บทที่ 2.2
ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
กู้เหยียนใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลกวงอยู่ครึ่งเดือน กวงจือเหลียงก็แจ้งกำหนดการแต่งงานของคนทั้งคู่ และเพราะกู้เหยียนเป็นเพียงชายหนุ่มไร้ญาติผู้ใหญ่กวงซุนหลี่จึงอาสาเป็นเถ้าแก่ให้เขา สินสอดทองหมั้นทั้งหมดเขาล้วนเป็นผู้รับผิดชอบ
“กลับถึงเมืองเจียงเมื่อไหร่ฉันจะเอาเงินมาคืนนายนะอาหลี่”
“ครั้งนี้นายเสียสละเพื่อฉัน เรื่องเงินทองเหล่านั้นไม่ต้องคิดมาก อย่างไรเจ้าสาวของนายก็คืออาหลิน น้องบุญธรรมของฉัน”
“แต่...”
“หากนายค*****นฉัน ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็ถือว่าตัดขาดกัน”
กวงซุนหลี่เอ่ยเสียงเด็ดขาด กู้เหยียนเป็นเพื่อนกับกวงซุนหลี่มาตั้งแต่เยาว์วัยย่อมรู้จักนิสัยยอมหักไม่ยอมงอของเขาดี สุดท้ายนอกจากถอนหายใจยาวแล้วก็ไม่อาจทำอย่างอื่นได้ จำใจรับความช่วยเหลือนี้เอาไว้
ผ่านไปร่วมหนึ่งเดือนนับจากที่กู้เหยียนเข้ามาอยู่ในตระกูลกวงงานแต่งรับเขยเข้าตระกูลก็ถูกจัดขึ้นด้วยความเรียบง่าย นั่นเพราะกวงจือหลินต้องการจัดงานเล็กๆ จึงเชิญเพียงคนในไม่ต้อนรับคนนอก ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเธออับอายที่กู้เหยียนเป็นเพียงคนจากตระกูลธรรมดาที่ไม่ร่ำรวย แต่เพราะเธอห่วงใยในความปลอดภัยของเขา และป้องกันคนมาป่วนงานแต่งของเธอ
“ผ่านคืนนี้ไปลูกสาวของฉันนับเป็นภรรยาของนาย ส่วนนายก็นับเป็นคนของตระกูลกวงแล้วเข้าใจหรือไม่”
“ครับ”
กวงจือเหลียงมองลูกสาวเพียงคนเดียวด้วยดวงตาแดงก่ำ เอ่ยเสียงสั่นอวยพรพวกเขาอยู่สองสามประโยคก็เดินออกจากห้องหอไป ทันทีที่ประตูปิดลงในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แม้แต่กวงจือหลินที่ปกติเป็นคนช่างเจรจาตอนนี้ก็ไร้คำพูดที่จะเอ่ยออกมา
“เอ่อ... คุณไปอาบน้ำก่อนไหม วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“อืม...”
กวงจือหลินขานรับในลำคอก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เมื่ออยู่เพียงลำพังก็ลอบถอนหายใจยาว วางมือลงบนอกซ้ายที่เวลานี้กระเพื่อมไหวถี่ระรัว
“จือหลิน ใจเย็นๆ ก็แค่เข้าหอ ไม่มีอะไร... ไม่มี...”
