บทที่ 3.1
ความรู้สึกที่เริ่มชัดเจน
กวงจือหลินส่งสายตาดุดันไม่พอใจมองชายหนุ่มตรงหน้า หากแต่อีกฝ่ายกลับยิ้มอ่อนโยน พร้อมกับเป่าลมไล่ความร้อนของข้าวต้มในช้อนให้เธออย่างใส่ใจ
“รีบกินข้าว จะได้กินยาลดไข้แก้อักเสบ แต่ถ้าตอนเย็นยังไม่หายผมจะพาไปฉีดยาที่โรงพยาบาล”
กวงจือหลินไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย แต่กลับกลัวเข็มฉีดยาเป็นที่สุด ดังนั้นจึงยื่นมือไปจับชามข้าวต้มตรงหน้าเพื่อเอามาจัดการให้หมด ทว่าคนถือชามข้าวต้มกลับไม่ยินยอมส่งให้เธอ
“ข้าวต้มยังร้อนอยู่มากให้ผมป้อนคุณจะดีกว่า”
“ฉันกินเองได้ ส่งมา”
“ถ้าคุณยังดื้อ ผมจะ...”
สายตาที่เปลี่ยนไปของกู้เหยียนไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยจบประโยคกวงจือหลินก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไร ริมฝีปากเล็กจึงอ้าออกรับข้าวในช้อนตรงหน้าลงท้องไปอย่างรวดเร็ว สร้างรอยยิ้มกว้างให้คนถือช้อนในทันที
น่าโมโหนัก ทีแรกเห็นเขาสงบเสงี่ยมอ่อนโยน เธอก็หลงคิดว่าอีกฝ่ายคือลูกสุนัขที่ว่าง่าย ไม่คิดว่าที่แท้จะกลายเป็นลูกเสือที่เจ้าเล่ห์เช่นนี้
“เมื่อคืนคุณบอกว่า... ผมต้องมอบลูกให้คุณก่อน ถึงจะกลับเมืองเจียงได้ ใช่ไหม"
กวงจือหลินที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มสำลักจนหน้าแดงก่ำ เมื่อคืนแค่อยากหยอกล้อเขา ใครจะคิดว่าเขาจะเอาจริง และเอาหนักเช่นนั้น
"อย่างนั้นเรา..."
“ฉันไม่สบายอยู่ ร่างกายไม่พร้อม!”
กู้เหยียนมองท่าทางยกผ้าห่มมาห่อตัวของกวงจือหลินแล้วยิ้มกว้าง ไม่คิดว่าหญิงสาวที่แข็งแกร่งไม่กลัวใครอย่างเธอจะมีมุมบอบบางที่ชวนหลงใหลเช่นนี้ด้วย
ป๊อก! เสียงนิ้วยาวเคาะลนหน้าผากขาวเบาๆ อย่างไม่จริงจัง พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตากลมของกวงจือหลินเบิกกว้าง ยกมือขึ้นกุมหน้าผากตนเอง ทั้งชีวิตไม่เคยมีใครกล้าทำร้ายเธอแล้วนั่งยิ้มเช่นเขาเลยสักคน
"กู้เหยียน! คุณกล้าตีฉันเหรอ"
"เรียกว่าลงโทษคนคิดไม่ดีต่างหาก"
"ฉันคิดไม่ดีอะไรกัน เมื่อครู่คุณชวนฉัน..."
