หลังรับประทานอาหารอิ่มแล้ว สีเทียนหยางเดินนำหลัวเหมยกลับมาที่เรือนส่วนตัวของเขา ระหว่างทาง เขาจงใจพานางเดินตัดสวนดอกไม้ ให้นางได้ชื่นชมความสวยงามของที่นี่เพื่อจะได้รู้สึกปลอดโปร่ง ซ้ำอาจจะนึกอยากอยู่ที่นี่ขึ้นมา
“ที่นี่คือสวนใหญ่ เจ้าสามารถมาเดินเล่นได้ตลอดเลยนะ นั่นคือชิงช้า อ้อ ตรงนั้นคือสระดอกบัวหลายชนิด มีหลากสีสันเลยละ”
หลัวเหมยมองแผ่นหลังกว้าง บางครั้งมองตามปลายนิ้วของสีเทียนหยาง บางครั้งก้มมองพื้น ตลอดทางนางรู้สึกว่าที่ทุกคนปฏิบัติต่อนางไม่ถูกต้องอยู่สักหน่อย ที่นางรั้งอยู่ที่นี่ก็เพื่อปรนนิบัติสีเทียนหยาง ดูแลเขาเพราะเขาไม่สบาย แต่ไหนเลย เขากลับเดินเหินเหมือนยังแข็งแรงดี ซ้ำยังเป็นฝ่ายดูแลนางอย่างดีอีก
สีเทียนหยางสาธยายความน่าอยู่ของจวนอย่างเพลิดเพลิน กระทั่งเข้ามาถึงเรือน ในที่สุด หลัวเหมยก็มีเสียงออกจากปากเสียที
“ใต้เท้า ในเมื่อท่านหายป่วยแล้ว ท่าน... ท่านปล่อยข้ากลับบ้านเถิดเจ้าค่ะ” หลัวเหมยบอกขณะมือทั้งสองข้างกำกระโปรงแน่
สีเทียนหยางหมุนตัวหันมามองร่างบอบบาง ก่อนจะถาม
“เหมยเอ๋อร์ เจ้าอยากกลับบ้านขนาดนี้เชียว”
“เจ้าค่ะ” นางตอบรับทันที แต่พอคิดขึ้นได้ว่าตนควรขยายความมากกว่านี้ นางจึงเอ่ยต่อ “เอ่อ ไม่ใช่ข้าไม่ยินดีปรนนิบัติท่านนะเจ้าคะ แต่ว่าข้าต้องกลับบ้าน นี่ก็ใกล้จะค่ำมืดแล้วด้วย ข้าไม่ควรอยู่ที่นี่นานนัก”
เขาถอนหายใจคราหนึ่ง ดูคล้ายจะเห็นใจนาง
“ข้าได้พักผ่อนเต็มที่ ยอมรับว่าหายป่วยแล้ว แต่ไม่ใช่ข้าไม่อยากปล่อยเจ้า ที่บ้านเจ้าต่างหากที่ไม่ยินดีรับเจ้ากลับไป”
“ใต้เท้าหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” หลัวเหมยถามพาซื่อ ในขณะเอ่ยถาม หัวใจนางโหวงหวิว
“เจ้าอยู่ที่นี่ทั้งวัน มีใครมาตามเจ้ากลับบ้านบ้าง พูดง่ายๆ มีใครออกหน้าปกป้องเจ้าจากข้าหรือไม่ ตอนข้าบอกว่าต้องการให้เจ้าอยู่ปรนนิบัติ”
ถึงแม้คำพูดของสีเทียนหยางฟังดูไร้น้ำใจสักหน่อย แต่เขาก็พูดตรงๆ เพื่อให้นางตาสว่าง ตอนเขาเอ่ยปากต้องการหลัวเหมย หลัวซูหนิงเป็นพี่สาวแท้ๆ แม้จะต่างมารดา แต่ก็สายเลือดเดียวกัน ไม่มีท่าทางทุกข์ร้อน ซ้ำยังรีบผลักไสหลัวเหมยให้กับเขา ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหลังจากที่บ้านตระกูลหลัวรู้เรื่องที่เขารั้งนางให้อยู่ต่อ ตลอดทั้งวันกลับไม่มีใครร้อนรนมาขอร้องให้เขาส่งนางกลับคืน
แค่สองเรื่องนี้ก็รู้แล้วว่าหลัวเหมยมีความสำคัญกับบ้านตระกูลหลัวอย่างไร หมายความนั้นก็คือ... ไม่มีเลย
ความจริง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสีเทียนหยางสักนิด แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขาถึงอยากให้นางอยู่ข้างกาย เขาอยากเป็นฝ่ายดูแลนาง แม้แต่จวินเอ๋อร์ เขายังไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
สีเทียนหยางปั้นหน้าขึงขัง แสร้งว่า “เหมยเอ๋อร์ เรื่องที่พ่อเจ้าวางยาข้า ข้าไม่ฟ้องร้องพ่อเจ้าก็บุญเท่าไรแล้ว ที่ให้เจ้าอยู่ก็เพื่อชดเชยคืน”