แม้จะปลอบโยนตัวเองแต่ยิ่งคิดถึงเรื่องในห้องหอที่ชายหญิงต้องกระทำกัน หัวใจของเธอก็ยิ่งสั่นระรัว สุดท้ายจึงเร่งอาบน้ำขับไล่ภาพความคิดที่บรรดาคนสนิทเล่าให้ฟังออกไป เมื่ออาบน้ำเสร็จเธอก็หยิบผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวเดินออกมา อาการตื่นเต้นกลับมาอีกครั้งเมื่อพบว่ากู้เหยียนเตรียมชุดนอนและชุดชั้นในวางไว้บนเตียงให้เธอ
“คุณเปลี่ยนผ้าแล้วนอนพักได้เลยนะ ไม่ต้องรอผม”
กู้เหยียนก้มหน้าบอก แม้จะอยู่ด้วยกันมาร่วมเดือน แต่ทุกครั้งที่กวงจือหลินอยู่ในสภาพที่ไม่สุภาพเขาก็มักจะเบนสายตาหลบเลี่ยง บางครั้งก็เดินหนีไปอีกทาง เช่นครั้งนี้ที่เขาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ
กวงจือหลินมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก แล้วขมวดคิ้วเรียว ใครๆ ก็บอกว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างสมส่วนชวนมองกันทั้งนั้น แต่ทำไมกับกู้เหยียนเขาจึงเอาแต่หลบเลี่ยงกัน มือเรียวจับหน้าอกที่ล้นมือของตนเองแล้วพึมพำกับตนเอง
“หรือว่าจะเล็กเกินไป”
กู้เหยียนที่ไม่รับรู้ถึงความกังวลใจของคนด้านนอกหายใจถี่กระชั้น สายน้ำเย็นที่ไหลผ่านตัวไม่ได้ช่วยให้ความร้อนรุ่มในตัวของเขาเบาบางลงเลยสักนิด ต้องโทษสายตาไม่รักดีของเขาเมื่อครู่ ที่ดันลอบมองเงาสะท้อนในกระจกของกวงจือหลิน
ภาพเรือนร่างสมส่วนสวมเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเผยท่อนขาขาวเรียว และเนินอกอวบอิ่ม ทำให้ร่างกายที่สงบของเขาตื่นตัวขึ้นอย่างไม่สมควร สุดท้ายเพื่อป้องกันตนเองพลั้งเผลอทำเรื่องที่ไม่ควร เขาจึงต้องจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนออกไปเจอเธออีกครั้ง
“หมอกู้ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า กู้เหยียน!”
เพราะเห็นว่ากู้เหยียนอาบน้ำนานกว่าปกติ กวงจือหลินจึงรู้สึกกังวลใจจนต้องมาเคาะประตูเรียก ทว่ากู้เหยียนเวลานี้คล้ายกับโสตประสาทหยุดทำงานไปชั่วขณะ ให้คนด้านน้องเรียกเสียงดังแค่ไหนเขาก็ไม่ได้ยิน
“อ่ะ... อื้ม... อาหลิน”
เสียงทุ้มแหบพร่าร้องเรียกคนในความคิดอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งคิดว่าตนเองได้ดึงรั้งผ้าผืนเล็กนั้นออกจากร่างกายของเธอ ความรู้สึกที่อัดแน่นก็พุ่งทะยานจนถึงขีดจำกัด จนต้องขบกรามแหงนหน้ากลั้นลมหายใจ มือซ้ายที่ยันกำแพงกำหมัดแน่นขณะที่มือขวาขยับที่ระรัว จนตัวเกร็งสะท้าน ก่อนที่จะปลดปล่อยความอัดอั้นในกายออกมา
“อ่า...”
ร่างกายที่ร้อนรุ่มผ่อนคลายลงในทันที หากแต่ลมหายใจที่หอบถี่ยังไม่ทันคงทีประตูห้องน้ำก็ถูกแรงกระแทกจากด้านนอกจนเปิดกว้าง
“กู้เหยียน คุณ!...”
เสียงของกวงจือหลินพลันหายไปในลำคอ ลมหายใจสะดุด ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยอาการตื่นตะลึง
“อาหลิน!”
กู้เหยียนที่ได้สติก่อนรีบหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันเอว บดบังในส่วนที่ไม่ควรเปิดเผย เพียงแต่ให้เขาปกปิดอย่างไร ภาพเมื่อครู่ก็ล้วนถูกกวงจือหลินจดจำเอาไว้แล้ว เธอกลืนน้ำลายฝืดลงคอสติที่หลุดหายไปเริ่มกลับคืนมา
“ฉัน... เห็นว่าคุณเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ ก็เลย...”
“พังประตูเข้ามา!”
“อืม! ฉัน... ฉันเรียกคุณแล้ว... แต่คุณไม่ตอบ”
กวงจือหลินพูดเสียงเบา ด้วยอาการประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็น ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบประโยคสายตาของเธอยังคงมองส่วนที่ถูกปกปิดเอาไว้ราวกับว่าจะจดจ้องให้ทะลุเข้าไปด้านในผ้าเช็ดตัวตรงหน้า
“กวงจือหลิน! คุณเงยหน้าขึ้นเดี๋ยวนี้!”
เสียงเข้มเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักกว่าปกติ กวงจือหลินพลันเงยหน้าขึ้น หากแต่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่เดิม ทว่าเมื่อเห็นว่ากู้เหยียนมีท่าทีไม่พอใจ เธอก็ยอมเลื่อนสายตามาสบตาคม
“ฉันแค่อยากเข้ามาดู...”
“กวงจือหลิน นี่คุณ!”
