บทที่10 ห้องหอกลางป่ายาง

2192 คำ
"นายหัวพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ แล้วมันที่ไหนกันทำมันดูน่ากลัวมีแต่ป่าและสวนยางทั้งนั้น" มธุรสมองไปรอบๆ อย่างเกรงกลัวภัยอันตราย "สวนยางของผมเอง ผมมีบ้านพักอยู่ที่นี่ ไม่เอามาฆ่าหมกป่าหรอกน่า ยังใช้งานไม่คุ้มเงินล้านเลยไม่ให้ตายง่ายๆ หรอกไม่ต้องกลัว" "แล้วทำไมต้องพามาอยู่กลางป่าด้วยละคะ ทำไมนายหัวไม่พาฉันกลับบ้าน" "ก็นี่แหละบ้านผม แต่ถ้าคุณหมายถึงบ้านหลังใหญ่สมฐานะเจ้าของสวนยางสวนปาล์มละก็นั่นมันบ้านแม่กับพ่อผม ผมจะพาคุณเข้าบ้านไปตอนนี้ไม่ได้ แม่ผมเขาคงไม่ค่อยโอเคกับการที่คุณจะมาเป็นเมียเก็บผม ที่นี่จึงเหมาะกับคุณที่สุดแล้ว" "ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" มธุรสรับคำและนั่งนิ่งเงียบจนรถยนต์ของนายหัวมาจอดสนิทที่หน้ากระท่อมหลังงาม "ถึงแล้วลงมาสิ ใกล้จะค่ำแล้วด้วย จะได้ลงไปจัดของหุงข้าวทำกับข้าวกิน เสร็จแล้วจะได้ลงไปอาบน้ำที่ลำธารหลังกระท่อม ที่นี่มีเครื่องปั่นไฟใช้เราจะเปิดปิดกันเป็นเวลา บ้านพักคนงานกรีดยางจะอยู่ริมเขาด้านตะวันตกโน่น มีแต่คนงานผู้ชายที่เป็นพม่าและมีคนไทยประปรายถ้าไม่มีความจำเป็นแถวนั้นก็ไม่ต้องเดินไป" นายหัวพูดชี้แจง "ค่ะ" มธุรสรับคำสั้นๆ ก่อนที่จะลงจากรถเอากระเป๋าไปเก็บแล้วเดินกลับออกมาจากห้องนอน กระท่อมหลังนี้มีหนึ่งห้องนอนใหญ่ข้างในมีห้องน้ำในตัว ห้องกว้างใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พอออกมาด้านนอกก็เป็นโถงนั่งเล่นมีเปลญวนสีขาวผูกไว้ตรงกลางโถง ห้องปีกซ้ายเป็นในส่วนของห้องครัวและห้องน้ำด้านนอก ส่วนห้องทางปีกขวาเป็นที่นั่งเล่นทานอาหารนั่งจิบกาแฟยามเช้าโดยห้องฝั่งนี้ตกแต่งด้วยโต๊ะที่ผลิตแกะสลักมาจากรากไม้ขนาดใหญ่ตกแต่งขึ้นรูปเป็นโต๊ะเก้าอี้อย่างสวยงามลงตัว ตัวเพดานกระท่อมตีเป็นไม้ระแนงตกแต่งสวยงามมีโฟมไฟแบบแขวนประดับตกแต่งเพิ่มเติมอย่างลงตัว "เก็บของเสร็จแล้วเหรอ" นายหัวที่นอนสบายใจอยู่ในเปลญวนถามมธุรสขึ้น "ค่ะ เก็บเสร็จแล้ว" "งั้นก็เข้าครัวทำกับข้าว ในตู้เย็นพอจะมีของสดเธอทำกับข้าวเป็นใช่มั้ย" "ค่ะ ฉันทำได้" "ดีเพราะหน้าที่เมียเก็บของผมไม่ใช่แค่ทำหน้าที่บนเตียง งานบ้านงานครัวก็ต้องทำให้เป็นด้วย ที่สวนยางนี้เธอต้องดูแลบ้านดูแลผัวเองเข้าใจหรือเปล่า" นายหัวภาคินร่ายยาว "ค่ะ" มธุรสรับคำสั้นๆ ก่อนที่จะเดินเข้าครัวไปทำกับข้าว ไม่ได้สนใจฟังนายหัวภาคินพูดอีก มธุรสลงมือทำกับข้าวง่ายๆ เห็นว่ากับข้าวในตู้เย็นมีเนื้อปลากะพง มีผักบุ้งและมีไข่ไก่ มธุรสจึงทำกับข้าวสามอย่างด้วยความรวดเร็วคือต้มยำปลากะพง ไข่เจียวฟู และผัดผักบุ้งไฟแดง