“ชดใช้คืนหรือเจ้าคะ” นางมีสีหน้าประหม่า ชดใช้คืนของเขาคงไม่ใช่เรื่องอย่างว่าหรอกใช่ไหม ถ้าเป็นเรื่องนี้ คืนนั้นนางช่วยเขาไปแล้ว ชดใช้คืนแล้วเช่นกัน
หลัวเหมยเพิ่งคิดอย่างนั้น จู่ๆ ข้อนิ้วของสีเทียนหยางก็เคาะลงมาบนปลายจมูกนาง
หญิงสาวสะดุ้ง ลูบจมูกพลางมองดูต้นตอของความเจ็บ
“เจ้าคิดไปถึงไหน มาช่วยอาบน้ำให้ข้าเดี๋ยวนี้” สีเทียนหยางบอก ขณะเดียวกันก็เดินนำนางเข้าไปในห้องด้านใน
เดี๋ยวก่อนนะ! ช่วยเขาอาบน้ำหรือ
ถึงแม้นางอยู่ในบ้านสกุลหลัวเหมือนสาวใช้คนหนึ่ง ช่วยหลัวซูหนิงอาบน้ำแต่งตัว แต่นางไม่เคยช่วยผู้ชายอาบน้ำแต่งตัวมาก่อน
เมื่อไม่เห็นหญิงสาวเดินตามเข้ามา สีเทียนหยางหันกลับมามอง
“รออะไรอยู่ มาสิ”
นางละล้าละลัง
สีเทียนหยางเห็นว่าถึงนางเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ไม่ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ตรงข้าม กลับยิ่งอยากกลั่นแกล้ง เขากดเสียงต่ำแล้วว่า “ชดใช้คืน”
หลัวเหมยเข้าใจความหมายทันที นางตอบด้วยความจำใจ
“เจ้าค่ะ”
จากนั้น หลัวเหมยก็เดินตามหลังสีเทียนหยางเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ยามหลัวเหมยปลดชุดบนตัวชายหนุ่ม สีเทียนหยางมองนางไม่คาดสายตา นั่นทำให้ใบหน้านางร้อนผะผ่าว เสื้อถูกปลดออก เผยแผงอกขาวซึ่งมีกล้ามเนื้อแน่นหนั่น ริมฝีปากนางขบเข้าหากัน แต่นั่นไม่น่าอับอายมากเท่ากับพบว่าบนบ่าของเขามีรอยฟันเล็กๆ
นั่นคือรอยฟันของนาง...
ถึงจะเขินอายมาก แต่ด้วยความคล่องแคล่วจากการช่วยหลัวซูหนิงอาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หลัวเหมยลืมไปว่าตอนนี้นางก็ทำแบบเดียวกันกับสีเทียนหยาง นางลดมือลงปลดกางเกงของเขาอย่างหลงลืมตัว ทันทีที่เห็นส่วนสำคัญชี้ชันตรงหน้า นางถึงเพิ่งนึกได้ว่าตนใกล้กับเขามากเพียงใด
“ว้าย...!”
หลัวเหมยรีบยกมือขึ้นปิดตา กางเกงที่ถูกปลดครึ่งทางล่วงตกลงปลายเท้า เผยให้เห็นส่วนสำคัญของชายหนุ่มเต็มๆ
สีเทียนหยางยกมือขึ้น ดึงมือของนางออกจากดวงตา เมื่อไม่มีฝ่ามือปิดกั้น นางพยายามบังคับตัวเองให้มองชายหนุ่มเพียงช่วงบน และเพราะทำแบบนั้น ดวงตาของทั้งคู่จึงสบประสานกัน
หลัวเหมยเห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาสีดำของสีเทียนหยาง
ความร้อนระอุราวกับแผดเผาออกมาจากภายในร่างกายของนาง ใบหน้าของนางแดงก่ำ และลามมาถึงลำคอ
เช่นเดียวกับสีเทียนหยาง การได้ใกล้ชิดกับสตรีที่เคยร่วมหลับนอนด้วยอีกครั้ง ทำให้เกิดความต้องการเหมือนจะควบคุมไม่ได้ ยิ่งหญิงสาวตรงหน้าเอาแต่จ้องมองดวงตาของเขาไม่ลดละ หรือจะบอกว่านางหวาดกลัวจนไม่กล้ามองต่ำ ทำเพียงยืนตัวเกร็งแข็งทื่อ ท่าทางเช่นนี้ช่างดูน่ารักเหลือเกิน
สีเทียนหยางยิ้มในอก ที่แท้ เรื่องระหว่างชายหญิง โดยเฉพาะกับหญิงสาวที่ตนถูกใจ ในอกคล้ายมีน้ำผึ้งหวานๆ อบอวลเช่นนี้เอง ความรู้สึกชอบใครสักคนเป็นแบบนี้หรอกหรือ
ก็ไม่รู้หรอกว่า ความรู้สึกเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องดีและอันตรายกันแน่