เช้าของอีกวัน ณ บ้านธรรมรงค์สิน เหมราชก็ตื่นแต่เช้ามาทานข้าวร่วมกับครอบครัวของเขา โดยมีพ่อแม่และย่าของเขา
“มาแล้วหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณแม่ พูดกันเองนะครับ เรื่องนี้ผมไม่อยากยุ่ง” บดินทร์เอ่ยพูดบอกแม่ของเขาออกไป เพราะแม่ของเขาต้องการให้เหมราชแต่งงานมีครอบครัวสักที
“อะไรกันครับคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า ทำไมต้องทำหน้ากันแบบนี้ด้วย” เหมราชเอ่ยพูดไปก็เข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างๆแม่ของเขา ก่อนจะกอดแขนแล้วทำหน้าอ้อนๆ พอเงยหน้ามองพ่อของเขาก็เห็นพ่อของเขาส่งซิกบางอย่างมาให้ ให้รู้ว่าวันนี้อาจจะมีเรื่องเครียด
“เราก็อายุมากแล้วนะตาเหม เมื่อไหร่จะแต่งงานออกเย้าออกเรือนไปสักที ย่าน่ะอยากจะเห็นเหลนตัวน้อยๆจากเราแล้วนะ” อรุณศรีเอ่ยพูดไปด้วยเสียงอ่อนใจ เพราะหลานชายคนโตของบ้านยังไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงานหรือคบกับผู้หญิงคนไหน จนทำให้เธอนักใจและกลัวว่าจะไม่มีทายาทไว้สืบสกุล ถึงแม้ตอนนี้ลูกหลานคนอื่นๆของเธอจะมีทายาทสืบสกุลไปหลายคนแล้วก็ตาม แต่เธอกลับห่วงใยเหมราชที่สุด
“โถ่คุณย่า ผมแค่อายุสามสิบสองเองนะครับ จะรีบไปไหนกัน อีกอย่างคุณย่าอยากจะมีเหลนก็ลูกสาวของยัยนุชไงครับ แค่นั้นยังไม่พออีกเหรอครับ” เหมราชเอ่ยพูดออกไปอย่างยียวน เพราะเขายังไม่อยากแต่งงานตอนนี้
“มันไม่เหมือนกันนะตาเหม ยัยนุชน่ะเป็นผู้หญิง ส่วนเหมน่ะเป็นผู้ชาย ลูกของเราต่างหากที่จะมาสืบสกุลของคุณปู่ ถ้าตระกูลเราไม่มีหลานชายแค่เหมคนเดียว ย่าจะไม่พูดแบบนี้กับหลานของย่าหรอก แต่ย่าก็แก่แล้ว ย่าอยากจะเห็นเหลนจากเหมสักคนนะลูก” อรุณศรีเอ่ยพูดด้วยเสียงจริงจัง เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้ตระกูลของลูกชายคนรองของเธอขาดทายาทสืบสกุลรุ่นต่อไปเด็ดขาด
“ผมยังหาผู้หญิงที่ถูกใจไม่ได้เลยครับคุณย่า เรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีกว่านะครับ คุณย่าไม่มีหลานจากผมก็มีหลานจะคนอื่นๆได้นิครับ วันนี้ผมมีธุระกับไอ้ไตร ขอตัวเลยนะครับ สวัสดีครับคุณย่า ไปนะครับพ่อ แม่” เหมราชรีบชิงพูดและขอตัวออกไป ก่อนที่เขาจะโดนย่าของเขาบังคับให้มีแฟนมีลูก ทั้งที่ตอนนี้เขาเองยังไม่พร้อม
“ดูเอาเถอะ ลูกแกสองคนนี่มันจริงๆเลย เฮ้อ ทำไมมันไม่ได้ดั่งใจฉันเหมือนตาปราบชัยนะ” อรุณศรีพูดไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเปรียบเทียบปราบชัยซึ่งเป็นหลานชายอีกคนของเธอ ที่นิสัยต่างกันอย่างมาก ก่อนจะทำหน้าบึ้งตึงจนลูกชายและลูกสะใภ้มองหน้ากันแบบเกร็งๆ
“อีกหน่อยตาเหมก็มีเองแหละครับคุณแม่ อย่าไปคะยั้นคะยออะไรตาเหมเลย คุณแม่ก็รู้นิครับว่าตาเหมน่ะไม่ชอบให้ถูกบังคับ” บดินทร์เอ่ยพูดไปตามที่เขาได้รู้จักนิสัยของลูกชายคนเดียวของเขา
