- 12 -
ตัดขาด
"มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงเมล"
ภายในห้องแอร์เย็นเฉียบแต่กลับทำให้เมลบีรู้สึกว่าร่างกายของตอนนี้ตัวเองกำลังร้อนระอุจนมีเหงื่อผุดเต็มใบหน้า หญิงสาวกุมมือตัวเองแน่นพลางก้มหน้าลง เพราะไม่อาจสู้สายตาของคนตรงหน้าได้
"เมลขอโทษค่ะคุณเหม แต่เมลเองก็ไม่มีอะไรปฏิเสธ ผู้ชายในภาพคือแฟนของเมลค่ะ"
เมื่อเช้าหลังจากที่เธอมาถึงกองถ่ายละคร ทุกคนภายในกองต่างก็รีบนำข่าวมาให้เธอดูและเพียงไม่กี่นาทีประธานค่ายก็เรียกตัวให้เธอไปพบด่วน
"ว่าไงนะ!? แฟนเหรอ"
เจ้าของเสียงที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาทำให้เมลบีหันไปมอง บุคคลที่เข้ามาใหม่คือศุภชัยผู้ถือหุ้นคนใหม่ ใบหน้าคมเข้มเรียบตึงที่บ่งบอกว่าไม่พอใจกับคำตอบของเธอเป็นที่สุด
"คุณชัย...วันนี้เข้าบริษัทด้วยเหรอครับ"
"ครับ ผมเห็นข่าวก็เลยนิ่งนอนใจไม่ได้"
"เมลขอโทษค่ะ เมลขอโทษคุณเหมแล้วก็คุณชัยด้วยที่สร้างปัญหา ต่อไปเมลจะระวังตัว จะไม่ให้เป็นข่าวอีกค่ะ"
เมื่อเห็นสีหน้าของผู้บริหารก็ทำให้เธอต้องขอโทษอีกครั้ง เธอเข้าใจดีว่าข่าวที่ออกไปแบบนี้ส่งผลเสียต่อบริษัทมาก อีกทั้งตอนนี้เธอยังคงมีกระแสคู่จิ้นกับพระเอกที่เล่นด้วยกัน หากมีข่าวออกไปก็คงทำให้แฟนคลับผิดหวัง
"โธ่เมล เรื่องแบบนี้มันระวังกันได้ยากนะ เดี๋ยวนี้โซเชี่ยลมันแรง จะออกไปไหนคนเขาก็จับตามองอยู่ตลอดนั่นแหละ"
"เมลเองก็ไม่มีข้อแก้ตัวค่ะคุณเหม แต่เมล..."
"เลิกได้ไหม"
ทว่าประโยคนั้นทำเอาเมลบีหันขวับไปมองด้วยความตกใจ
"เสี่ยว่าไงนะคะ"
คำที่ศุภชัยเอ่ยบอกนั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นอย่างถึงที่สุด
"เสี่ยไม่ได้อยากห้ามเรื่องความรักหรอกนะ แต่ช่วงนี้เมลกำลังดัง เมลก็รู้ว่าถ้ามีปัญหามากกว่านี้ก็เป็นตัวเมลเองนั่นแหละที่จะเสียหาย"
"เอาเป็นว่าเมลจะระวังให้มากกว่านี้แล้วกันค่ะ"
เมลบีถอนหายใจและรับปากในสิ่งที่ตัวเองควรทำ เธอไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะกล้าต่อรองกับผู้ใหญ่ที่ป้อนงานให้จนมีชื่อเสียง แต่เธอเองก็คงไม่มีวันยอมทำตามที่ศุภชัยบอกเป็นแน่
"คิดดี ๆ นะเมลบี ถ้ามีปัญหาตามหลังมาอีกชีวิตของเมลนี่แหละที่จะเดือดร้อน"
"ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง แต่เมลยังคงยืนยันค่ะว่าเมลจะระวังตัวไม่ให้เป็นข่าวอีก และเมลเองก็คงไม่มีทางเลิกกับแฟนของเมลเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้แน่นอน"
สิ้นประโยคร่างบางก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมยกมือไหว้คนทั้งสอง ขาเล็กก้าวฉับออกไปตามทางด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่ทว่ากลับมีหลายสิ่งหลายอย่างวนเวียนอยู่ภายในใจ
เมลบีตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะไม่ยอมเลิกรากับแฟนหนุ่มเพียงเพราะข่าวไร้สาระแบบนั้นอย่างแน่นอน เธอจะไม่ยอมให้บุคคลอื่นมาทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและเตโชต้องจบลง เพราะนี่คือสิ่งที่เธอเลือกและเธอก็จะตัดสินใจด้วยความรู้สึกของเธอเอง
