หญิงสาวไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิด แม้สงสัยอย่างไรก็ไม่กล้าปริปากเอ่ยถามใครทั้งสิ้น พ่อบ้านจูโหย่งเจาถ่ายทอดคำสั่งของท่าน จอมมาร สั่งให้นางนอนในห้องเก็บฟืน
เพราะเป็นคำสั่งจากจอมมารเหิงหยางเซิงจึงไม่มีใครกล้าเอ่ยปากขอความเมตตาให้นาง แม้แต่อู่ยินและอู่ชิง ส่วนอู่เฉียงนั้นแม้ไม่พูดอะไรออกมาแต่สีหน้าของเขามีความเคร่งเครียดไม่น้อย ซินหรานยิ้มกว้างยื่นมือไปแตะไหล่ของเขาแล้วส่ายหน้าไปมา
“มิใช่ครั้งแรกที่ข้าไปนอนห้องเก็บฟืนเสียหน่อย” นางหัวเราะร่า “มาเถิด ข้าเตรียมเสบียงอาหารแห้งไว้ให้พี่อู่เฉียง ไม่รู้ว่าเดินทางครั้งนี้พี่อู่เฉียงจะไปกี่เดือนกัน”
เสียงถอนหายใจหนักหน่วงดังขึ้นก่อนเอ่ยตอบ “สี่เดือน”
ซินหรานพยักหน้ารับรู้ “เช่นนั้นพี่อู่เฉียงคงกลับมาทันปีใหม่”
“ฮืม” อู่เฉียงไม่รู้เหตุใดนางจึงยังยิ้ม ทั้งที่คืนนี้ตัวนางเองต้องไปนอนในห้องเก็บฟืนที่ทั้งอับชื้นและหนาวเย็นนั้นด้วย
“หัวหน้าพรรคกระเรียนแดงอยู่ที่นี่แค่สามวัน แต่อย่างไรเจ้าระวังตัวด้วย”
ซินหรานหัวเราะเสียงใส มือเรียวตบไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งที่ปกป้องนางมาตั้งแต่เด็ก วงแขนนี้ที่อุ้มนางออกมาจากค่ำคืนที่แสนโหดร้าย
“นางไม่ได้ทำอะไรข้าเสียหน่อย เป็นข้าที่ตกใจไปเอง” ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นมา บางทีการที่ท่านจอมมารสั่งนางให้ไปอยู่ไกลๆ ไม่ต้องเข้ามารับใช้ในช่วงนี้เพราะแม่นางจางเย่วถิงอยู่กับท่านจอมมาร
ใบหน้าอ่อนหวาน พวงแก้มแดงเรื่อ ท่าทีขัดเขินของนางทำให้ อู่เฉียงรู้สึกแน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเป็นฝ่ายต้องเบือนหน้าไปทางอื่น
“ข้าจะไปเตรียมเสบียงอาหารให้ก่อน พี่อู่เฉียงอยากให้ข้าไปช่วยเก็บเสื้อผ้าหรือไม่”
“ไม่ต้องหรอก เดินทางทีไรข้าก็เอาไปแค่ชุดสองชุดเท่านั้น” เพราะเป็นเสื้อผ้าสำหรับปลอมกายจึงจำเป็นต้องเตรียมด้วยตนเอง มิให้นางมาแตะต้อง แม้ที่ผ่านมาเสื้อผ้าของเขาและอู่ยิน อู่ชิง นางช่วยซักตากให้อย่างดี หากขาดก็ซ่อมแซมเย็บปะให้เรียบร้อย
ซินหรานเข้ามาในครัว เห็นสีหน้าพ่อครัวเจี่ยนแล้วนางเดาได้ว่าคงรู้กันแล้วว่าคืนนี้และอีกสองคืนข้างหน้านางต้องนอนในห้องเก็บฟืน นางยังคงแย้มยิ้มบนใบหน้าและเดินเลี่ยงไปหยิบเนื้อแห้งที่เตรียมไว้ห่อกระดาษให้เขา แล้วยังมีข้าวแห้งอีก
“เอาปลาแห้งไปด้วย”
พ่อครัวเจี่ยนหน้าบึ้งตึงแต่จิตใจดี ไม่ต่างจากพ่อบ้านจูงโหย่งเจานัก แม้ไม่ใช่หน้าที่ของเขาแต่เห็นนางใส่ใจเรื่องเล่านี้ก็รู้สึกดี ไม่เพียงแค่ อู่เฉียง หากคนอื่นที่ออกไปปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งของท่านจอมมาร นางย่อมช่วยจัดเตรียมเสบียงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ให้เสมอ
“เจ้าค่ะ” นางยิ้มกว้างแล้วเดินไปหยิบปลาแห้งมาเพิ่มให้อู่เฉียง ปกตินักฆ่าไปมาไร้ร่องรอย ทว่าสำหรับอู่เฉียง ก่อนเดินทางเขาต้องมาบอกนางก่อนเสมอ เช่นครั้งนี้ด้วย เขาหยุดยืนมองร่างบอบบางในชุดหญิงรับใช้ นึกถึงถ้อยคำที่ฝากฝั่งให้อู่ชิงและอู่ยินช่วยดูแลซินหราน
‘อยู่ที่นี่คนที่จะทำอันตรายซินหรานก็มีแค่ท่านจอมมารเพียงผู้เดียว’ อู่ชิงเอ่ยพร้อมถอนหายใจเบาๆ
‘เจ้าก็รู้ ไม่วันนี้หรือวันหน้า อย่างไรซินหรานก็ไม่ใช่สตรีที่เจ้าจะครอบครองได้’ อู่ยินได้แต่ปลอบใจ
อู่เฉียงได้แต่เก็บงำถ้อยคำของตนเองไว้หมดสิ้น เขารู้ แม้ท่านจอมมารไม่เคยเอ่ยอะไรออกมาอย่างชัดเจน แต่สายตาและการแสดงออกนั้น ซินหรานไม่ได้เป็นเพียงแค่สาวใช้ข้างกายเท่านั้น มีบางอย่างที่ลึกซึ้งมากนัก เป็นสิ่งที่บุรุษผู้นั้นอาจยังไม่รู้ใจตนเองก็เป็นได้
แล้ว...หากเขาจะช่วงชิงนางมาเล่า จะทำได้ไหม?
ชายหนุ่มยกมือสองข้างขึ้นดูแล้วกำเป็นหมัดแน่น แน่นจนเส้นเลือดปูนโปน กลับจากภารกิจลับครั้งนี้ เขาจะ...จะ...
“พี่อู่เฉียง”
เสียงของหญิงสาวเรียกสติของเขากลับคืนมา รอยยิ้มของนางทำให้หัวใจที่เคยดำดิ่งในความมืดกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ซินหรานยื่นห่อผ้าที่ใส่อาหารไว้ภายในให้เขา
“รักษาตัวด้วย”
“ฮืม”
ซินหรานชินกับการพูดน้อยของอู่เฉียง เขายื่นมือมารับห่อผ้าไว้ จ้องมองใบหน้าของนางราวกับคิดอะไรอยู่แต่ไม่เอ่ยปากพูดสิ่งใด เพียงสายลมพัดผ่าน ใบไม้ปลิวว่อนในอากาศ ซินหรานยกมือขึ้นป้องดวงตามิให้ฝุ่นผงเข้าตา เมื่อลมสงบร่างของอู่เฉี่ยงพลันหายไปแล้ว
อู่เฉียงออกเดินทางแล้ว
หญิงสาวระบายลมหายใจบางเบา แปดปีที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้เสมอมา นางไม่รู้ว่าภารกิจของอู่เฉียงและคนอื่นๆ มีอะไรบ้าง พวกเขาไม่เคยคุยเรื่องงานหรือภารกิจที่ได้รับมาต่อหน้านาง แต่นางเคยได้ยินอู่ชิงกับอู่ยินบ่นอยู่บ่อยๆ ‘อู่เฉียง’ ใจอ่อนเกินไป เขาเป็นครูฝึกเด็กๆ ที่อยู่ในหุบเขาไม่ได้ แม้ถูกจัดเป็นองครักษ์ของท่านจอมมาร แต่ถ้ามีงานภารกิจสำคัญ เขามักถูกส่งออกไปเสมอ
คนที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักฆ่า แต่เมื่ออยู่รวมกันไม่มีใครพูดเรื่องเหล่านั้น นางเองก็พึงพอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ ทุกคนล้วนหยอกล้อพูดคุยกันไม่ต่างจากคนในหมู่บ้านที่นางเคยจากมา นางอยู่ที่นี่ตั้งแต่แปดขวบ ความทรงจำที่หมู่บ้านเชิงเขานั้นเหลือน้อยเต็มที แต่นางยังจดจำเสียงหัวเราะและเสียงร้องเพลงของคนในหมู่บ้านได้พอๆ กับเสียงกรีดร้องโหยหวนในคืนฝันร้ายนั้น
ซินหรานเดินกลับเข้ามาช่วยงานพ่อครัวเจี่ยน ในเมื่อนางไม่ต้องขึ้นไปรับใช้ท่านจอมมาร นางจึงอยู่แต่ในครัว
“คืนนี้น่าจะมีฝน เจ้าเอาผ้าห่มไปเพิ่มอีกซิ”
“ฝนจะตกหรือเจ้าคะ” นางถามพลางแหงนหน้ามองฟ้า ยังเห็นท้องฟ้ากระจ่างใส
“มดยังย้ายรัง เจ้าไม่คิดว่าคืนนี้จะมีฝนมารึ” พ่อบ้านเจี่ยนทำเสียงดุบุ้ยปากให้ดูฝูงมดที่เดินเรียงแถวเป็นระเบียบอยู่บนพื้น
“ข้าไม่ทันมองเจ้าค่ะ” นางหัวเราะคิกคัก จัดการล้างผลไม้เรียงใส่จานอย่างสวยงามแล้วรอให้บ่าวคนอื่นยกไป
“ยกไปก็มิรู้ว่าจะได้กินหรือเปล่า” พ่อบ้านเจี่ยงบ่นแต่ก็เตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น
“ถอนพิษร้อยชายนี้ไม่อาจหยุดพักดื่มน้ำกินข้าวเลยหรือเจ้าคะ” นางถามด้วยความประหลาดใจ แม่นางจางเย่วถิงจะมาที่นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว ระหว่างการถอนพิษนั้น กระทำที่ห้องฝึกตนของท่านจอมมาร นางถูกสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ เดิมทีคิดว่าเพราะนางเองไร้วรยุทธ์ถ้าเข้าไปไม่ถูกจังหวะอาจรบกวนการถอนพิษได้
พ่อครัวเจี่ยนถลึงตาใส่ แต่พอเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของหญิงสาวแล้วก็ได้แต่โคลงศีรษะไปมา นางใช้ห้องเก็บของเล็กๆ ติดกับห้องนอนของท่านจอมมารเป็นห้องนอน นางจะไม่รู้เรื่องอะไรๆ ระหว่างชายหญิงเลยหรือ? นางเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตในพรรคมารอย่างนี้ เขาเองสั่งสอนนางแค่เรื่องการทำอาหาร ส่วนพ่อบ้านจูโหย่งเจาก็สอนเรื่องอ่านเขียนและการทำบัญชี คนอื่นๆ ช่วยกันเลี้ยง ทั้งงานเย็บปักถักร้อย และงานทั่วไป เรียกได้ว่านางเป็นคนเดียวที่เติบโตมาอย่าง ‘เด็กธรรมดา’ ไม่ใช่ ‘นักฆ่า’ เช่นเด็กคนอื่น