“จริงค่ะคุณแม่ ปิ่นว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่านะคะ ยังไงอีกหน่อยตาเหมก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวอยู่แล้ว” ปิ่นมณีเอ่ยเสริมสามีของเธอไปแล้วยิ้มให้แม่สามีของเธอไป
“ก็เพราะพวกแกให้ท้ายตาเหมแบบนี้ไงมันถึงได้ใจ ไม่ยอมแต่งงานกับใครสักที เฮ้อ ฉันจะกลับบ้านแล้ว อยู่กลับพวกแกแล้วฉันปวดหัว” อรุณศรีพูดไปก็ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเดินโกรธๆออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้ติดตามดูแลส่วนตัว
“เฮ้อ ดีนะคะที่รอบนี้แม่ของคุณไม่โวยวายแบบครั้งก่อน” ปิ่นมณีเอ่ยพูดไปก็มองหน้าสามีอย่างหนักใจ ใช่ว่าเธอไม่อยากจะให้ลูกชายแต่งงานมีลูกมีหลานให้เธอเล่น แต่เพราะลูกชายของเธอยังไม่ยอมเปิดใจจะรักผู้หญิงคนไหน จะให้เธอไปบังคับใจได้อย่างไรกัน
“ช่างเถอะคุณ คุณแม่ท่านแค่เป็นห่วงกลัวผมไม่มีหลานเอาไว้สืบสกุลน่ะ แต่ผมว่าอย่างลูกชายเราน่ะ ยังไงก็ต้องมี แค่อาจจะช้าไปหน่อยก็เท่านั้น” บดินทร์เอ่ยพูดไปอย่างมั่นใจ เพราะพฤติกรรมอันเจ้าชู้ของลูกชายของเขาก็ใช่ย่อยที่ไหน ยังไงวันหนึ่งมันก็ต้องได้ลงเอยกับผู้หญิงสักคนแน่ๆ แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง
ด้านไตรเทพที่นัดกับเพื่อนหนุ่มไว้ก็กำลังนั่งทานกาแฟด้วยความสบายใจ ต่างจากม่านฟ้าที่ทำตัวเกร็งจนไตรเทพเอ่ยถามเธอออกมาอย่างอดไม่ได้
“เป็นอะไรวะม่านฟ้า แกจะทำตัวเกร็งเพื่อ เดี๋ยวไอ้เหมมันก็สงสัยหรอก มันยิ่งเก่งเรื่องจับผิดอยู่ด้วย” ไตรเทพเอ่ยพูดออกไปเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนสาวนั่งแบบเกร็งๆ เพราะเหมราชเป็นทหารที่ผ่านมาหลายหลักสูตร กับอีแค่เรื่องจับผิดทำไมมันจะไม่สังเกต ถ้าพวกเขาทำตัวผิดจากปกติ
“ก็ฉันไม่อยากเจอเหมตอนนี้อ่ะ แกก็รู้ว่าฉันทำอะไรกับเหมไว้ ถ้าเหมรู้เข้า ฉันตายแน่ๆ” ม่านฟ้าพูดไปอย่างเครียดๆ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แล้วมองไปด้านนอกร้าน แล้วเธอตกใจจนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า เมื่อเจอสาวสวยที่เธอฉีดน้ำเชื้ออสุจิผิดไป
“เห้ยแก นั่นมันผู้หญิงคนนั้นที่ฉันฉีดน้ำเชื้อเหมไปนิ” ม่านฟ้าพูดไปก็มองไปที่อันทิกาที่มาพร้อมกับเพื่อนสาวของเธอ ก่อนจะชี้ให้เพื่อนหนุ่มดู
“โห่ สวยมากถเลยว่ะ” ไตรเทพเอ่ยถามแล้วมองตามที่เพื่อนสาวชี้ไปที่สองสาวสวยที่กำลังเดินมาทางร้านนี้ ก่อนจะสงสัยว่าสาวคนไหนกันที่เป็นว่าที่คุณแม่ของลูกเหมราช
“ลุกเร็วไตร ฉันอยากไปคุยกับเขา” ม่านฟ้าที่อยากจะรู้ความคืบหน้าของหญิงสาวว่าท้องหรือเปล่า รีบลุกออกจากโต๊ะไปจนไตรเทพมองตามอย่างงงๆ ก่อนจะบอกพนักงานว่าเดี๋ยวเขาจะกลับมาพร้อมกับส่งเงินให้เป็นการยืนยัน จากนั้นก็รีบตามเพื่อนสาวไป
ด้านอันทิกาและทิชากรก็มาช๊อปปิ้งและดูหนังกับสองแฝดที่ตอนนี้อยู่ที่หน้าโรงหนังรอแล้ว พอเดินผ่านร้านอาหารก็เจอกับหมอสาวที่ตรวจภายในให้เธอเมื่อเดือนก่อนโดยบังเอิญ
“อ่าวคุณอันทิกา มาซื้อของเหรอคะ” ม่านฟ้าแกล้งเดินออกมาจากร้านแล้วเจออันทิกาพอดีเป๊ะ จนหญิงสาวมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม
“อ่อค่ะ คุณหมอจำชื่อฉันได้ด้วยเหรอคะ ดีจังเลยนะคะความจำดีมากๆเลย” อันทิกาเอ่ยตอบไปก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เพราะเธอก็ไม่ได้คิดมากอะไรอยู่แล้ว
“จำได้สิคะ หมอจำชื่อคนไข้ของหมอได้ทุกคนแหละค่ะ โดยเฉพาะคุณที่หนีออกไปก่อนที่จะได้ตรวจ ฮ่าๆ” ม่านฟ้าพูดออกไปก็แกล้งหัวเราะ ทั้งที่จริงแล้วเธอจำอันทิกาได้ก็เพราะน้ำอสุจิของเพื่อนหนุ่มที่ฉีดเข้าไปในมดลูกของเธอทั้งนั้น
“อ่อหมอคะ นี่ทิชากรเพื่อนของฉันเองค่ะ แก นี่หมอม่านฟ้าที่ฉันไปตรวจภายในด้วยตอนนั้นอ่ะ” อันทิกาเอ่ยแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน เพราะเห็นว่าเพื่อนสาวของเธอทำหน้างงๆอยู่
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะหมอม่านฟ้า เรียกฉันว่าฝ้ายก็ได้ค่ะ ยัยน้ำอิงก็เรียกซะเต็มยศเลย” ทิชากรเอ่ยพูดไปอย่างเป็นมิตร พร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะมองผู้ชายที่มาอยู่หลังหมอสาวด้วยความสงสัย
“ยินดีเช่นกันค่ะคุณฝ้าย งั้นหมอขอเรียกคุณว่าน้ำอิงด้วยก็แล้วกันนะคะ จะได้ดูเป็นกันเอง” ม่านฟ้าเอ่ยพูดออกไปอย่างไม่อาย เพราะเธอต้องตีสนิทกับสองคนนี้ให้ได้ โดยเฉพราะอันทิกาที่อาจจะกำลังตั้งท้องลูกของเหมราชอยู่
“ม่านฟ้า แกไม่คิดจะแนะนำฉันหน่อยหรือไงวะ” ไตรเทพกระซิบเพื่อนสาวเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้กับสองสาวสวยตรงหน้าที่บุคลิกต่างกันอย่างน่าค้นหา แต่ที่เขาสนใจนี่สิคือสาวสวยใบหน้าคมเข้มแบบมีสไตล์ต่างหาก หวังว่าเธอคงจะไม่ใช่ว่าที่แม่ของลูกของเหมราชหรอกนะ
“อ่อ นี่ไตรเทพเพื่อนของฉันเองค่ะ เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์นิวไลฟ์ ส่วนไตร นี่คุณน้ำอิงหรือคุณอันทิกาที่มาตรวจกับฉัน แล้วนั่นก็คุณฝ้ายหรือคุณทิชากรเพื่อนของเธอ” ม่านฟ้าเอ่ยแนะนำให้ทั้งสามรู้จักกันอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเน้นย้ำให้เพื่อนหนุ่มรู้ว่าคนไหนคือคนที่เธอฉีดอสุจิพลาดไปวันนั้น
“อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เรียกผมว่าไตรเฉยๆก็ได้ครับ คุณน้ำอิง คุณฝ้าย” ไตรเทพพูดออกไปก็ยิ้มให้กับสองสาว ก่อนจะมองใบหน้าของทิชากรอย่างชอบใจกับความสวยคมเข้มของเธอ
หลังจากที่ได้การการันตีแล้วว่าคนไหนคือคนที่เป็นว่าที่แม่ของลูกของเหมราช ในเมื่อไม่ใช่สาวสวยที่เขาหมายตาไว้ แสดงว่าเขาก็อาจจะมีสิทธิที่จะจีบเธอ
“ค่ะคุณไตรเทพ” ทิชากรเอ่ยพูดไปก็ยิ้มส่งกลับไป พร้อมกับสายตาหวานเชื่อมที่เขาอ่อยมา เธอก็อ่อยกลับไปบ้างแบบไม่มีโกง เพราะนานๆทีจะมีหนุ่มหล่อรวยขนาดนี้มาส่งสายตาแพรวพราวให้ ไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเล่นกับเสือสุ่ม ฮ่าๆ ทิชากรคิดในใจอย่างขำๆ
“ว่าแต่คุณน้ำอิงเป็นไงบ้างคะ สบายดีไหม ถ้าช่วงนี้ไม่สบายมึนหัว หรือประจำเดือนไม่มาก็มาหาหมอได้เลยนะคะ หมอพร้อมจะให้คำปรึกษา” ม่านฟ้าแกล้งเอ่ยพูดออกไปแบบนั้น เพื่อเช็คดูว่าเธอมีอาการอะไรแล้วบ้าง
“โห่ คุณหมอพูดเหมือนตาเห็น ยัยน้ำอิงพึ่งบ่นว่าประจำเดือนมาช้าพอดีเลยค่ะ แต่คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะหมอ” ทิชากรที่ได้ยินเอ่ยพูดแทนเพื่อนสาวไปทันที จนทำให้หมอสาวที่ได้ฟังถึงกับอึ้งไป ก่อนจะถอนหายใจแล้วยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณน้ำอิงคงจะเครียดเฉยๆ ถ้ามีอาการอื่นๆเช่น มึนหัว อ้วกอะไรพวกนี้ร่วมด้วยก็มาหาหมอนะคะ หมอจะช่วยตรวจให้อย่างละเอียดเลยค่ะ” ม่านฟ้าเอ่ยบอกไปเพราะตอนนี้เธอเริ่มจะกลัวสิ่งที่เธอคิดมันกำลังจะเกิดขึ้นมาจริงๆซะแล้ว
“หมอพูดเหมือนอาการคนท้องเลยนะคะ ฮ่าๆ แต่อย่างยัยน้ำอิงนี่คงจะยาก ขนาดแฟนยังหาไม่ได้เลย ต้องมาอยู่บนคานทองกับฉัน ไม่รู้ว่าจะมีหนุ่มๆคนไหนมาสอยฉันกับเพื่อนลงจากคานทองสักที” ทิชากรพูดไปก็ไม่ลืมที่จะพูดอ่อยไตรเทพไปอย่างออกนอกหน้านอกตา จนอันทิกาถึงกับจับแขนของเพื่อนเพื่อสะกิดทันที
“พอแล้วแกพูดบ้าอะไรก็ไม่รู้ อายหมอม่านฟ้ากับคุณไตรเข้าบ้างเถอะ งั้นเดี๋ยวเราสองคนคงต้องขอตัวก่อนนะคะคุณหมอ คุณไตร” อันทิกาเอ่ยขอตัวออกไป เพราะขืนอยู่นานกว่านี้นอแรดของเพื่อนสาวของเธอคงได้โผล่ออกมาให้เห็นมากกว่านี้แน่ๆ
“ค่ะคุณน้ำอิง อย่าลืมนะคะ ถ้าไม่สบายให้มาหาหมอนะคะ” ม่านฟ้าพูดไปก็บอกอันทิกาด้วยเสียงเน้นย้ำออกไป อย่างน้อยวันนี้เธอก็ได้รู้ว่าประจำเดือนของอันทิกาคาดเคลื่อน
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ ส่วนนี่นามบัตรของผมครับ ถ้าคุณฝ้ายกับคุณน้ำอิงต้องการให้ผมช่วยอะไรก็โทรมาได้ตลอดเลยนะครับ แต่ถ้าคุณฝ้ายอยากลงมาจากคานเร็วๆก็รีบโทรมานะครับ ผมจะรอ” ไตรเทพเอ่ยพูดบอกไปขณะยืนนามบัตรให้สองสาวไป เขาก็ไม่ลืมที่จะหยอดทิชากรไปด้วยความน่ารัก
“ค่ะคุณไตร ไปนะคะ” ทิชากรพูดไปก็ยิ้มเขินๆ ก่อนจะหยิบเอานามบัตรของไตรเทพมา แล้วเธอก็แอบโบกมือให้กับเขาไปด้วยความเขินๆ ก่อนจะโดนเพื่อนสาวจูงมืออกมาจากตรงนั้น
“ยัยฝ้าย แกนี่มันแรดจริงๆเลยนะ ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาว่าแกแล้ว รีบๆเดินเร็วๆเลย” อันทิกาพูดไปก็จูงมือเพื่อนสาวที่ยิ้มหน้าบานออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะเดินขึ้นบันไดเลื่อนไป