ทำเสร็จก็ยกอาหารไปตั้งโต๊ะและเรียกนายหัวภาคินไปกินข้าว "กับข้าวเสร็จแล้วค่ะเชิญนายหัวกินข้าวได้ค่ะ" "อือ ทำอะไรบ้างล่ะเข้าครัวอยู่เป็นนานสองนานนี่จะมืดอยู่แล้วแล้วจะทันไปอาบที่ลำธารมั้ยละทีนี้ น้ำไม่ต้องอาบกันพอดี" นายหัวภาคินพูดบ่นไปเรื่อยแต่มธุรสกลับนิ่งไม่ตอบโต้อะไรกลับเดินไปนั่งรอนายหัวที่โต๊ะกินข้าวอย่างใจเย็น ทำให้นายหัวคิดและพูดกับตัวเองเบาๆ รู้สึกพอใจในความเป็นมธุรส ยิ่งได้อยู่ใกล้ยิ่งได้พูดคุยทำให้รู้สึกว่ามธุรสมีความคิดที่โตกว่าอายุ "เออใช้ได้เว้ยเมียกู ไม่ใช่สักแต่ว่านมโต ความคิดการวางตัวก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริง ไม่พูดเยอะดูนิ่งเยือกเย็นน่าค้นหา" นายหัวภาคินพูดกับตัวเองเบาๆ และยิ้มออกมาอย่างนึกพอใจในตัวมธุรสเป็นอย่างมากก่อนที่จะเดินตามไปที่โต๊ะอาหาร "ต้มยำปลากะพงอร่อยดี กินกับไข่เจียวก็เข้ากันนะ" "ค่ะ" "พูดได้แค่นี้เหรอ หรือว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วง" "เปล่าค่ะ พูดได้แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรและถ้าพูดแล้วพิกุลร่วงมาจริงๆ คงพูดทั้งวันแล้วค่อยเก็บไปขายส่งตัวเองเรียนจะได้ไม่ต้องเป็นเมียเก็บของใครเขาค่ะ" มธุรสพูดเสียงเรียบนิ่งแล้วตักไข่เจียวมาใส่จานแล้วตักเข้าปาก "ปากเก่ง พอพูดได้ก็ปากเก่งเลยนะ เอานี่ผัดผักกินเข้าไปเยอะๆ จะได้มีแรง คืนนี้ต้องเข้าหอกลางป่ายางคงต้องใช้แรงเยอะเลย" นายหัวภาคินแกล้งพูดข่มขู่แล้วตักผัดผักบุ้งไฟแดงใส่จานให้มธุรส มธุรสฟังแล้วก็เข้าใจแกล้งทำเป็นนิ่งเฉยแต่หน้าก็แดงด้วยความเขินอาย พอกินข้าวเย็นเสร็จมธุรสก็เก็บจานชามไปล้าง เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะออกไปอาบน้ำที่ลำธารตามที่นายหัวภาคินแจ้งไว้ตั้งแต่ตอนมาถึง "นั่นจะออกไปไหน" นายหัวภาคินที่นอนดูเมียเดินออกมาจากห้องนอนถามขึ้น "อ้าวก็จะไปอาบน้ำที่ลำธารเหมือนที่นายหัวบอกยังไงละคะ" "จะไปอาบยังไง มืดจะตายชักแล้วเห็นมั้ย ฝนก็ทำท่าจะตกด้วย เดี๋ยวก็ได้ป่วยตายพอดี" "แล้วจะให้ทำยังไง งั้นก็รอให้เช้าก่อนก็ได้น้ำไม่ต้องอาบค่ะ" มธุรสพูดสรุปอย่างผู้หญิงง่ายๆ สบายๆ ไม่เรื่องมาก "สกปรกเนอะ เป็นสาวเป็นนางน้ำไม่อาบ" "ชิ นี่นายหัวฉันถามนายหัวจริงๆ นะนายหัวเกิดปีอะไร" "ผมเกิดปีม้า อายุ35ปีแล้ว มากกว่าคุณ18ปีหนึ่งรอบพอดี เป็นพ่อของคุณได้เลยนะ มีเมียเด็กเหมือนมีลูกเลย" "เหรอคะ เกิดปีม้าหรอกหรือฉันเข้าใจว่าคุณเกิดปีจอเสียอีก" มธุรสได้ทีต่อว่านายหัวหนุ่ม "นี่แม่ตัวดี นี่เธอหาว่าผมปากหมาเหรอ" "เปล่า ฉันยังไม่ได้พูดเลย นายหัวนั่นแหละเป็นคนพูดว่าตัวเองแท้ๆ ตกลงยังไงคะน้ำไม่ต้องอาบหรือจะให้ไปอาบที่ลำธาร" "อาบ แต่อาบบนบ้านนี่แหละ ไม่ต้องไปอาบที่ลำธาร ฝนใกล้จะตกแล้ว เราไปนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างน้ำวนกันดีกว่า เธอไปเตรียมน้ำได้แล้วไป" "อ้าว ไหนนายหัวบอกว่าที่นี่ใช้เครื่องปั่นไฟ ค่ำแล้วไฟจะไม่ติดน้ำจะไม่ไหล" "พูดจริงว่าที่นี่ใช้เครื่องปั่นไฟแต่ยังไม่พูดเลยว่าน้ำไม่ไหลไฟจะดับแค่บอกว่าคนงานเขาจะใช้เปิดปิดกันเป็นเวลา บังเอิญผัวเธอเป็นเจ้าของสวนไม่ได้เป็นคนงานจึงได้รับการยกเว้นเรื่องกฎ ถามเยอะจริงไปเตรียมน้ำอุ่นได้แล้วไปจะได้ลงไปแช่น้ำอุ่นด้วยกัน" "ค่ะ เดี๋ยวฉันไปเตรียมให้นายหัว แต่ฉันไม่อยากอาบน้ำอุ่นไม่อยากนอนแช่น้ำ ขออาบก่อนแล้วนายหัวค่อยเข้าไปแช่คนเดียวก็แล้วกันนะคะ" "ไม่ได้ คุณต้องลงไปแช่น้ำอุ่นกับผมเพราะมันเป็นหน้าที่ของเมียที่ต้องปรนนิบัติผัว อย่าลืมนะผมจ่ายเงินให้แม่คุณไปตั้งหนึ่งล้าน ทำงานทำหน้าที่ให้มันสมกับค่าแรงหน่อยสิครับคุณเมีย" "ค่ะ ได้ค่ะฉันจะไปเตรียมน้ำอุ่นค่ะ" มธุรสรับคำแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องเปิดประตูห้องน้ำซึ่งอยู่ภายในห้องนอน ห้องน้ำของกระท่อมหลังนี้ตกแต่งดูดี หรูหรา มีที่อาบน้ำส่วนเปียกแยกเป็นสัดส่วน มีอ่างน้ำวนวางอยู่อีกมุมห้อง เมื่อมธุรสเตรียมเปิดน้ำใกล้จะเต็มอ่างแล้วนายหัวภาคินก็เดินเปลือยกายใส่แค่กางในตัวเดียวเดินเข้ามาพอดี มธุรสหันไปเห็นเข้าก็รีบหันหลังหลบสายตาด้วยความเขินไม่ชินตา "อะไรกัน นี่ยังเขินกันอยู่อีกเหรอ เมื่อคืนเราก็เห็นกันมาหมดแล้ว จริงๆ มันยิ่งกว่าเห็นเพราะมันทั้งแนบทั้งชิดสนิทเสน่หาแบบลึกซึ้งกันขนาดนั้น ถามจริงนี่เขินจริงหรือแกล้งทำ" นายหัวภาคินพูดจาหาเรื่องกวนๆ ใส่มธุรสทำให้มธุรสเหลืออดเหลือทนพูดกลับไปว่า "ไม่ได้เขินหรอกค่ะ แค่กำลังแปลกใจว่าทำไม่ของนายหัวมันถึงได้ดูเล็กจังเล็กจนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย" "มธุรส แม่ตัวดี ปากเก่งไปเถอะแล้วน้องจะร้อง ลงมานี่เลย ไอ้ที่บอกว่าเล็กนะรู้ได้ไงว่าเล็ก เทียบกับอะไรเคยเห็นของผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ของผัวเหรอวะ" นายหัวภาคินเริ่มโกรธของขึ้นเมื่อโดนเมียสาวสบประมาทหาว่าของเขานั้นเล็ก จึงคว้าเอวบางแล้วอุ้มมธุรสลงไปพิสูจน์ความใหญ่เล็กกันในอ่าง "ว้าว นายหัวเล่นบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ" "ก็จะให้พิสูจน์ไงว่าเล็กจริงอย่างที่เธอกล่าวหาหรือเปล่า" "พิสูจน์อะไรเล่า ก็เห็นอยู่ว่าเล็ก" "แม่ตัวดี" นายหัวคินพูดเสร็จก็ฉกจูบริมฝีปากบางของมธุรสมือหนาก็ดึงบังคับมือเรียวของมธุรสให้มาสัมผัสท่อนเนื้อร้อนเพื่อให้มธุรสพิสูจน์ว่ามันเล็กหรือมันใหญ่กันแน่ "เป็นไง ใหญ่หรือเล็ก