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ไม่กล้าพูดในสิ่งที่ตนเองคิด ยิ่งเห็นสายตาหยอกล้อรอเธอสองแก้มขาวก็ร้อนผ่าว แดงก่ำ
"ผมแค่จะชวนคุณวางแผน เรื่องมีลูก"
ชวนวางแผนมีลูก ก็คือชวนเธอทำเรื่องอย่างว่าไม่ใช่หรือไร ล้วนเป็นเขาที่คิดไม่ดี ยังกล้ามาว่าเธอและลงโทษเธออีก
"รอบเดือนของคุณมาครั้งสุดท้ายวันที่เท่าไหร่ครับ”
ใบหน้าของกวงจือหลินพลันแดงก่ำเป็นทบทวี ดวงตากลมเบิกกว้าง แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะผ่านเรื่องอันเร่าร้อนกับเขามาแล้ว แต่จะให้บอกเล่าเรื่องเช่นนี้กับเขาก็ยากเกินกว่าจะทำใจ
“คุณเป็นผู้ชายถามเรื่องเช่นนี้กับผู้หญิงได้ยังไง”
“ผมเพียงจะคำนวณวันตกไข่ เพื่อที่จะได้บรรลุข้อตกลงระหว่างเราโดยเร็วที่สุด”
อาการเขินอายพลันหายไปจากความรู้สึกของกวงจือหลิน ในใจเกิดอาการปวดหนึบ ที่แท้กู้เหยียนต้องการไปจากเธอโดยเร็วที่สุดนี่เอง ทว่าเมื่อคิดถึงสาเหตุที่เขายอมตกลงแต่งกับเธอ ริมฝีปากเล็กก็คลี่ยิ้มเย้ยหยันตนเองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ฉันจำไม่ได้ รอมารอบหน้าจะจดไว้ให้”
“ได้! อย่างนั้นคุณก็กินยาแล้วนอนพักเถอะ ผมไม่กวนแล้ว”
“อืม...”
กวงจือหลินมองแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปแล้วเม้มริมฝีปากบาง เขาแต่งกับเธอเพราะต้องการช่วยส่งเสริมเฉินซิ่วลี่กับกวงซุนหลี่ผู้เป็นพี่ชายบุญธรรมของเธอ ตั้งแต่ต้นจนจบเหตุผลของการแต่งงานล้วนไม่ใช่เธอ
.........................................
“เซี่ยเว่ย คุณว่างไหม”
กู้เหยียนที่เดินลงมาจากห้องของกวงจือหลินเอ่ยถามคนสนิทของเธอ ด้วยท่าทีสุภาพ เซี่ยเว่ยประสานมือไว้เบื้องหน้าแล้วตอบรับเสียงนอบน้อม
“ครับ คุณกู้มีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
“ฉันอยากออกไปตลาดสักหน่อย”
เพราะเห็นว่ากวงจือหลินกินข้าวต้มได้เพียงเล็กน้อย กู้เหยียนจึงอยากออกไปซื้อของเพื่อนำมาทำอาหารที่เธอชอบ ได้กินอาหารดีๆ ร่างกายจึงจะฟื้นตัวได้เร็ว เมื่อคิดถึงเรื่องราวหลังจากที่ร่างกายของกวงจือหลินฟื้นตัวได้ดีแล้ว ใบหน้าของกู้เหยียนก็ร้อนผ่าวนั่งยิ้มกว้างอยู่คนเดียวจนเซี่ยเว่ยอดที่จะสงสัยไม่ได้
ตลาดสดที่เซี่ยเว่นพากู้เหยียนมานั้นเป็นที่เดียวกับที่กวงจือหลินพามาเมื่อครั้งก่อน ดังนั้นกู้เหยียนจึงให้เซี่ยเว่ยรอที่รถไม่ต้องเดินตามเขา โดยไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเหลาตังอี้และพรรคพวก
“โอว้! ดูสิฉันเจอใคร”
น้ำเสียงยียวนของเหลาตังอี้ดังขึ้นก่อนจะเดินมาตบไหล่กู้เหยียนที่กำลังเลือกซื้อปลาสด กู้เหยียนถอนหายใจยาว รับรู้ได้ว่าอย่างไรคงไม่อาจเลี่ยงการปะทะในครั้งนี้ ในใจเขาไม่ได้หวาดกลัวเพราะรู้ดีว่าทันทีที่เขาเดินเข้าตระกูลกวงก็ไม่อาจหลีกหนีเรื่องบาดหมางทุกอย่างของตระกูลกวงกับผู้อื่น แต่เมื่อเห็นสีหน้าหวาดหวั่นราวกับจะร้องไห้ของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็หันไปพูดกับเหลาตังอี้ด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“หากคุณต้องการคุยกับผม เช่นนั้นเราออกไปที่ด้านหน้าตลาดดีหรือไม่ จะได้ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน”
เหลาตังอี้ยกมุมปากเย้ยหยัน ก่อนจะก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูกู้เหยียน
“ลูกสุนัขอย่างแก กล้าออกคำสั่งกับฉันเหรอ”
โครม! เหลาตังอี้ผลักกู้เหยียนล้มลงไปที่แผงผักด้านข้าง เสียงผู้คนกรีดร้องลั่นตลาด แม่ค้าพ่อค้าต่างวิ่งหนีหลบหลีกเอาชีวิตรอด
“จับมันไว้!”