เมลบีกลับมาที่กองถ่ายเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองในวันนี้ให้เสร็จสรรพ ตอนนี้เธอกำลังแต่งหน้าอยู่ที่ห้องรับรองและอ่านบทที่จะต้องเข้าฉากในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
แม้ว่าตอนนี้สิ่งที่กำลังจดจ่อจะไม่ใช่บทละครแต่เธอก็ต้องดึงสติของตัวเองกลับมาและรับผิดชอบงานตรงหน้าให้ดีและสมบูรณ์แบบ เธอเข้าใจวิถีในวงการนี้ดี การมีอยู่ของเธอขึ้นอยู่กับกระแสและแฟนคลับที่คอยสนับสนุน หากแต่ในชีวิตจริงเธอก็ให้ความสัมพันธ์กับคนข้างกายด้วยเช่นกัน
"น้องเมลโอเคใช่ไหมคะ สีหน้าไม่สู้ดีเลยนะ" ช่างแต่งหน้าเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง เห็นสีหน้าของนางเอกสาวตั้งแต่ย่างกรายมาที่กองถ่ายก็รับรู้ได้ทันทีว่าจะต้องเป็นกังวลกับข่าวที่เกิดขึ้นเป็นแน่
"ถ้าบอกว่าโอเคก็คงจะเป็นคำโกหก เฮ้อ...เมลไม่โอเคเลยค่ะ ไม่โอเคสุด ๆ"
เมลบีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และยกมือขึ้นนวดที่ขมับของตัวเองทั้งสองข้าง เธอพยายามจะไม่ใส่ใจกับข่าวไร้สาระพวกนั้นแล้ว แต่คอมเมนต์ที่ดูถูกแฟนของเธอกลับทำให้เธอปล่อยผ่านไม่ได้
"พี่เข้าใจจ้ะ แปลกนะชาวเน็ตเนี่ย เป็นประสาทกันรึไง ดาราก็คนนะ จะมีความรักก็ไม่เห็นแปลก"
"นั่นสิคะ การที่เมลมีแฟนมันผิดมากเลยเหรอ"
ครืด...ครืด...
"อ๊ะ...สักครู่นะคะ เมลขอไปรับโทรศัพท์ก่อน"
แรงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหน้าทำให้เมลบีขอตัวออกมารับสาย ซึ่งคนที่โทรเข้ามาคือเตโชหากไม่ต้องเดาก็รู้ดีว่าเรื่องที่จะคุยนั้นคงไม่พ้นข่าวที่ปล่อยออกไปอย่างแน่นอน
"ฮัลโหลเต" เสียงเล็กเอ่ยไปยังปลายสายพลางปรับให้เป็นปกติมากที่สุด
(ทำไมเสียงเป็นแบบนี้เมล...เมลโอเคไหม)
"..."
(ฮัลโหล...เมล...เมลได้ยินเตไหม)
"ฮึก...เต เมลขอโทษนะ ฮือออ" เมลบีเงียบไปชั่วครู่แต่ไม่นานสิ่งที่พยายามกลัดกั้นก็พังทลายลงกลายเป็นหยาดน้ำตาของความเสียใจ
ในตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพียงข่าวไร้สาระที่ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ แต่ทว่ามันไม่ใช่...เตโชโดนโจมตีอย่างหนัก อีกทั้งคอมเมนต์ก็เป็นไปในทิศทางลบที่ดูถูกว่าร้ายจนเกิดความเสียหาย เธอไม่เข้าใจเลยว่าการที่เธอคบหากับแฟนคนนี้ทำไมถึงทำให้คนอื่น ๆ ไม่พอใจและต่อต้านกันได้ขนาดนี้
ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ทำไมคนอื่นถึงได้ตัดสินความสัมพันธ์ของเธอเพียงเพราะอยู่หลังแป้นพิมพ์ได้อย่างง่ายดาย
(เตโอเคเมล เตโอเคมาก ๆ ไม่ต้องร้องนะเมล)
คนปลายสายรู้ได้ถึงความเสียใจของแฟนสาวแม้ไม่ได้เห็นหน้า หากอยู่ข้าง ๆ เธอเขาก็คงดึงรั้งเธอเข้ามากอดปลอบอย่างที่ชอบทำ แต่ในตอนนี้เขาทำให้เพียงพูดคุยกับเธอผ่านโทรศัพท์เท่านั้น
"ฮึก...เมลขอโทษ เตโดนว่าหนักมากเลยฮึก...เมลไม่อยากให้ใครมาว่าแฟนของเมลฮือ...ทำไมจะต้องมาว่าแฟนเมลด้วย"
(โธ่เมล...เราอย่าไปสนใจคนอื่นเลย มีปากก็พูดไป แต่ถ้ามาพูดต่อหน้าเตรับรองได้ว่าเตซัดน่วมแน่!)
