หลัวเหมยนิ่งขึง สติหลุดลอย ยังไม่ทันได้ดึงสติกลับ ข้อนิ้วของสีเทียนหยางก็เคาะลงบนปลายจมูกของนางอย่างจังอีกครั้ง
นางสะดุ้งโหยง ดึงสติกลับมายังปัจจุบัน
“คิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าอย่างนั้นรึ เจ้าคิดมากไปแล้ว” สีเทียนหยางบอกยิ้มๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ แต่ยังก่อน ยังไม่ถึงเวลา สิ่งไหนที่สมควรเป็นของเขา อย่างไรเขาก็ต้องนำมาครอบครองจงได้ อีกอย่าง เขาย่อมรู้ดีว่าร่างกายของนางตอนนี้ยังไม่พร้อม อย่างน้อยภายในสามสี่วันนี้ สีเทียนหยางยังไม่สามารถครอบครองร่างกายของหลัวเหมยได้
หลัวเหมยลอบพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แต่กระนั้น นางยังคงยืนนิ่ง รอคอยคำสั่งของเขาต่อไปด้วยใจสั่นๆ
สีเทียนหยางเดินไปทางถังอาบน้ำ ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงไป
“ข้าให้พ่อบ้านจัดเตรียมห้องพักไว้สำหรับเจ้าแล้ว เจ้าออกไปเถอะ ป่านนี้พ่อบ้านน่าจะรอเจ้าอยู่ข้างนอกแล้วกระมัง” เขาบอกด้วยเสียงเนิบนาบ
“เจ้าค่ะ”
ความเขินอายผสมความหวาดกลัวทำให้นางรีบรับคำ และสาวเท้ายาวๆ เดินออกจากห้องอาบน้ำ ลืมสิ้นความเป็นกุลสตรี
หลังจากนางเดินพ้นประตูเรือนของเขา ตอนนั้นเอง พ่อบ้านสีเดินมาถึงเรือนของสีเทียนหยางพอดิบพอดี
ถึงตรงนี้ หลัวเหมยอดสงสัยไม่ได้ว่าการคำนวณของใต้เท้าแม่นยำเกินไป หรือพ่อบ้านสียืนคอยอยู่นานแล้วกันแน่ ทว่านางกลับไม่แปลกใจเลยสักนิดกับคำเยินยอถึงความเก่งกาจที่ชาวบ้านยกย่องสีเทียนหยาง หากไม่เห็นกับตา นางไม่เชื่อเลยว่าการคำนวณของเขาน่าทึ่งมากแค่ไหน
“แม่นางหลัว ข้าได้รับคำสั่งจากใต้เท้าให้พาท่านไปดูเรือนพัก เชิญตามข้าน้อยมา” พ่อบ้านสีบอกด้วยความนอบน้อม ซึ่งการแสดงออกของคนที่นี่ไม่ได้มองนางเหมือนสาวใช้ แต่เป็นแขกคนหนึ่ง
เพราะความไม่คุ้นชินกับการมีคนปรนนิบัติ หลัวเหมยรีบบอกละล่ำละลัก
“พ่อบ้านสีอย่าได้เกรงใจข้าขนาดนั้น ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องเกรงใจท่าน รบกวนท่านพาข้าไปที่เรือนพักเถิดเจ้าค่ะ”
พ่อบ้านสียิ้มด้วยความชื่นชม นางเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ใกล้ชิดใต้เท้า ดูก็รู้ว่าต้องเป็นคนโปรดของใต้เท้าอย่างแน่นอน แต่นางกลับมีความนอบน้อม ไม่ถือตัวข่มท่าน มิน่าเล่า ใต้เท้าถึงให้ความสำคัญกับนางมาก ครุ่นคิดแล้ว พ่อบ้านสีบอกแก่หญิงสาว
“เช่นนั้นแม่นางหลัวเชิญตามข้าน้อยมาทางนี้ขอรับ”
หลัวเหมยยิ้มเกรงใจ ก่อนก้าวเท้าเดินตามพ่อบ้านสี
เดิมนางคิดว่าเรือนพักคงไกลออกไปสักหน่อย แต่ทว่า เดินออกจากเรือนของสีเทียนหยางมาได้เพียงครู่สั้นๆ พ่อบ้านสีก็หมุนกายหันมาบอกนาง
“แม่นางหลัว ถึงเรือนพักของท่านแล้วขอรับ”
หญิงสาวมองเรือนพักหลังน้อยตรงหน้า จากนั้นหันมองด้านข้างซึ่งเป็นเรือนพักของสีเทียนหยาง
เดี๋ยวนะ นี่มันใกล้กันมาก ไม่สิ เรียกว่าอยู่ข้างๆ กันเลยไม่ใช่หรอกหรือ!
