน โทรมาแล้วพูดแบบนี้ ผมขมวดคิ้วยังไม่ได้พูดอะไรตอบ รอฟังเงียบๆ
(ยัยนั่นหนีไปแล้ว)
“...!!!”
“อ้าวเฮ้ยริกกี้ นั่นจะรีบไปไหนวะ”
แฮคหันมาตะโกนถามเมื่อเห็นผมเดินหุนหันออกมาแบบไม่บอกกล่าวใคร พอไอ้เก่งโทรมาบอกว่ายัยนั่นหนีไปผมก็เลือดขึ้นหน้าทันที ตะโกนด่าไอ้เก่งไปชุดใหญ่จนมันกระแทกเสียงด่าผมกลับมาแล้วตัดสายไปทันที ถึงผมจะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดมันแต่มันที่เห็นยัยนั่นกำลังหนีกลับไม่มีปัญญาหยุดเอาไว้ได้ ยิ่งคิดยิ่งฉุน ให้ตายเถอะว่ะ
“กูมีเรื่องต้องทำ ถ้าเสร็จนี่แล้วมึงล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวกูตามไป”
“แข่งสี่ทุ่มนะโว้ยอย่าลืม?”
“เออ!”
ผมโบกมือให้แฮคโดยไม่หยุดมองหน้ามันด้วยซ้ำ ก้าวฉับๆ ตรงมาที่รถซึ่งจอดห่างจากเต็นท์พอสมควร
ปี๊บ!
รถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาเบรกกึกตรงหน้าผมพร้อมกับบีบแตร์ดังลั่น ไอ้เวรนั่น จะรีบไปตามควายหรือไงวะเห็นอยู่ว่าคนกำลังข้ามถนนยังจะเร่งเครื่องใส่อีก
ผมหยุดอยู่กับที่เหลือบมองประตูรถที่กำลังเปิดออกมา กันชนหน้ารถห่างจากเข่าผมไม่ถึงเมตร
รู้ว่ามันไม่ได้มีเจตนาชนแต่คงหาเรื่องตามประสาพวกหมาขี้แพ้น่ะ ผมจำรถไอ้บ้านี่ได้ตั้งแต่มันขยับพุ่งเข้ามาแล้ว
“เฮ้ย! แม่ตายเหรอ รีบซะขนาดข้ามถนนไม่ดูรถ”
“งานศพแม่มึงไง”
ผมสวนกลับไปอย่างไม่ยี่หระ ไอ้หมอนั่นก็ไม่ได้โวยวาย มันทำแค่แสยะยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผม สายตามันกวนเบื้องล่างสุดๆ
คริส ผู้นำของทีมอีเกิลสปีดศัตรูตัวฉกาจในเรื่องแข่งรถ พี่ชายไอ้คลื่นที่มาหาเรื่องผมในปาร์ตี้เมื่อหลายวันก่อน ไอ้คลื่นน่ะมันแค่เด็กน้อยแต่หมอนี่ของจริง คริสคือเจ้าพ่อแห่งวงการแข่งรถใต้ดิน ทรงอิทธิพล และอยู่ในเส้นทางสายนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อ ต่างกับผม.... ถึงผมจะรักการอัดรถมาตั้งแต่เด็กแต่ก็เพิ่งตั้งทีมได้ไม่นาน ต้องขอบคุณฮานที่ชวนผมมาตั้งทีมและรวบรวมคนเก่งๆ เข้ามาอยู่ด้วยกัน จนกลายเป็น RED SUN ในทุกวันนี้ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ชื่อ RED SUN ก็มีอิทธิพลในวงการแข่งรถทั้งบนดินและใต้ดิน
จนไปทับเส้นทีมอีเกิลสปีดของคริสเข้า พวกเรากลายเป็นคู่แข่งกันโดยธรรมชาติ เหมือนเสือสองตัวที่อยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้
“มีอะไรก็พูดมา รีบ!”
“เผาศพแม่น่ะเหรอ”
“ไอ้นี่...”
“ฮ่าๆ เดี๋ยวสิ ล้อเล่นแค่นี้ก็โมโหแล้วเหรอวะ”
ผมกำลังจะเดินออกมาเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำกับมัน คริสเห็นแบบนั้นก็ขำออกมารีบเรียกผมเอาไว้ก่อนปรับสีหน้าจริงจัง
“ได้ยินว่าน้องชายกูมันไปป่วนงานพวกมึง”
“....”
“แต่ถึงกับต้องชักปืนออกมายิงไม่รุนแรงไปหน่อยเหรอวะ อย่าหาว่าสอนเลยว่ะ แต่นักแข่งมันต้องสู้กันบนถนนไม่ใช่นักเลงที่คิดจะตีกันตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้”
สู้กันบนถนนเหรอ หึ! “เก็บคำพูดนั่นไว้บอกตัวเองเถอะว่ะ”
ผมจ้องหน้าคริสอย่างคนที่รู้เท่าทันกันแล้วเดินออกมา
“แล้วผู้หญิงที่รับกระสุนแทนไอ้เด็กนั่นเป็นไงบ้างวะ”
ผมชะงัก หันกลับไปทางไอ้คริสที่ตะโกนถามไล่หลังมา แปลกใจที่มันถามถึงยัยนั่น ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วผมจะสงสัยว่าผู้หญิงนั่นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกอีเกิลสปีดก็เถอะ
“ได้ยินว่ามึงเก็บร่างเธอไป หรือฝังไปแล้ว?”
“อยากรู้ทำไม”
“เปล่า.... แค่จะแจ้งตำรวจมาจับมึงข้อหาฆ่าคนตาย” คริสยกไหล่ กระตุกยิ้มกวนๆ ใส่ผม หันกลับไปเดินขึ้นรถแล้วมันก็ขับออกไปทันทีที่ป่วนประสาทผมเสร็จ ไอ้เวรนั่น!