เหมือนจะเป็นคำพูดเล่น ๆ แต่เธอเชื่อว่าแฟนของเธอจะทำแบบนั้นจริง ๆ เตโชไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แต่เธอก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาดูถูกดูแคลนได้ง่าย ๆ แบบนี้
"เต...เมลต้องไปเข้าฉากแล้ว แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเราเจอกันตอนเย็นนะเต"
เมลบียกมือปาดน้ำตาเพราะไม่อยากให้แฟนหนุ่มต้องเป็นห่วง
(ครับผม ตั้งใจทำงานครับ)
เมลบีกดวางสายและเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว ตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาที่เธอจะต้องเข้าฉากแล้ว เธอควรจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จแล้วค่อยกลับมาจัดการกับข่าวที่ออกไป
แต่ทว่า...
ติ๊ง!
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก สายตาหวานมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นโชว์ว่าเป็นการแจ้งเตือนจากแอปข้อความ ซึ่งคนที่ส่งมานั้นคือแม่ของเธอ
MESSAGE : แม่ (2)
: แม่เห็นข่าวแล้วนะ ทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้
: เย็นนี้มาหาแม่ที่บ้าน เรามีเรื่องต้องคุยกัน
ช่วงเย็น
ช่วงเวลาห้าโมงเย็นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นการจราจรติดขัด ผู้คนเดินทางกลับบ้าน แม้กระทั่งภายในใจของสองคนที่ตอนนี้กำลังผสมปนเปจนไม่รู้ทิศทาง
มือหนากอบกุมมือของแฟนสาวเอาไว้ แม้ว่าภายในรถจะมีความเงียบปกคลุมแต่เขากลับใช้ความอบอุ่นนี้หวังให้เธอสบายใจขึ้น
"เตกลัวแม่เมลไหม" เมลบีเอ่ยถามคนข้างกายพลางคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ
หลังจากที่เตโชมารับที่กองถ่าย เมลบีเลยบอกกับเขาว่าเย็นนี้เธอจะต้องเข้าไปคุยกับแม่ในเรื่องข่าวที่แพร่ออกไป และเธอเองก็อยากให้เตโชไปด้วยกันเพราะอยากยืนยันในความสัมพันธ์ของสองคน
เธอรู้ดีว่าการที่แม่เรียกไปหานั้นจะต้องทำให้ท่านไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่เธอก็ไม่คิดสนใจ และอยากตัดสินใจกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับเตโชโดยที่ไม่มีคนอื่นมาชักจูง
"นิดหน่อย แต่เตโอเค"
อาจจะเป็นครั้งแรกที่เตโชแสดงออกว่าเขากำลังหวั่นกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากเป็นเรื่องนี้เขาเองก็คงไม่สามารถเข็มแข็งไปได้ตลอด เขากลัวว่าแม่ของเธอจะไม่ยอมรับ เพราะที่ผ่านมาตัวเขาก็ไม่ได้มีตัวตนในครอบครัวของเธอเลยสักนิด
แม่ของเมลบีไม่เห็นด้วยกันการคบกันของเขาและเธอ ด้วยเหตุผลที่ว่าตัวเขาเป็นเพียงพนักงานธรรมดา ไม่คู่ควรกับนางเอกอย่างเธอ แต่เมลบีเองก็ยังคงตั้งมั่นและยืนยันที่จะคบหากับเขาโดยไม่สนใจกับคำพูดของผู้เป็นแม่ นั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ของสองคนล่วงเลยมามากกว่าสองปีแล้ว
การเดินทางใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงจนกระทั่งตัวรถยนต์มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเมลบี พอลองมองเข้าไปก็เห็นว่าไฟในบ้านเปิดสว่าง
ทั้งเตโชและเมลบีเดินลงจากเดินก่อนจะจับมือเข้าไปได้ในด้านในด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก แต่ผิดกันกับมือของสองคนที่จับจูงและกระชับแน่นราวกับใช้ความอบอุ่นนี้ให้เปรียบเสมือนการอยู่เคียงข้างไม่ไปไหน
เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็เห็นว่าพ่อและแม่ของเธอกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาวหน้าโทรทัศน์จอใหญ่ เตโชยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ซึ่งแน่นอนว่าการทักทายของเขาไม่ได้รับการตอบกลับของผู้ใหญ่ทั้งสองคน
"แม่มีอะไรจะคุยกับเมลเหรอคะ" เมลบีเปิดประโยคด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เธออยากรีบคุยแล้วก็รีบออกไปจากที่นี่สักที
"เมลพาเขามาทำไม"
"ก็เตเป็นแฟนเมล ทำไมเมลถึงพาแฟนมาที่นี่ไม่ได้ล่ะคะ"
"เมล..." มือหนาจับประสานเอาไว้เมื่อเห็นว่าเมลบีเริ่มมีท่าทีแข็งกร้าว
"แม่เห็นข่าวแล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้!"