กู้เหยียนมองชายสองคนที่เข้ามาจับเขาแล้วใช้เท้ายันอีกฝ่ายก่อนจะลุกขึ้นสู้ ทว่าตัวเขาที่มีฝีมือเพียงเล็กน้อยจะสู้อันธพาลเช่นคนของเหลาตังอี้ได้อย่างไร สุดท้ายให้พยายามโต้ตอบป้องกันตัวแค่ไหนก็ถูกคนของเหลาตังอี้จับยึดตรึงเอาไว้
“หยุดนะ ปล่อยคุณกู้เดี๋ยวนี้!”
เซี่ยเว่ยที่ได้ยินว่ามีคนตีกันในตลาดก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยกู้เหยียน แต่เขาคนเดียวก็สู้คนของเหลาตังอี้ที่มีร่วมสิบคนไม่ไหว ไม่นานก็ถูกจับกดให้คุกเข่ามองดูกู้เหยียนที่ถูกเหลาตังอี้ข่มขู่
“วันนี้ฉันจะซ้อมแกให้ตายเอาให้กวงจือหลินมันแค้นจนกระอักเลือดไปเลย”
กู้เหยียนจุกแน่นไปทั้งแผ่นท้อง เมื่อถูกเหลาตังอี้กำหมัดอัดกระแทกมาถึงสี่ครั้งติด ในใจของเขาตอนนี้ไม่ได้หวาดกลัวคนตรงหน้า แต่กลับคิดถึงความรู้สึกคนป่วยที่รออยู่ หากกวงจือหลินรู้ว่าเขาอ่อนแอถึงเพียงนี้ย่อมต้องอับอายและผิดหวังเป็นอย่างมากแน่นอน
“ฉันอยากรู้นักว่าหากหน้าหล่อๆ ของแกถูกกรีดจนยับกวงจือหลินจะทนรับสามีหน้าผีได้หรือไม่”
เหลาตังอี้หยิบมีดสั้นออกมาหวังกรีดลงบนใบหน้าของกู้เหยียน ทว่าในจังหวะที่กดคมมีดลงบนผิวขาวเนียนได้เพียงเล็กน้อย ข้อมือหนาก็ถูกจับเอาไว้ พร้อมกับแรงกระชากจนเขาซวนเซไปชนแผงผักอีกฝั่ง
“เติ้งเทียนอวี้ นายอีกแล้ว!”
“ใช่ฉันอีกแล้ว ดูเหมือนเราสองคนจะมีวาสนาต่อกันไม่น้อยจริงๆ”
เติ้งเทียนอวี้พูดด้วยน้ำเสียงยียวน นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมแขนเสื้อพับขึ้น พลางตวัดสายตามองไปยังคนของเหลาตังอี้ คล้ายว่าดวงตาดุดันของเติ้งเทียนอวี้จะมีพลังงานบาง ที่ไม่ต้องทำอะไรก็สร้างความกดดันให้ผู้คน จนทำให้คนของเหลาตังอี้เผลอปล่อยกู้เหยียนและเซี่ยเว่ย
“คุณกู้เป็นอะไรไหมครับ”
เซี่ยเว่ยรีบเข้ามาประคองคน กู้เหยียนที่จุกแน่นไปทั้งตัวส่ายหน้าปฏิเสธ จดจ้องมองดูเติ้งเทียนอวี้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งขอบคุณที่อีกฝ่ายยื่นมือเข้าช่วยเหลือ และโมโหที่ตนเองอ่อนแอ
“อาเว่ย พาคนกลับไปก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง ฝากบอกอาหลินด้วยว่าครั้งนี้เธอติดหนี้ฉัน”
“ครับ!”
ในใจของกู้เหยียนเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงของเติ้งเทียนอวี้อ่อนลงยามเอ่ยชื่อกวงจือหลิน หากแต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงให้เซี่ยเว่ยประคองขึ้นรถกลับบ้านตระกูลกวง
หรือบางทีเขาอาจไม่คู่ควรกับกวงจือหลิน
...........................................