“ฉันหมายถึงอยากเข้ามาดูให้ชัดเจนว่าคุณไม่ได้เป็นอะไร”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร เมื่อครู่ผมแค่... นั่งนานไปหน่อยก็เท่านั้น”
เมื่อคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ใบหน้าของกู้เหยียนก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ก่อนจะเบนสายตาหลบหญิงสาวตรงหน้า นี่เขากลายเป็นคนจิตวิปริต ผิดปกติไปแล้วใช่หรือไม่
“ผมจะเร่งอาบน้ำคุณออกไปก่อน”
“ให้ฉันช่วยไหมคะ”
ดวงตาคมตวัดกลับมามองหญิงสาวที่ส่งสายตาหยอกเย้าเขา ดวงตากลมนั่นยังเลื่อนกวาดมองร่างกายของเขาอย่างโจ่งแจ้งไร้ท่าทีเหนียมอายเช่นที่สตรีควรมี กลับเป็นเขาที่เขินอายจนร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า กวงจือหลินเห็นผิวขาวๆ ของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำตั้งแต่ใบหน้าไปจนถึงลำคอก็ยิ้มกว้างก่อนจะป้องปากกระซิบ
“ฉันหมายถึงช่วยจับประตูปิดไว้”
“นี่คุณ!...”
กู้เหยียนยังไม่ทันคิดคำพูดมาโต้ตอบ คนตรงหน้าก็ถอยหลังจากไปแล้ว ร่างกายของเขายังคงร้อนผ่าวด้วยความอับอาย เพียงแค่ติดว่าหากกวงจือหลินเปิดประตูเข้ามาเร็วกว่านี้อีกสักนิด เรื่องน่าอายที่เขาทำเมื่อครู่คงถูกเธอพบเห็น หากเป็นเช่นนั้นต่อไปเขาคงไม่กล้าสู้หน้าเธอแล้ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จกู้เหยียนก็เดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มลงมานอนที่พื้นข้างเตียง กวงจือหลินขมวดคิ้วเรียวด้วยความสงสัย หนึ่งเดือนที่อยู่ร่วมกันมาเธอกับเขานอนร่วมเตียงกันมาโดยตลอดเกิดอะไรขึ้น เหตุใดคืนนี้กู้เหยียนถึงได้แยกที่นอนกับเธอ
“หมอกู้ เมื่อครู่คุณไม่พอใจฉันหรือ”
กวงจือหลินโน้มตัวเอ่ยถามคนข้างเตียงเสียงอ่อน หากแต่คนบนพื้นก็ยังคงนอนนิ่ง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น
“กู้เหยียนฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจมองเอ่อ... ไม่ได้ตั้งใจพังประตูเข้าไปรบกวนคุณ”
น้ำเสียงหวาน และท่าทีคล้ายกำลังง้องอนของกวงจือหลินทำให้กู้เหยียนใจสั่นระรัว ดวงตาคมหลับแน่น สองคิ้วขมวดจนแทบเป็นปม พยายามข่มความรู้สึกที่ไม่ควรมีเอาไว้ หากแต่คนบนเตียงกับไม่ให้ความร่วมมือมากนัก มือเรียวจับชายแขนเสื้อของเขาดึงเบาๆ พร้อมกับเรียกเสียงอ่อน
“กู้เหยียน...”
แค่ก! เสียงประตูห้องคล้ายกำลังถูกเปิดออก กู้เหยียนพลิกตัวขึ้นไปบนเตียงในทันที กวงจือหลินเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจที่จู่ๆ ร่างกายก็ถูกกู้เหยียนทาบทับ ใบหน้าคมก้มลงซุกที่ลำคอระหง ร่างกายของเธอพลันแข็งค้าง ลืมแม้กระทั่งวิธีการป้องกันตนเองจากการถูกรุกราน
“มีคนแอบมองเรา คุณอยู่นิ่งๆ นะ”
เสียงคนบนร่างกระซิบบอก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น แน่นอนว่าคนที่กล้าเปิดประตูห้องแอบมองเธอย่อมมีเพียงคนเดียว
คุณพ่อ!
ทว่าถึงรู้ว่าถูกแอบมอง แต่กวงจือหลินกลับไม่รู้สึกโกรธเคือง ในใจกลับพึงพอใจกับเหตุการณ์ตอนนี้ มือเรียวที่เดิมทีวางยันอกแกร่ง เปลี่ยนเป็นขยับปลดกระดุมเสื้อของเขา
“อาหลิน คุณจะทำอะไร”
“แสดงให้แนบเนียนไงคะ”
.......................................