"เป็นแบบไหนคะ ก็แค่แฟนกันไปเดินห้างด้วยกัน เมลไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรที่แปลกเลย" เสียงเล็กตอบกลับอย่างเดือดดาล เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของเธอต้องทุกข์ร้อนไปกับข่าวไร้สาระแบบนี้ด้วย
"เมล! ตอนนี้เมลก็มีชื่อเสียง กระแสก็กำลังดี เมลจะปล่อยให้ข่าวบ้า ๆ นี่ทำลายภาพลักษณ์ลูกเหรอ!"
"ไม่มีอะไรทำลายเมลได้ทั้งนั้นแหละแม่! นี่มันชีวิตจริง เมลเองก็มีต้องมีความรัก เมลก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป แล้วทำไมเมลจะมีแฟนไม่ได้!"
หยาดน้ำตาที่พยายามกลัดกั้นไหลหลั่งออกมาเป็นจำนวนมาก สิ่งที่เธอสงสัยและอัดอั้นภายในใจทว่าตอนนี้กลับพังทลายออกมาจนหมดสิ้น
"อย่ามาบีบน้ำตานะเมล! แกเองก็เหมือนกัน เห็นไหมว่าข่าวนั้นทำให้ลูกฉันต้องเสียหาย ปล่อยลูกฉันไปสักที!"
เตโชถูกจั่วหัวเป็นคนถัดไป หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นจากโซฟาและชี้หน้ามองเขาอย่างโกรธเกลียด เธอไม่เคยเห็นดีเห็นงามในความสัมพันธ์ของลูกสาวกับผู้ชายคนนี้ ยิ่งรู้ว่าเป็นเพียงคนธรรมดาฐานะปานกลางก็ยิ่งกีดกันไม่อยากคบค้าด้วย
"ผมขอโทษครับแม่ ผม..."
"ฉันไม่ใช่แม่แก!"
คำพูดนั้นทำให้เตโชสะอึกและแน่นิ่งไปในทันที เขาไม่คิดตอบโต้ทำได้เพียงน้อมรับกับคำด่าทอของคนตรงหน้าจนกว่าจะพอใจ
"เลิกกับมันซะ ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาเรียกฉันว่าแม่อีก!"
"คุณ...ใจเย็นก่อน นี่ลูกเรานะคุณ"
"ก็เพราะเห็นว่าเป็นลูกนี่แหละฉันถึงต้องยื่นคำขาด เลิกกับเขาซะเมล ถ้าไม่เลิกงั้นก็เราก็ตัดขาดจากการเป็นแม่ลูกกันไปเลย!"
"ฮึ..." เสียงแค่นหัวเราะของเมลบีทำให้คนทั้งสองมองหน้าด้วยความแปลกใจ
รอยยิ้มเหยียดทั้งหยาดน้ำตาปรากฏชัดก่อนที่เธอจะเอ่ยคำคำหนึ่งออกไปด้วยความหนักแน่น
"ตกลงตามนั้นค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"
เมลบีเหยียดยิ้มก่อนจะเดินจับมือของแฟนหนุ่มออกไปจากตัวบ้าน เธอเลือกที่จะตัดขาดกับผู้เป็นแม่ตามคำขู่ ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการแบบนี้ก็เธอพร้อมที่จะทำโดยไม่คิดหันหลังกลับ!
"เมล! เมลกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ เมล!!!"