หากบอกว่าเรือนที่นางพักคือเรือนแยกจากเรือนของใต้เท้าก็คงไม่ผิด คิดแล้วเชียว สีเทียนหยางต้องการแบบนี้นี่เอง
คิดได้ดังนั้น นางหันไปบอกพ่อบ้านสี
“ขอบคุณพ่อบ้านสีเจ้าค่ะ”
พ่อบ้านสียิ้มพร้อมค้อมศีรษะบอก
“ด้านในเตรียมของใช้จำเป็นสำหรับแม่นางหลัวพร้อมแล้ว หากแม่นางต้องการสิ่งใดเพิ่มให้บอกข้าน้อยได้ทุกเวลาขอรับ เชิญแม่นางหลัวพักผ่อนให้สบาย ข้าน้อยขอตัวก่อน”
ต่อเมื่อพ่อบ้านสีเดินออกไปแล้ว นางจึงเดินเข้าไปสำรวจเรือน พอมองออกทางหน้าต่างก็พบว่า จากตำแหน่งนี้นางสามารถมองเห็นหน้าต่างเรือนของใต้เท้าได้ชัดเจน มองออกไปตรงประตูด้านข้างก็จะเห็นน้ำตกจำลองและสวนสวย คาดเดาว่าห้องพักที่อยู่ติดกับเรือนของเขานี้น่าจะเป็นเรือนพักผ่อนจากเรือนหลักเสียมากกว่า
จวนสกุลสีใหญ่โตกว่าบ้านสกุลหลัวมาก ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดบิดาถึงจ้องผูกสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัวกับใต้เท้าผู้ตรวจการ นั่นเพราะอำนาจและเงินทองของเขามีมากล้นของจริง
หลัวเหมยมองข้าวของเครื่องใช้ในเรือน รวมทั้งถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นเต็มถัง รวมถึงข้าวของของสตรีที่เตรียมพร้อมสรรพ เสื้อผ้าสะอาดและเป็นของใหม่ถูกพับวางไว้อย่างเรียบร้อย หากถามว่าพ่อบ้านสีนำของพวกนี้มาจากไหน สู้ถามว่าเขาซื้อมาตั้งแต่เมื่อไร เพราะข้าวของทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่ของเก่าที่หยิบยืมมา
ได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ที่นางไม่เคยมีไม่เคยใช้ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้า ติดก็แต่ว่านางไม่เหมาะสมกับของราคาแพงพวกนี้สักนิด อีกอย่าง นางอยู่ที่นี่ไม่นานก็ต้องกลับบ้านสกุลหลัวแล้ว ดังนั้นจะไม่จมอยู่ในฝันหวานนานนัก
“สวยๆ ทั้งนั้นเลย แต่ว่า ข้าไม่เหมาะกับของมีค่าอย่างพวกเจ้าหรอก ขอโทษด้วยนะ”
หญิงสาวลูบอาภรณ์ตัวใหม่และเครื่องประดับหรูหรา แต่ไม่ได้หยิบออกมาใช้ เพียงลูบแล้ววางลงกลับที่เดิม ก่อนเดินเข้าไปหลังฉากกันลมเพื่ออาบน้ำ ค่ำคืนนั้น นางพักผ่อนบนเตียงนุ่ม รอคอยเช้าวันใหม่มาเยือน
หารู้ไม่ การกระทำของหลัวเหมยอยู่ภายใต้สายตาของชายหนุ่มด้านนอก ตั้งแต่ที่นางมองอาภรณ์หรูหราด้วยความเสียดาย ตลอดจนนางอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเข้านอน
พูดไปแล้ว สีเทียนหยางอาบน้ำลวกๆ และแต่งตัวลวกๆ ก็เพื่อดูการตอบสนองของหลัวเหมยที่มีต่อข้าวของมีค่าเหล่านั้น ผลคือ ริมฝีปากบางเฉียบยกเป็นรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ สายตาคมกริบเต็มไปด้วยแผนการ