พูดมา ตอบผัวมาก่อน" "ไอ้คนบ้าปล่อยฉันนะ ฉันหนาวแล้ว รีบอาบน้ำเลยข้างนอกฝนกำลังตกแล้วนะฉันหนาวได้ยินมั้ยคะ" "ก็ตอบมาก่อนสิ หรือต้องลองแบบเมื่อคืนทบทวนความจำก่อน" "บ้า ไม่เอานะฉันยังเจ็บอยู่ ฉันแกล้งล้อนายหัวเล่นหรอกค่ะ ไม่เล็กก็ไม่เล็กพอใจยัง รีบอาบน้ำเถอะนะคะ ฉันหนาวแล้วอยากนอนพัก ฉันรู้สึกเวียนหัวเหมือนจะไม่สบายเลย" มธุรสยอมอ่อนให้นายหัวแล้วพูดเสียงอ้อนๆ "ไม่ลองหน่อยเหรอ ไม่สบายจริงหรือเปล่าไหนดูหน่อยตัวร้อนมั้ย" นายหัวภาคินถามแล้วเอามือแตะหน้าผากด้วยความห่วงใยมธุรส เพราะเขารู้ดีเมื่อเช้าหลังเสร็จศึกรักเมื่อคืนตื่นเช้ามามธุรสเหมือนจะมีไข้จริงๆ "ตัวรุมๆ จริงๆ ด้วย เอาล่ะๆ คืนนี้ยกผลประโยชน์ให้จำเลยไปก่อน เข้าใจว่ายังระบมเพราะของผัวมันใหญ่ ลึกๆ มันก็มีจุกอะนะเป็นเรื่องปกติธรรมดา" นายหัวภาคินพูดอย่างอารมณ์ดี "คนบ้า" มธุรสพูดต่อว่าเบาๆ "ด่าผัว เดี๋ยวก็บ้าขึ้นมาจริงๆ หรอก" นายหัวภาคินพูดว่าแล้วก้มลงหอมแก้มสาวอย่างนึกมันเขี้ยวอยากทำอะไรๆ ให้มากกว่านี้ติดอยู่ที่ว่าเขานั้นรู้ดีอยู่แกใจว่าเมียของเขายังเจ็บและบอบช้ำจากที่เขาทำเมื่อคืนก่อน คืนนี้จึงจำใจต้องปล่อยให้เมียได้พัก หลังจากสองคนผัวเมียอาบน้ำเสร็จ ก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าสวมชุดนอนออกมาเตรียมตัวเข้านอน "ต้องกางมุ้งด้วยเหรอคะ" มธุรสถามขึ้นเมื่อเห็นนายหัวกำลังกางมุ้ง "อือ ในสวนยางยุงมันเยอะ กางมุ้งเสียหน่อย ทำไมคุณไม่ชอบนอนในมุ้งเหรอ" "เปล่าค่ะ แค่ไม่เคยนอนในมุ้ง มันดูแคบๆ น่าจะหายใจลำบาก" "ถ้าคุณไม่ชอบนอนกางมุ้ง เดี๋ยววันหลังผมจะให้ช่างมาติดมุ้งลวดให้ก็แล้วกัน แต่วันนี้เข้ามานอนในมุ้งก่อนนะ ง่วงนอนแล้วยังล่ะ" นายหัวถามมธุรส "ก็เริ่มง่วงๆ เหมือนกัน เหมือนยาลดไข้ที่กินไปจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วมั้งคะ" "อือ งั้นก็เข้ามานอน" นายหัวรับคำแล้วนอนเอาแขนก่ายไปบนหมอนอีกใบที่มธุรสใช้หนุนนอนแบบมีแผนให้เมียมานอนหนุนแขนนอนซุกอกผัวอะไรประมาณนั้น "นายหัวเอาแขนออกไปจากหมอนของฉันก่อนสิคะ ฉันจะหนุนหมอนยังไงก็นายหัวเอาแขนไปวางไว้บนหมอนแบบนั้น" "ก็จะให้นอนหนุนแขนไง แบบคู่ผัวเมียเพิ่งเข้าหอน่ะ" "เอ๊ะ..." "อย่าเถียงมานอนได้แล้ว นี่ก็หน้าที่เมียนะ" นายหัวภาคินพูดแล้วใช้มือตบไปที่เบาะนอนเป็นการแสดงให้มธุรสรู้ว่าต้องมุดมุ้งเข้ามานอนทำหน้าที่เมียเสียที "เออ ห้องหอกลางป่ายาง มันก็เหมาะสมกับเมียเก็บเมียบำเรอแบบเราแล้วแหละวะ" มธุรสคิดในใจก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วมุดมุ้งเข้าไปนอนหนุนแขนซุกอกนายหัวตามคำสั่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม