เพชรนราถึงกับหลุบตาลงต่ำ มองที่หน้าตักของตนเอง ชั่วอึดใจหนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้น แล้วหันไปมองรอบข้าง เมื่อไม่เห็นมีรถคันไหนผ่านมาสักคัน จึงกล้าที่ถอดเสื้อยืดออกจากลำตัว พอเหลือบมองคนขับ ก็พบว่าเขาเมินหน้าหนีไปด้านข้าง จึงถอนหายใจ แต่ไม่ค่อยโล่งเท่าไหร่นัก
"ชั้นในก็ถอดด้วย ใส่กางเกงขาสั้นของผม" เขาพูดทั้งที่ไม่ได้หันหน้ามามอง
"คุณจะบ้าหรือไง จะให้ฉันเป็นชีเปลือยต่อหน้าคุณเนี่ยนะ คนดีๆ เขาทำกันที่ไหนกัน" คนใจเต้นไม่เป็นจังหวะเหวเสียงดังใส่
"ผมบอกให้ถอดก็ถอด อย่าเรื่องมาก หรืออยากให้ถอดให้ฮ้า!" ไม่เพียงแค่ พูดชายหนุ่มยังถลา จะเข้าไปจัดการให้ด้วยตัวเอง
"ไม่ต้องๆ" หญิงสาวรีบปลดตะขอชั้นในแล้วสวมเสื้อของเขา ตาก็มองเขาอยู่ตลอดเวลากลัวว่าจะหันกลับมามอง กระทั่งเธอสวมใส่ทุกอย่างเรียบร้อย หน้าของเขาก็ยังอยู่ที่เดิม
"เสร็จแล้ว" เพชรนราบอกเขาเสียงคล้ายกระซิบ คนขับหันมามองเธอเพียงเล็กน้อย ก่อนจะออกรถต่อไปโดยที่ตัวเขาเอง ยังเปียกชุ่มด้วยหยาดฝน หญิงสาวเหลือบไปมองถุงเสื้อผ้าก็พบว่ามันมีแค่ชุดเดียว จะด้วยอะไรก็ช่างยังไงเขาก็คือคนไม่ดี
รถแล่นมาได้สักพักใหญ่ก็เลี้ยวเข้าสู่รั้วบ้านหลังหนึ่ง บริเวณหน้าบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้หนาตา ก่อนจะเห็นบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านใน เขาเป็นใคร ต้องการอะไรจากเธอ เพชรนราไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในชีวิต เห็นสามีมีชู้ก่อนจะถูกผู้ชายหน้าดุคนนี้เอาปืนจ่อแล้วพาขึ้นรถมา
ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างเงียบๆ ฝ่ายหญิงย่อมกลัวขณะที่ฝ่ายชายกำลังใช้สายตาบังคับข่มขู่ เพชรนราส่ายหน้าไม่ยอมที่จะเปิดประตูรถของเขาในทันที จนเจ้าของบ้านหนุ่มเริ่มจะทนสงครามทางสายตาต่อไปไม่ไหว
"ลงไปได้แล้ว" เขาสั่งเสียงเนิบสายตาจ้องดุแบบเอาจริงเอาจัง เพชรนราก็ยังส่ายหน้าช้าๆ ไม่ยอมลงจากรถง่ายๆ
"ไม่ ฉันจะกลับบ้าน คุณปล่อยฉันไปเถอะนะอย่าทำอะไรฉันเลย เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน อย่าทำแบบนี้เลยนะคุณ"
"บอกให้ลง ผมไม่ชอบพูดซ้ำสอง" แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะอีกคนเริ่มจะหงุดหงิด และน้ำเสียงเริ่มตวาดห้วนขึ้น
"ปล่อยฉันไปเถอะนะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยทำอะไรผิดต่อคุณแน่"
"ลงรถ!"
เพชรนราผงะอย่างตกใจเหลียวหลังหาทางหนีทีไล่ แต่ก็ถูกสายตาคู่ดุจ้องเอาแบบรู้ทัน เขาอ้อมไปอีกฝั่งเปิดประตูรถแล้วกระชากข้อมือของเธอให้เดินเข้าบ้านไป บ้านหลังใหญ่แต่ทั้งเงียบและวังเวงเหมือนไม่มีใครอยู่
"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม" หญิงสาวถามคนที่เดินไปกดล็อกประตูหน้าบ้าน เห็นเขาหยุดยืนนิ่งๆ ชั่วอึดใจหนึ่งก่อนจะหันกลับมา
"อยากทำให้สามีคุณคลั่ง" คำตอบของเขาทำให้เพชรนราถึงกับอึ้ง เป้าหมายของเขาคือสามีเธอ
"สิณ นี่คุณมีเรื่องกับสิณเหรอคะ ว่าแต่สิณเขาไปทำอะไรให้คุณโกรธขนาดนี้"
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก" เพชรนราถอยหลังทีละก้าว เมื่อเขาสาวเท้าเข้ามาเกือบจะชิดตัว
"แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ"
"ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่...เอาเมียผม"
"เอาเมียคุณ เอาไปไหน" แม้จะกลัวต่อสายตาที่จ้องมองมา แต่ความอยากรู้ก็ยังมี เพชรนราฝืนมองสบสายตากับเขา เท้าที่ถอยหลังชิดกับขอบโซฟาจนไปต่อไม่ได้ นั่นทำให้เขาจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ แววตาของเขาเหมือนจงเกลียดจงชัง ใครสักคนเหลือคณา
"ก็เอากันยังไงล่ะ! รู้จักไหมเอากันน่ะ" ถ้อยคำที่ตวาดออกมาพร้อมแรงผลักของเขา ทำให้หญิงสาวถึงกับล้ม ลงไปนั่งอยู่บนโซฟา และตามมาด้วยความกระจ่างแก่ใจ เขาแค้นสามีเธอเพราะสามี ของเธอเป็นชู้กับภรรยาของเขา เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับน้ำตาไหลนองหน้าอีกรอบ ทำไมชีวิตมันถึงได้โหดร้ายแบบนี้ หัวใจของเธอรับมันไม่ไหวอีกต่อไป
"ไม่ต้องมาร้อง สามีคุณจะต้องรู้สึก ว่าการถูกสวมเขาให้มันรู้สึกยังไง"
"ฮะ...ฮึก มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันนี่"
"เกี่ยวสิก็คุณเป็นเมียมัน" เขาพาลซึ่งๆ หน้า
"ยังไงมันก็ไม่เกี่ยว พวกเขาเป็นชู้กัน ฉันต่างหากที่เจ็บปวด คุณจะมาลงที่ฉันได้ยังไง ความจริงแล้วเราควรจะเห็นใจซึ่งกันและกันสิถึงจะถูก...ฮึก" หญิงสาวพยายามใช้เหตุผลกับเขา
"ไม่ แบบนั้นมันไม่สำนึก" แต่ก็เหมือนลมผ่านหู ไม่ได้เข้าไปในจิตใต้สำนึกของเขา
"ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย ทำไมต้องมาลงที่ฉัน คุณไม่สงสารฉันหรือไง ฮื้อๆๆ" เพชรนราปิดหน้าร้องไห้ อย่างไม่รู้จะพูดอย่างไรให้เขาเห็นใจ แววตาคู่ตรงหน้าบอกได้เป็นอย่างดี ว่าเขาไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น
"น้ำตามันไม่ช่วยอะไรเลย ผมบอกเลยว่าสามีคุณ ต้องได้รับบทเรียนราคาแพง จากการเป็นชู้กับเมียผม" ความเจ็บปวดจากการถูกภรรยานอกใจ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเคียดแค้นเข้ามาแทนที่
"คุณ ฮึก...จะทำอะไรฉัน" คราวนี้หญิงสาวเขยิบหนีเมื่อเขาตรงเข้ามาหา ก่อนที่ข้อมือของเธอ จะถูกเขาคว้าเอาไว้ข้างหนึ่ง
"มานี่ ขึ้นไปข้างบน" อีกคนก็พยายามฉุดกระชากลากดึงออกมา
"ไม่นะ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น" เพชรนราจับโซฟาเอาไว้แน่น แต่ไหนเลยจะสู้แรงของผู้ชายได้ เขาดึงแค่ครั้งเดียวเธอก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา ก่อนจะถูกลากขึ้นไปบนบันได
"อย่าดื้อได้ไหม" อาธารดุคนที่เอามือจับราวบันไดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทั้งโมโหทั้งขำคนที่ทำตัวเป็นปลิงเกาะโน่นนี่ไปเรื่อย
"ไม่! ปล่อยฉันเถอะ อย่าทำแบบนี้เลยนะ ว้าย!" ร่างอรชรถูกรวบขึ้นไปแบกไว้บนบ่า เพชรนรากอดคอเขาเอาไว้แน่นด้วยความกลัว หากตกลงไปจากบันไดขั้นนี้ ไม่ตายก็คงจะเลี้ยงไม่โต
อาธารรัดร่างของหญิงสาวให้แน่น ก่อนจะค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไป เขาเปิดประตูห้องนอนออกอย่างช้าๆ ห้องที่ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนก้าวเข้ามา ห้องที่มีเพียงภรรยาของเขาคนเดียวที่ได้เหยียบย่าง แต่แล้ววันนี้เขาต้องทำผิดความตั้งใจเดิม ชายหนุ่มค่อยๆ วางร่างนุ่มนิ่มของคนบนบ่าลงบนเตียง ก่อนจะเดินกลับไปล็อกประตูห้อง หันกลับมาอีกที คนบนเตียงก็ไปอยู่ตรงมุมห้อง ในมือก็ถืออาวุธพร้อมที่จะทำร้ายเขา
"คิดว่าโคมไฟนั่นจะช่วยคุณได้อย่างนั้นเหรอ"
"อย่าเข้ามานะ ฉันฟาดจริงๆ ด้วย" คนพูดยกโคมไฟที่ถอดปลั๊กออกแล้ว ขึ้นเหนือศีรษะ ท่าทางเหมือนแมวขู่ฟ่อใส่ศัตรู
"อย่าลำบากเลยคุณ"
"ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ"
"วางมันลงเถอะ"
"ฉันจะกลับ ถอยออกไปนะ ถอยออกไปสิ!" ไม่เพียงแค่ไม่ถอย อาธารยังก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปหาหญิงสาว ไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้ปาโคมไฟ เขาก็ประชิดตัว แล้วดึงโคมไฟออกไปวางไว้ที่เดิม
"ผมบอกแล้วว่าอย่าลำบากทำแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์" วงแขนแข็งแกร่งรัดรอบเอวของอีกคน แล้วดึงไปทิ้งลงบนเตียง โถมกายขึ้นไปคร่อม ทับหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้ขยับ
"อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ มันเป็นเรื่องบ้าที่สุดเลย หากคุณคิดจะแก้แค้นพวกเขาแบบนี้ ไม่มีผลดีต่อคุณและฉันเลย"
"ใช่ คุณพูดถูกเรื่องนี้มันบ้า งั้นเรามาจบกันเถอะ"
"จบอะไร ไม่นะ!"